ในตอนที่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกับท่านลุงกลับมา บริเวณปากตรอกถูกปิดล้อมจนผ่านไม่ได้แล้ว นางนึกสังหรณ์ใจว่าเกิดเรื่องใหญ่ รีบเบียดฝ่ากลุ่มคนเข้าไปดูด้วยกันกับท่านลุง
ยวนยางกำลังขดตัวอยู่บนพื้น สองมือป้องกันศีรษะขณะถูกชายฉกรรจ์รุมกระทืบ ส่วนญาติผู้น้องถูกผู้ที่มาจับมัด ลากตัวกับพื้นไปข้างหน้า ดวงหน้าเล็กตกใจจนเผือดสี ถึงแม้ท่านลุงจะเป็นคนอ่อนแอ แต่เห็นบุตรสาวถูกข่มเหงรังแกเช่นนี้กับตาก็พุ่งเข้าไปปกป้องบุตรสาวดั่งคนเสียสติ ผลปรากฏว่าถูกเหวี่ยงตัวไปชนก้อนหินริมกำแพง ศีรษะเลือดไหลทันที
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนสายตาเฉียบแหลม เพียงกวาดตามองก็เห็นป้ายคาดเอวที่แกว่งไกวไปมาบนตัวคนเหล่านั้น คาดเดาถึงตัวตนของพวกบุรุษชั่วร้ายพวกนี้ออก ในใจนางร้อนรน หลังจากประคองตัวท่านลุงขึ้นมาก็ตั้งใจจะฝืนพุ่งเข้าไปช่วยยวนยางที่ไม่อาจรับมือกับศัตรู ถูกต่อยตีจนใกล้สลบอยู่แล้ว
แต่ว่านางเพิ่งขยับตัวก็มีคนรั้งแขนนางไว้จากข้างหลัง “คุณหนูอวี้ฉือ อย่าเข้าไปจะดีกว่าขอรับ จะได้ไม่โดนลูกหลงบาดเจ็บ ให้ข้าน้อยรายงานลำบาก…”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเหลียวหน้ามองไป นึกไม่ถึงว่าจะเป็นบุรุษชุดครามสองคนที่คอยจับตามองนางมาตลอดหลายวันนี้
ช่วงที่ผ่านมาบุรุษทั้งสองคนคอยตามดูอวี้ฉือเฟยเยี่ยนทุกสภาพอากาศ เห็นพวกเขาทำงานกันเหน็ดเหนื่อย ยังเคยอาศัยโอกาสที่พวกอวี้ฉือจิ้งเสียนไม่ทันสังเกต ยกน้ำชาไปให้พี่ชายทั้งสองดื่มดับร้อนด้วยตนเอง
พี่ชายสองคนนั้นเห็นว่าถูกนางจับได้กลับไร้ความกระอักกระอ่วน หลังจากเอ่ยขอบคุณก็รับน้ำชามาดื่มจนหมดถ้วย จากนั้นทำงานต่อเช่นเดิม อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้ถือสา เพียงทำงานของตนเองต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงอย่างไรสองคนนี้ก็เฝ้าอยู่ตลอดวัน ไม่เคยมารบกวน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรเซียวอ๋องผู้นั้นถึงจะล้มเลิกความคิดสืบข่าวเรื่องกองทัพกบฏจากนางเสียที
เวลานี้เมื่อนางเห็นพวกเขา ทั้งยังเห็นท่าทางขมวดคิ้วมองบุรุษโหดเหี้ยมจากกองกำลังทหารม้าพวกนั้นแล้วดูไม่คล้ายเป็นพวกเดียวกัน…
คิดมาถึงตรงนี้นางจึงหันมาเอ่ยขอร้อง “ขอให้นายท่านทั้งสองช่วยน้องสาวกับสาวใช้ที่น่าสงสารของข้าด้วย…”
