ฮั่วตงเหลยคิดมาถึงตรงนี้ก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ย้อนระลึกถึงคำพูดเมื่อครู่นี้ของฮั่วจวินถิง… ‘ถ้าหากเวลานี้มีปัญหาอื่นเพิ่มมา…เกรงว่าจะไม่ดี…’
พูดเช่นนี้แสดงว่าน้องรองตั้งใจจะแต่งญาติผู้น้องเข้าจวนอ๋องแล้วค่อยรับซีซือน้อยขายโจ๊กผู้นี้เข้ามาในอ้อมกอดตนเองอีกที นั่งเป็นชาวประมงรอรับผลประโยชน์เช่นนั้นหรือ
แม่ทัพพิโรธเพื่อสตรีในดวงใจ…เป็นประโยคงดงามที่มีมาแต่โบราณ เพียงแค่ไม่รู้ว่าน้องชายผู้ใจเย็นสุขุมตลอดมาของตนเอง หากเจอกับด่านปกป้องสตรีในดวงใจจะแสดงออกเช่นไร
คิดมาถึงตรงนี้เขาก็หันตัวกลับมองเงาร่างบอบบางสีชมพูที่วุ่นวายอยู่ในร้านโจ๊ก แล้วเอ่ยกับองครักษ์ด้านหลัง “ไปเชิญตัวหัวหน้าเสิ่นแห่งกองกำลังทหารม้ามาที่ตำหนักข้า ไม่เคยร่วมดื่มกับเขาดีๆ มานานแล้ว…”
ไม่กี่วันต่อมาร้านโจ๊กมีแขกไม่ได้รับเชิญผู้หนึ่งมาเยือน คุณชายร่างกำยำในชุดหรูหราที่ใบหน้ามีแต่เนื้อย้อยพาบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งมาที่ร้านโจ๊กสกุลอวี้ฉือ อวี้ฉือจิ้งโหรวกำลังล้างผักอยู่ด้านข้าง คุณชายผู้นั้นเข้าร้านโจ๊กมากวาดตามองรอบหนึ่ง ก่อนจับจ้องบนดวงหน้าที่งดงามของอวี้ฉือจิ้งโหรว มองสำรวจขึ้นลงแล้วหัวเราะเสียงเย็นเบาๆ เอ่ยกับตนเอง “เป็นคนน่ามองคนหนึ่ง มิน่าถึงเย้ายวนจนทำให้ว่าที่น้องเขยข้าไม่อาจละสายตา…”
ยวนยางที่อยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าของคุณชายผู้นั้นผิดปกติ ลอบร้องในใจทันทีว่าแย่แล้ว!
อวี้ฉือจิ้งเสียนไปเรียนที่สำนักศึกษา ตอนนี้คุณหนูไม่อยู่ร้าน ไปคำนวณบัญชีกับเถ้าแก่ร้านเชียนซิ่วกับนายท่านอวี้ฉือ ถ้าหากมีคนมาหาเรื่อง…คิดมาถึงตรงนี้ยวนยางก็หยิบมีดหั่นผักบนเขียงขึ้นมาเงียบๆ
บิดาของนางเป็นปรมาจารย์หมัดมวยชื่อดัง เคยฝึกวิชาหมัดมวยอยู่บ้านมาตั้งแต่เด็ก ภายหลังเพราะว่าบิดาเสียชีวิต นางที่กลายเป็นเด็กกำพร้าจึงขายตัวเองเป็นทาสเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพ กลายมาเป็นสาวใช้ส่วนตัวของคุณหนู นางพอเป็นวรยุทธ์จึงสามารถปกป้องความปลอดภัยของคุณหนูได้ ดังนั้นวิชาหมัดมวยนี้ของนางจึงไม่ได้ถูกทิ้งร้างไป
แต่นึกถึงว่าที่นี่เป็นเมืองหลวง ไม่ได้อยู่ที่ภูเขาไป๋ลู่อีกต่อไป คิดแล้วยวนยางจึงวางมีดหั่นผักลง เปลี่ยนเป็นหยิบไม้จุดไฟท่อนหนาที่เพิ่งตัดมาใหม่แทน
คุณชายหน้าตาดุร้ายผู้นั้นนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางวางโตแล้วสั่งโจ๊กชามหนึ่งก่อน เพิ่งกินไม่กี่คำก็ร้องตำหนิออกมา “ให้ตายสิ ถุย! แมลงสาบตัวใหญ่เพียงนี้ เครื่องเคียงร้านโจ๊กแย่ๆ ของพวกเจ้ามีทั้งผักทั้งเนื้อครบเลยนี่!” พูดจบแล้วหยิบซาก ‘แมลงสาบ’ เปลือกดำหนวดยาวตัวหนึ่งออกมาจากชามโจ๊ก
