บทที่ 76
เพราะการมาถึงของอวี้ฉือจิ้งโหรวกับเสียนเกอเอ๋อร์ จวนเซียวอ๋องจึงเปลี่ยนเป็นครึกครื้นขึ้นมากะทันหัน ยามหัวหน้าเว่ยจัดเตรียมอาหารวันปีใหม่เองก็กระฉับกระเฉงเป็นพิเศษ
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนพบว่าท่าทีของเสียนเกอเอ๋อร์ต่อเซียวอ๋องเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สมัยก่อนตอนพบกับเซียวอ๋องที่เมืองหลวง มักมีความรู้สึกเฉยชาไม่แยแส แต่ตอนนี้ในความระวังตัวมีความนอบน้อมเพิ่มเข้ามาด้วย
ดูท่าการไปรับตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในท้องถิ่นของเขาจะได้รับการฝึกฝนมาบ้างจริงๆ ความคึกคะนองในอดีตลดน้อยลง เพิ่มความสุขุมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ระหว่างมื้ออาหารเซียวอ๋องอดทนฟังเสียนเกอเอ๋อร์เล่าเรื่องที่เขาช่วยขุนนางท้องถิ่นของเมืองเล็กเก็บภาษี ซึ่งนอกจากรับฟัง เซียวอ๋องยังช่วยเสนอความคิดดีๆ ให้เสียนเกอเอ๋อร์ไม่น้อยด้วย
หลังจบงานเลี้ยงในครอบครัว เซียวอ๋องพาเสียนเกอเอ๋อร์กับอวี้ฉือจิ้งโหรวไปดูขั้นตอนการผลิตเกลือไผ่ที่นาเกลือ
หลังจากได้เดินดูรอบหนึ่ง เสียนเกอเอ๋อร์เองก็มีความเข้าใจขึ้นมา เมืองเล็กที่เขาอยู่เป็นเมืองยากจนกันดาร ชาวบ้านกินไม่อิ่มท้อง ภาษีที่เก็บได้ต่อปีเองก็ไม่มาก แต่ว่าสถานที่ของเขามีต้นไผ่เหมาเจริญงอกงาม ปกคลุมไปทั่วภูเขา ถึงแม้คุณภาพต้นไผ่เหมาไม่ดีพอ ไม่อาจนำมาใช้ในการผลิตเกลือไผ่ แต่ถ้าพลิกแพลงความคิด เอาไม้ไผ่เหมามาเผาเป็นถ่านไผ่แทนยังคงหารายได้ชดเชยได้บ้าง
เวลานี้มองดูโรงงานเกลือที่ไอร้อนเดือดระอุ รับฟังคนงานเกลือด้านข้างอธิบายให้เขาฟังว่าไม่ถึงหนึ่งปีก่อน ที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ทุรกันดารมีแต่โจรชุกชุม เลือดของคนหนุ่มก็ร้อนระอุขึ้นมาโดยพลัน
บุรุษมีชีวิตอยู่บนโลกพึงเป็นเช่นนี้ ถ้าหากอยู่ในกลียุคก็ควรพกดาบตะขอ สร้างชื่อเสียงทั้งตอนยังมีชีวิตอยู่และตอนสิ้นชีพ ถ้าหากอยู่ในยุคสงบสุขก็ควรใช้กำลังของตนเองช่วยเหลือใต้หล้า สร้างความผาสุกให้แก่ชาวบ้าน
แต่ก่อนในภาพจำของเสียนเกอเอ๋อร์ องค์ชายรองแห่งต้าฉีผู้นี้เป็นเพียงแค่นักรบห้าวหาญคนหนึ่ง ในฐานะขุนนางของต้าเหลียงกลับก่อกบฏ ซ้ำยังเป็นบุรุษที่ไม่สนใจความคิดของญาติผู้พี่ บังคับนางแต่งเป็นชายารองของเขา
อิงจากรูปโฉมของญาติผู้พี่ ต้องมาแต่งเป็นอนุโจรคนหนึ่ง! อวี้ฉือจิ้งเสียนเกลียดชังฮั่วจวินถิงถึงที่สุดจริงๆ
แต่เมื่อเขาสอบขุนนางในฤดูใบไม้ร่วงไม่ผ่าน พี่เขยที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาผู้นี้กลับเขียนจดหมายมาหาด้วยตนเอง ไม่ได้พูดเรื่องสอบขุนนางไม่ผ่าน เพียงแค่ถามว่าเขาอยากไปดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่และการปกครองชาวบ้านของจริงในที่ว่าการเมืองเล็กๆ ในชนบทหรือไม่
