บทที่ 9
หวังอวี้หล่างไม่นึกฝันว่าจะได้มาเจอกับองค์ชายรองที่นี่ เมื่อครู่นี้เขายังแสดงกิริยาเสียมารยาทอีกด้วย ในเวลานั้นจึงแอบประดักประเดิด
เพียงแต่เหตุใดเซียวอ๋องจึงถามถึงผ้าเช็ดหน้าในมือเขาเป็นพิเศษเล่า
ระหว่างที่พูด ร่างกายสูงใหญ่กำยำของเซียวอ๋องก็ค่อยๆ เดินเข้าหา นิ้วเรียวยื่นออกมาหยิบผ้าเช็ดหน้าในมือของเขาไปอย่างง่ายดาย
หวังอวี้หล่างเบิกตากว้าง พูดไม่ออก รู้สึกว่าเซียวอ๋องซึ่งปกติพูดน้อยเย็นชาอยู่เสมอคนนี้ออกจะผิดปกติมากในวันนี้ เขาอยากชิงของรักกลับมาจากอีกฝ่าย ทว่าก็ไม่กล้าล่วงเกิน ได้แต่ค้อมกายลงรอให้เซียวอ๋อง ‘พินิจชม’ ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเสร็จ
เซียวอ๋องหลุบนัยน์ตาลงมองดูลายปักที่คุ้นตาในมือ ช่างเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แม้แต่ปมด้ายตรงเข็มสุดท้ายที่ดูเงอะงะยังเหมือนกันไม่มีผิด…งานปักที่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนนำออกมาขายภายหลัง เขาก็สั่งให้คนไปซื้อเก็บมาหมดแล้ว ไม่เคยหลุดออกสู่ตลาด ถึงแม้ลายปักจะมาจากฝีมือคนสองคนอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด ฮั่วจวินถิงกลับมองออกทันทีว่าผืนที่แย่กว่าบ้างเป็นฝีมือของอวี้ฉือเฟยเยี่ยนผู้นั้น
วันนี้ได้มาเห็นฝีเข็มที่คุ้นตา เขาค่อยๆ เอ่ยปาก “ลวดลายบนนี้คือดอกต๋าต๋าฮวา ทนหนาวแต่ไม่กลัวร้อน พลังชีวิตทนทานอย่างมาก เพียงแต่ลายปักเช่นนี้หาได้ยาก ไม่รู้ว่าคุณชายหวังหาซื้อมาจากที่ใด ข้าเองก็อยากได้สักผืนเช่นกัน”
หวังอวี้หล่างตอบตะกุกตะกัก “ข้าวของจุกจิกพวกนี้ต่างซื้อเข้าจวนมารวมๆ ไม่ทราบเช่นกันว่าบ่าวรับใช้ไปหามาจากที่ใดพ่ะย่ะค่ะ…”
เซียวอ๋องเลิกคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย “อ้อ? หากเป็นของที่บ่าวรับใช้ซื้อมา เกรงว่าคุณชายหวังคงไม่เห็นเป็นสมบัติมากเพียงนี้ พกติดกายไว้ไม่ห่างจริงหรือไม่ หรือว่าจะ…เป็นของแทนใจปักด้วยมือตนเองของสตรีนางใด”
ถ้าหากเป็นคำถามจากสหายสนิท หวังอวี้หล่างคงจะยิ้มขัดเขิน ยอมรับกลายๆ ไปแล้ว แต่ตอนนี้ผู้ที่ถามคำถามเขาคือองค์ชายรองแห่งต้าฉี ทั้งยังเป็นพี่ชายขององค์หญิงเล่อผิงผู้นั้น ควรจะตอบกลับอย่างไรค่อนข้างพูดยากแล้ว
ข่าวลือเสียหายในช่วงนี้ ถึงแม้จะบ่อนทำลายศักดิ์ศรีบุรุษอยู่บ้าง แต่ก็มีข้อดีอย่างหนึ่ง นั่นคือการแต่งงานที่บิดามุ่งหมายจะปีนป่ายสูงนี้ไม่น่าจะลงเอยสำเร็จอีก แต่ดูจากท่าทีของบิดาก็คล้ายจะยังไม่เต็มใจ หลายวันก่อนส่งมารดาเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮองเฮาอีกครั้ง บอกว่าบุตรชายตนเองใสซื่อบริสุทธิ์ ยังเป็นหนุ่มบริสุทธิ์ไม่เคยนอนกับสตรีคนใด ดังนั้นจึงหน้าบางไปบ้าง ใช่ว่าขึ้นเตียงแล้วจะไร้ความสามารถจริง เหมือนตั้งใจจะขอให้ฮองเฮาส่งนางกำนัลมาทดลองเข้าหออีกครั้งอย่างไรอย่างนั้น
เรื่องหยามเกียรติเพียงนี้ยังจำเป็นต้องมีครั้งที่สองที่ไหนกัน หวังอวี้หล่างตัดสินใจกัดฟันเอ่ย “มิกล้าปิดบังเซียวอ๋อง เป็นของที่สตรีนางหนึ่งมอบให้กระหม่อมจริงๆ กระหม่อมได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากฝ่าบาท เต็มพระทัยจับคู่สายเลือดขัตติยะกับกระหม่อม แต่คล้ายองค์หญิงเล่อผิงจะไม่ทรงยินยอม อีกทั้งกระหม่อมมีคนในดวงใจอยู่นานแล้ว หวังว่าองค์ชายรองจะสามารถตรัสยกเลิกการแต่งงานนี้ต่อพระพักตร์ฝ่าบาท มิฉะนั้นหากปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะกลายเป็นคู่เวรคู่กรรมคู่หนึ่ง…”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วลอบเหลือบสายตาขึ้นมองสีหน้าของเซียวอ๋อง เพียงแค่มองก็ต้องใจกระตุกวาบ เห็นเซียวอ๋องมีสีหน้าเคร่งขรึม นัยน์ตาหรี่ลง กำลังจ้องเขม็งมองเขาด้วยสายตาน่ากลัวแบบหนึ่ง
ผ่านไปสักพักสีหน้าเซียวอ๋องถึงค่อยๆ อ่อนลง “คุณชายของอัครเสนาบดีหวังช่างขวัญกล้านัก กล้าปฏิเสธน้องสาวของข้าต่อหน้าข้า เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากคำพูดนี้ของเจ้าเข้าหูเสด็จพ่อ สกุลหวังของพวกเจ้าจะโชคดีหรือประสบเคราะห์ร้ายมากกว่ากัน”
พูดจบแล้วออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ฉีกผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นชิ้นๆ ก่อนสะบัดมือโยนทิ้งลงพื้น “ข้าจะเหยียบเรื่องนี้เอาไว้ มิฉะนั้นหากทำให้ราชวงศ์เสียหน้า สตรีในดวงใจผู้นั้นของเจ้า…เกรงว่าจะเอาตัวรอดได้ยากเช่นกัน…”
เซียวอ๋องพูดจบแล้วหันตัวกลับจากไปอย่างเย็นชา ทิ้งให้หวังอวี้หล่างมองดูเศษผ้าเกลื่อนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด