บทที่ 10
เซียวอ๋องยิ้มน้อยๆ ก้มหน้าเอ่ยด้วยความเคารพ “เจตนาดีของท่านพี่ น้องรับเอาไว้ด้วยใจแล้ว เพียงแต่เสด็จพ่อเพิ่งพระราชทานสมรสให้น้อง ถ้าหากเวลานี้มีปัญหาอื่นเพิ่มมา…เกรงว่าจะไม่ดี…”
เขาพูดจบแล้วบอกลาอีกครั้งก่อนขึ้นหลังม้าควบจากไป
ฮั่วตงเหลยเห็นฮั่วจวินถิงเดินทางออกจากตลาดแล้วถึงค่อยหุบรอยยิ้มลง
เมื่อครู่นี้ฮั่วจวินถิงไม่ได้โกหก บิดาจะมอบสมรสพระราชทานคู่ครองที่ดีให้กับองค์ชายรองผู้มัวยุ่งกับการศึกเหนือใต้จนไม่มีชายาเอกสักทีแล้ว
สตรีที่กำลังจะกลายมาเป็นชายาเอกผู้นี้คือบุตรสาวของเสิ่นเม่ากง…จิ้งคังอ๋องแห่งต้าฉี เสิ่นเม่ากงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าแก่ของฮ่องเต้ฉีตี้ เป็นสหายสนิท ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเป็นพี่น้องแท้ๆ กับเสิ่นฮองเฮาแห่งต้าฉี
สกุลเสิ่นมีภูมิหลังเป็นคหบดีในซินเหยี่ย ทรัพย์สมบัติอู้ฟู่ ช่วงที่ฮั่วอวิ่นก่อกบฏแล้วขาดแคลนเงินทอง เวลานั้นเสิ่นเม่ากงเป็นประมุขของสกุลเสิ่น แต่ก็เป็นคนประเภทเก็บงำล้ำลึก ไม่เพียงแต่ไม่ตกใจจนปฏิเสธความสัมพันธ์ กลับกันยังสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทรัพยากรทางการทหารล้วนได้สกุลเสิ่นช่วยสนับสนุน มิหนำซ้ำช่วงหลังของสงคราม เขาที่คบหาสหายกว้างขวางยังพยายามติดต่อกับผู้มีอำนาจของท้องที่ต่างๆ ปัดกวาดอุปสรรคให้กับฮั่วอวิ่นไม่น้อยด้วย
เรื่องที่หาได้ยากกว่านั้นคือเสิ่นเม่ากงเป็นคนรู้จักวางตัวอย่างมาก ไม่เคยวางท่าพี่ภรรยาฮ่องเต้ต่อหน้าผู้อื่น ต่อให้ตอนนี้ดูแลกรมอากร รับตำแหน่งสูง แต่ว่ายังคงขยันขันแข็งทำงาน ทุกวันตื่นตั้งแต่ไก่ขัน เป็นขุนนางคนแรกที่มาถึงราชสำนักเสมอ ผู้คนต่างพูดว่าเสิ่นกั๋วจิ้วผู้นี้พูดจามีน้ำหนักมาก ปกติไม่พูดมาก แต่ทุกข้อเสนอของเขาต่างไม่เคยถูกฮ่องเต้ฉีตี้ปฏิเสธ ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ฉีตี้สูงมาก
เสิ่นเม่ากงมีบุตรชายสองคน บุตรสาวหนึ่งคน บุตรชายคนโตมีนิสัยเหมือนบิดา ทำอะไรสุขุม ช่วยบิดาทำงานอยู่ที่กรมอากร บุตรชายคนรองชวนให้คนผิดหวังอยู่บ้าง สนใจแต่ด้านบู๊ เป็นคนรับมือยากที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทว่าก็เป็นหัวหน้ากองกำลังทหารม้าสิบหกองครักษ์ของเมืองหลวง
ส่วนบุตรสาวคนเล็กเสิ่นหย่าจิ้งเองก็โดดเด่น อายุสิบห้าปีประดุจบุปผาบอบบางดอกหนึ่ง บุปผาสูงศักดิ์ดอกนี้จะร่วงลงบ้านของใครต่างเป็นเรื่องที่คนสนใจ