อวี้ฉือจิ้งเสียนที่เดิมทีมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าตนเองจะต้องสอบผ่านแน่นอน หลายวันนั้นเอาแต่เก็บตัวอุดอู้อยู่ในจวน เพราะว่าจวนโหวอยู่ไม่ไกลจากสำนักศึกษา บางครั้งจะได้ยินเสียงสหายร่วมเรียนในอดีตที่สอบผ่านขุนนางคุยโวโอ้อวดระหว่างนำของขวัญไปขอบคุณอาจารย์ที่สำนักศึกษาด้วย
เสียงนั้นเทียบเท่ากับเข็มเล่มเล็กทิ่มแทงหัวใจเด็กหนุ่มที่เพิ่งออกพบปะผู้คนไม่นาน ดังนั้นหลังจากได้รับจดหมายของเซียวอ๋อง เขาจึงรับปากอย่างไม่ลังเลสักนิดเดียว
ตอนนี้ดูแล้วถึงแม้แรกเริ่มจะเป็นการหลบหนี แต่กลับจับพลัดจับผลูทำถูกโดยไม่เจตนา ถึงแม้จะเป็นแค่เจ้าหน้าที่ตำแหน่งเล็กๆ แต่สิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในช่วงที่ผ่านมากลับเป็นสิ่งที่ไม่เคยเล่าเรียนในตำรามาก่อน
วันนี้ได้กลับมาพบหน้าพี่เขย อวี้ฉือจิ้งเสียนไม่ได้เย่อหยิ่งจองหองเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว ทุกครั้งที่เซียวอ๋องพูด เขาจะตั้งใจรับฟังอยู่เงียบๆ เสมอ
บรรยากาศระหว่างอวี้ฉือจิ้งเสียนกับเซียวอ๋องดูเป็นมิตรขึ้น อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเองก็ลอบโล่งอก ถึงแม้เซียวอ๋องจะปฏิบัติต่อญาติผู้น้องของครอบครัวท่านลุงอย่างอดทนเป็นพิเศษเพราะนางก็ตาม แต่ถึงอย่างไรฮั่วจวินถิงก็เป็นองค์ชาย ถ้าหากน้องชายทำตัวเป็นเด็กไม่รู้ความ เอาแต่หาเรื่องเขา ยั่วโมโหเซียวอ๋องขึ้นมาได้จริงๆ ถึงเวลาคิดเล่นงานอวี้ฉือจิ้งเสียนขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพละกำลังมากมายเลยจริงๆ
สำหรับสองพี่น้องอวี้ฉือจิ้งเสียนกับอวี้ฉือจิ้งโหรวแล้ว วันเวลาที่อยู่ไหวหนานมีอะไรให้ทำเยอะมาก ช่วงใกล้สิ้นปี เมืองต้าฝู่ของไหวหนานมีประเพณีจัดงานเทพมังกร ถนนสายยาวที่เดิมทีเงียบเหงาถูกพ่อค้าหลากหลายประเภทจากทั่วทุกสารทิศเบียดเสียดกันแออัด เพราะว่าช่วงสิ้นปีการค้าขายดี ทุกคนต่างหวังให้ขายของหาเงินได้มากหน่อยก่อนปีใหม่ จะได้กลับไปฉลองวันปีใหม่ที่บ้านอย่างสบายใจ
ด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของชายารอง จึงไม่อาจเดินเล่นบนถนนได้ตามใจชอบ แต่โรงน้ำชาใกล้กับถนนหลักนั้นคึกคักมาก เพราะว่าสตรีสูงศักดิ์ในท้องถิ่นมีความเคยชินหนึ่งที่ปฏิบัติตามกันมานาน โดยจะเหมาที่นั่งในโรงน้ำชาติดถนนในวันงาน รอรับชมขบวนแห่เทพมังกรบนถนน
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนย่อมต้องเอาอย่าง นางสั่งให้หัวหน้าเว่ยเหมาโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดของท้องที่เอาไว้ ทั้งสามารถรับชมการแสดงบนท้องถนน แล้วยังเป็นโอกาสอันดีในการคบค้าสมาคมกับฮูหยินขุนนางท้องถิ่นไหวหนานได้ด้วย ถึงแม้ทุกวันนี้เซียวอ๋องจะครองใจชาวบ้านยากจนของไหวหนาน แต่คนใหญ่คนโตของท้องถิ่นจำนวนมากยังคงเอนเอียงหาหนานลู่กง ทางด้านนี้นางต้องค่อยๆ ลงแรงด้วย ในเวลาสั้นๆ ใจร้อนไปก็เปล่าประโยชน์