คราวนี้ดีแล้ว ลูกค้าที่ยังนั่งกินโจ๊กอยู่ในร้านอีกจำนวนหนึ่งเห็นแล้วพากันอาเจียนแห้ง ลุกฮือออกไปโดยไม่ทิ้งค่าโจ๊กเอาไว้ด้วยซ้ำ
แมลงสาบตัวใหญ่เพียงนั้น แค่มองก็ไม่คล้ายพันธุ์ของจงหยวน เมื่ออวี้ฉือจิ้งโหรวหายตกใจแล้วเพ่งดูก็รู้สึกโมโหจนหัวเราะออกมาแทน คุณชายที่มาหาเรื่องผู้นี้ช่างไม่เลือกอะไรเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าไปจับด้วงเขายาวที่ไหนมาปลอมเป็นแมลงสาบ
โจ๊กเย็นมีอยู่ในชามแค่นั้น ถ้าหากแมลงเปลือกดำสักตัวตกลงไปจริงๆ ก็มองเห็นตั้งแต่ตักใส่ชามให้แล้ว จะยังวนไปให้เขาแหกปากร้องตำหนิที่ใดกัน
เวลานั้นจึงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “คุณชายท่านนี้ รอบๆ ร้านโจ๊กของพวกเราไม่ได้มีต้นไม้ที่ด้วงเขายาวชอบอยู่ แมลงตัวใหญ่เพียงนี้ไม่มีทางมองไม่เห็นตอนตัก แค่ท่านคนโจ๊กเล็กน้อยก็ลอยขึ้นมาแล้ว…คงไม่ใช่ว่าคุณชายไม่ทันระวังพาเข้ามาเองกระมัง”
คุณชายแต่งกายหรูหราผู้นั้นแค่นเสียงเย็น มองอวี้ฉือจิ้งโหรวที่ตักโจ๊กให้เขาพร้อมเอ่ยอย่างอำมหิต “นึกไม่ถึงว่าจะเป็นร้านโจ๊กไร้คุณธรรม ตอนนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัว สงสัยว่าโจ๊กที่ร้านเจ้าต้มออกมายังมีสิ่งของสกปรกอื่นอีกด้วย! ข้าคือเสิ่นคัง หัวหน้ากองกำลังทหารม้าสิบหกองครักษ์แห่งเมืองหลวง สงสัยว่าเจ้าเป็นพรรคพวกของกบฏราชวงศ์ก่อน มีเจตนาร้ายตั้งใจวางยาพิษแม่ทัพแห่งต้าฉี ทหาร! มาจับตัวสตรีนางนี้ไปไต่สวนที่จวนที่ว่าการโดยละเอียด!”
เมื่อเห็นชายฉกรรจ์หลายคนด้านหลังเขากรูกันเข้ามา ยวนยางรีบยกไม้จุดไฟขึ้นเหวี่ยงใส่พวกเขา เสิ่นคังที่เป็นผู้นำคนนั้นไม่ทันระวัง ขมับถูกไม้จุดไฟแฉลบเข้าให้ กลายเป็นรอยข่วนเล็กๆ หลายเส้นทันที เดิมทีเขาก็ถูกคนยุแยงให้จงใจมาหาเรื่อง คราวนี้เลือดขึ้นหน้า โมโหจนร้องโวยวายเสียงดังกว่าเดิม ยิ่งพูดเต็มปากเต็มคำมากขึ้น “นางสตรีป่าเถื่อน กล้าลงมือทำร้ายแม่ทัพของราชสำนัก ถ้าเจ้าไม่ใช่กบฏแล้วจะเป็นใครอีก!” พร้อมกับคว่ำโต๊ะเก้าอี้ ยกเท้าถีบยวนยางทันที
ทั้งสองคนต่อสู้พัวพันกัน ผ้ากันสาดของร้านโจ๊กเองก็ถูกกระชากล้มคว่ำ บริเวณปากตรอกเนืองแน่นไปด้วยชาวบ้านรับชม ทว่าองครักษ์ของกองกำลังทหารม้าสิบหกองครักษ์ยืนเฝ้าอยู่ปากตรอกตั้งแต่แรก ทั้งยังแสดงป้ายคาดเอวบอกกับชาวบ้านว่าปฏิบัติหน้าที่ ในเวลานั้นทุกคนต่างพากันชมเรื่องสนุก ไม่มีใครไปแจ้งทางการอีก
ต่อให้ยวนยางผู้นั้นเก่งกาจกว่านี้ก็ยังเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง จะต่อกรกับหมาป่าหิวกระหายทั้งฝูงได้อย่างไร เพียงไม่นานก็ตกเป็นรอง