เดิมทีรัชทายาทมีความมุ่งมั่นจะคว้าญาติผู้น้องคนนี้มาครอง รัชทายาทเคยแต่งภรรยาเอกตั้งแต่อยู่ที่บ้านเกิดซินเหยี่ย ทว่าภายหลังในช่วงสงครามชุลมุน ภรรยาเอกหลี่ซื่อเสียชีวิตไประหว่างสงคราม ถึงแม้ภายในจวนของรัชทายาทจะมีชายารองกับอนุหลายคน แต่ตำแหน่งชายารัชทายาทยังคงว่างเว้นมาตลอด ฮั่วตงเหลยตระหนักว่าถ้าหากดึงตัวท่านลุงที่มองดูถ่อมตน แต่แท้จริงมีอำนาจมากในราชสำนักผู้นี้มาเป็นพวกได้ ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งรัชทายาทของตนเองก็จะยิ่งมั่นคงกว่าเดิม จึงเคยแสดงเจตนานี้ต่อหน้าเสิ่นฮองเฮามารดาของตนเอง หวังว่าจะรับตัวญาติผู้น้องผู้อ่อนหวานเข้ามาในตำหนักรัชทายาทได้
เสิ่นฮองเฮาเองก็หวังจริงๆ ว่าบุตรชายคนโตที่ตนเองรักเอ็นดูจะกลายมาเป็นบุตรเขยของพี่ชาย แต่มีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่งคือเสิ่นหย่าจิ้งเป็นคนมีความคิดความอ่านของตนเองตั้งแต่เด็ก นางตกหลุมรักฮั่วจวินถิงญาติผู้พี่รองของตนเองมานานแล้ว
ตรงจุดนี้ของนางกลับเหมือนเสิ่นฮองเฮาผู้เป็นอาหญิง ถึงแม้จะมองดูสูงสง่าอ่อนหวาน ความจริงมีความดื้อรั้นสูงมาก ทันทีที่ตัดสินใจอะไรแล้วต่อให้เป็นพระราชโองการจากผู้มีอำนาจสูงสุดก็มิอาจเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าฮั่วตงเหลยจะแสดงความกระตือรือร้นด้วยกี่ครั้งล้วนล้มเหลวกลับมา จึงหวังให้บิดาออกสมรสพระราชทานยกญาติผู้น้องให้กับตนเอง แต่นึกไม่ถึงว่าเสิ่นหย่าจิ้งผู้นั้นได้ยินข่าวแล้วกลับเข้าวังมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ตามลำพัง แล้วก็ไม่รู้ว่าพูดอะไร ส่งผลให้บิดาเปลี่ยนความคิด ออกพระราชโองการยกนางแต่งงานกับเซียวอ๋องฮั่วจวินถิงแทน
ถึงแม้รัชทายาทจะไม่นับว่าหลงรักญาติผู้น้อง แต่เจตนาลึกซึ้งเบื้องหลังการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์นี้กลับทำให้เขานอนหลับไม่ลงตลอดทั้งคืน เหตุใดบิดาถึงทำเช่นนี้ คงไม่ใช่ว่าเกิดความคิดเปลี่ยนตัวรัชทายาทหรอกนะ? ความคิดฮ่องเต้ยากจะคาดเดา ช่างชวนให้คนไม่สบายใจ…
ทว่าตลอดมาน้องรองสนใจแต่กิจทหาร ไม่แยแสสตรี ต่อให้ญาติผู้น้องสกุลเสิ่นเสนอไมตรีให้ก่อนก็ไม่เคยเห็นว่าอีกฝ่ายจะรักหยกถนอมบุปผาสักเท่าไร ครั้งนี้กลับถูกเด็กสาวขายโจ๊กริมถนนนางหนึ่งดึงดูดจนลืมกลับบ้านหลายต่อหลายครั้ง…