นึกไม่ถึงว่าหนึ่งในนั้นจะเอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านอ๋องสั่งให้ข้าน้อยดูแลคุณหนูอวี้ฉือเฟยเยี่ยนให้ดีเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงคนอื่นขอรับ…”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนหันหน้าไปมองอย่างร้อนใจ มองดูท่านลุงที่เลือดอาบศีรษะ แต่ยังคงพยายามพุ่งเข้าไปด้วยสภาพโงนเงนก็กัดฟันกรามเอ่ยอย่างร้อนรน “ข้ามีความลับบางอย่างของกองทัพผดุงธรรมต้องการทูลเซียวอ๋อง ขอให้นายท่านทั้งสองลงมือเข้าช่วยด้วย ให้พวกเขาเลิกทุบตีคนเสียที…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทั้งสองคนก็หันมาสบตากันแล้วพุ่งร่างเข้าไปกะทันหัน ลงมือจัดการคว่ำชายฉกรรจ์จากกองกำลังทหารม้าที่หมายล้อมเข้ามากระทืบอวี้ฉือรุ่ยทันที ทั้งยังไล่กลุ่มบุรุษที่รุมทำร้ายยวนยางอยู่ให้ถอยออกไปด้วย
เสิ่นคังถูกพวกเขาทำให้ตกตะลึง ตวาดถาม “พวกเจ้าเป็นใคร! กล้าขวางการทำงานของกองกำลังทหารม้าอย่างนั้นรึ”
คนชุดครามผู้หนึ่งชูป้ายทหารของตนเองแล้วเอ่ยว่า “ข้าคือองครักษ์ทหารม้าในสังกัดของเซียวอ๋อง ได้รับคำสั่งให้มาคุ้มครองความปลอดภัยของคุณหนูอวี้ฉือ หวังว่าใต้เท้าเสิ่นจะอำนวยความสะดวกให้ด้วยขอรับ”
เสิ่นคังเป็นบุตรชายคนรองของเสิ่นกั๋วจิ้ว นิสัยหยาบคาย รวมกับเคยมีความขัดแย้งเก่าเก็บกับเซียวอ๋อง เดิมทีก็เห็นองค์ชายรองผู้นั้นขัดตาอยู่แล้ว เขากับรัชทายาทสนิทสนมกัน เมื่อไม่กี่วันก่อนบังเอิญได้ยินจากรัชทายาทว่าเซียวอ๋องที่เพิ่งรับพระราชโองการแต่งงานกับน้องสาวตนเองแอบไปส่งสายตาให้แม่ค้าขายโจ๊กต่ำต้อยผู้หนึ่งในตลาด จึงโมโหเลือดขึ้นหน้าอย่างห้ามไม่ได้
ท่านอาหญิงของเขาเป็นฮองเฮาองค์ปัจจุบัน สกุลเสิ่นอยู่ในต้าฉีพูดได้ว่าเปรียบประดุจตะวันกลางผืนฟ้า ส่งผลให้เขายิ่งไม่เห็นใครในสายตา เดิมทีเขาอยากให้น้องสาวตนเองแต่งงานกับรัชทายาท อนาคตน้องสาวกลายเป็นฮองเฮาพระองค์ใหม่แห่งต้าฉี เกียรติยศของสกุลเสิ่นจะได้สืบทอดต่อไปได้ แต่น้องสาวที่ปกติใจเย็นฉลาดเฉลียวของเขาครั้งนี้กลับเลอะเลือน จะต้องแต่งให้กับองค์ชายรองตัวซวยให้ได้เท่านั้น!
ต้องรู้ว่าแม้แต่คนที่มุทะลุอย่างเขายังมองออกว่าฮ่องเต้ป้องกันตัวจากบุตรชายคนรองของตนเอง! ระยะนี้กระจายอำนาจทางทหารบ่อยครั้ง ฮั่วจวินถิงเหลือทรัพย์สมบัติอยู่อีกไม่มาก ใครไม่รู้บ้างว่าเซียวอ๋องสูญเสียความโปรดปรานจากฮ่องเต้แล้ว
ดังนั้นเขาจึงมาหาเรื่องสตรีขายโจ๊กอย่างมั่นอกมั่นใจ ถ้าหากเซียวอ๋องผู้นั้นรู้กาลเทศะไม่โผล่หน้ามายังดี ถ้าหากฝืนออกหน้า เขาก็อยากรอดูว่าว่าที่น้องเขยผู้นี้ตั้งใจจะหาข้ออ้างเช่นไรมาคุ้มครองคู่นอนที่ยังไม่รับเข้าจวนผู้นี้
แต่นึกไม่ถึงว่าเซียวอ๋องกลับเป็นคนรู้จักรักหยกถนอมบุปผา ส่งองครักษ์สองคนมาปกป้องซีซือน้อยขายโจ๊กผู้นี้แต่เนิ่นๆ คำพูดของรัชทายาทไม่ได้ไร้มูลจริงๆ ด้วย!