LOVE
ทดลองอ่าน ณัฐรัมภา บทนำ-บทที่ 1
มัณฑนากรสาวยื้อสติของตัวเองไว้ได้ทันฉิวเฉียดก่อนที่จะเผลอหลับ เธอรีบเตือนตัวเองว่าต้องล้างเครื่องสำอางเพื่อไม่ให้หน้าเป็นสิว ความกลัวหน้าพังช่วยให้สามารถยันตัวลุกจากโซฟาได้สำเร็จ ร่างในชุดเดรสสีแดงเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำ นอกจากล้างเครื่องสำอางแล้วก็อาบน้ำด้วยเลย แต่นอกจากมันจะไม่ช่วยให้เธอสดชื่นขึ้น กลับยังส่งผลในทางตรงข้าม คือยิ่งง่วงหนักกว่าเก่าเสียอีก ทว่าเธอก็ยังอุตส่าห์สั่งตัวเองให้ออกไปเก็บกระเป๋าสะพายเข้ามาในห้องนอนเพื่อเอามือถือมาชาร์จแบตเตอรี่จนได้
ตาของณัฐรัมภาแทบปิดสนิทแล้วตอนหยิบมือถือออกมา เธออาศัยความเคยชินเสียบสายชาร์จได้สำเร็จอย่างไม่ยากเย็น แต่กระนั้นสัมผัสบางอย่างที่แปลกไปก็ทำให้เธอต้องลืมตาขึ้นมองมือถือของตัวเอง เพราะนึกได้ว่าเมื่อหัวค่ำเธอทำมันหลุดมือ ดังนั้นก็ไม่แน่ว่าเคสโทรศัพท์อาจเสียหาย ทว่าเธอกลับพบเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้น…
เดี๋ยวนะ เคสมือถือของเราไม่ใช่สีนี้ รูปร่างหน้าตาก็ไม่ใช่…เฮ้ย!!!
หญิงสาวตาสว่างในบัดดล เธอพลิกมือถือไปมาหลายรอบอย่างแตกตื่น…ถึงจะเป็นมือถือรุ่นเดียวกัน แต่อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่มือถือของเธอแน่ๆ!
หรือว่า…
ณัฐรัมภานึกถึงเหตุการณ์ตอนเธอเดินชนกับชายแปลกหน้าจนโทรศัพท์หลุดจากมือขึ้นมาได้ เธอไม่แน่ใจว่าตอนนั้นในมือของเขาถือโทรศัพท์อยู่หรือเปล่า แต่มันก็เป็นไปได้ว่าตอนเขาก้มลงไปเก็บมือถือใส่กระเป๋าให้เธออาจเกิดความสับสนบางอย่าง เขาคงไม่ได้มีเจตนาจะขโมย เพราะไม่อย่างนั้นมือถือของเธอคงหายไปโดยไม่มีอีกเครื่องมาแทนแบบนี้
หญิงสาวพยายามตั้งสติ จากนั้นก็กดเรียกหน้าจอให้สว่างขึ้นมา ไม่มีข้อความใดๆ ที่ฟ้องว่าเจ้าของเครื่องกำลังตามหามือถือของตัวเองอยู่ มีเพียงข้อความให้ปลดล็อกตามปกติเท่านั้น
บางทีเขาอาจจะยังไม่รู้ตัวก็ได้
จากที่กำลังจะทิ้งตัวลงนอนณัฐรัมภาก็เปลี่ยนเป็นลุกจากเตียงเพื่อไปเปิดคอมพิวเตอร์ เธอใช้เวลาไม่นานก็ล็อกอินเข้าสู่แอ็กเคาต์เพื่อเริ่มทำการตามหาโทรศัพท์มือถือที่หายไป ก่อนอื่นเธอกดเช็กตำแหน่งที่ตั้งและพบว่ามันกำลังเคลื่อนไหว น่าจะอยู่บนรถสักคัน เธอเลยกดเข้าสู่โหมดล็อกเครื่องสำหรับมือถือที่สูญหาย จากนั้นก็พิมพ์ข้อความขอให้ติดต่อกลับไปที่เบอร์ของสุรทินหรือไม่ก็อีเมล เพราะเธอมีมือถือแค่เครื่องเดียวและที่คอนโดฯ ก็ไม่มีโทรศัพท์พื้นฐาน ปิดท้ายด้วยการสั่งให้มือถือส่งเสียงร้องเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนจะปิด ทว่ายังไม่ทันเริ่มภาวนาว่าขอให้ตนเองคิดถูกที่อีกฝ่ายแค่หยิบมือถือผิด มือถือเครื่องที่วางอยู่ข้างคอมพิวเตอร์ก็ส่งเสียงร้อง
บนหน้าจอมือถือปรากฏชื่อ ‘ไทโรน’ มันไม่ใช่ชื่อคนไทย และเธอก็นึกถึงหนุ่มต่างชาติซึ่งนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ชายที่เธอเดินชนขึ้นมาทันทีเลยรีบรับสาย
“คุณทำโทรศัพท์หายใช่ไหมครับ” เสียงถามลอยมาทันที
“ใช่ค่ะ คุณคือคนที่ฉันชนที่ร้านอาหารเมื่อหัวค่ำหรือเปล่า”
“ใช่ครับ แล้วผมก็เป็นเจ้าของมือถือที่อยู่กับคุณตอนนี้ด้วย ดูเหมือนมือถือเราจะสลับกัน ผมก็เพิ่งรู้ตัว…น่าจะเป็นความผิดของผมเองด้วย ผมคงสับสนจนเอามือถือตัวเองหย่อนใส่กระเป๋าของคุณ”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น…” ณัฐรัมภาพึมพำ
“ตอนนี้คุณอยู่บ้านแล้วหรือเปล่าครับ บ้านคุณอยู่แถวไหน”
หญิงสาวบอกย่านที่ตั้งคอนโดฯ ไป
“อืม…คุณต้องรีบใช้มือถือไหม ถ้าไม่รีบเรานัดเจอแล้วแลกมือถือกันพรุ่งนี้ได้หรือเปล่า พอดีตอนนี้ผมขับรถออกมาส่งเพื่อนที่นอกเมือง กว่าจะกลับเข้าเมืองคงอีกเป็นชั่วโมงๆ มันน่าจะดึกมาก อีกอย่างนี่ผมใช้มือถือเพื่อนโทรด้วย ถ้าแยกกับเพื่อนผมก็จะไม่มีมือถือโทรหาคุณ ดึกๆ แบบนี้มีที่ให้นัดเจอน้อย”
“พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบหลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง
ที่เขาพูดก็มีเหตุผล ดึกแล้วมีสถานที่ให้นัดเจอได้น้อยกว่าตอนกลางวัน อีกทั้งเวลานี้เธอเองก็ทั้งมึนและง่วง ไม่รู้จะถ่างตารอเขาได้ตลอดรอดฝั่งไหม ที่สำคัญถึงโทรศัพท์ของเธอจะอยู่กับเขา ทว่าโทรศัพท์ของเขาก็อยู่กับเธอเช่นกัน…พอคิดแบบนี้แล้วก็สรุปได้ว่า ถึงไม่รู้จักอีกฝ่ายแต่ก็น่าจะพอวางใจได้ว่าเขาคงไม่เบี้ยว
“งั้นเรานัดกันเลยดีกว่า คุณเลือกสถานที่กับเวลาเลยครับ เดี๋ยวผมไปหาคุณเอง”
ณัฐรัมภานิ่งคิดอีกครู่ ก่อนจะเลือกร้านกาแฟดังในห้างใกล้กับคอนโดฯ พอเขาออกปากว่าสะดวกทั้งร้านและห้างเธอเลยจัดแจงนัดเวลาต่อ
“โอเคครับ เอาตามนี้ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณต้องวุ่นวาย”
“ฉันก็ผิดด้วยเหมือนกัน” สาวสวยพึมพำ
ปกติเธอค่อนข้างติดมือถือ แต่ด้วยความเมาและต้องนั่งรถเธอเลยไม่คิดจะเล่นโทรศัพท์ให้เสี่ยงเวียนหัวพะอืดพะอม แถมตอนแยกจากผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เธอก็โดนสุรทินกวนอารมณ์ เลยไม่ทันได้ตรวจสอบให้ดีว่าข้าวของอยู่ครบถูกต้องหรือเปล่า
“งั้นเอาเป็นว่าเราผิดกันคนละครึ่ง” เขาสรุปง่ายๆ “เจอกันพรุ่งนี้นะครับ กู๊ดไนต์”
“แล้วเจอกันค่ะ” ณัฐรัมภาตอบกลับไปแบบมึนๆ จากนั้นเขาก็วางสายไป ทว่าในหัวเธอก็ยังมีคำว่ากู๊ดไนต์ของชายหนุ่มวนเวียนอยู่
มันเป็นคำบอกลาที่ไม่ได้แปลกประหลาดพิสดารอะไร เพียงแต่เธอไม่ใช่คนรู้จักของเขานี่สิ หรือบางทีเขาอาจไม่รู้ว่าจะปิดบทสนทนาอย่างไรไม่ให้ห้วนเกินไปก็ได้…
หญิงสาวปิดคอมพิวเตอร์ รู้สึกว่าตนเองชักจะคิดอะไรไร้สาระไปหน่อย จากนั้นเธอก็กลับไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง โดยเอามือถือของเขาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงตรงจุดที่เธอมักจะวางโทรศัพท์เป็นประจำ ตอนนั้นเองที่เธอพลันตระหนักว่าลืมถามชื่อของอีกฝ่าย เช่นเดียวกับที่เขาไม่ได้ถามชื่อของเธอ
พอกันเลย ณัฐรัมภานึกแบบมึนๆ พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างและเอื้อมไปปิดไฟนอน พอสบายใจเรื่องมือถือแล้วความง่วงกับความมึนก็หวนกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอก้าวเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย แต่ก่อนจะหลับก็ยังมีความคิดหนึ่งวนเวียน
คำว่า ‘กู๊ดไนต์’ ของเขาสำเนียงกร๊าวใจมากเลย นักเรียนนอกหรือเปล่าก็ไม่รู้
(โปรดติดตามตอนต่อไป…)