บทที่ 2 ณัฐนนท์และบ้านของเขา
ณัฐรัมภาผลักประตูเดินเข้าสู่ร้านกาแฟอันเป็นสถานที่นัดหมาย ภายในร้านมีลูกค้าคลาคล่ำเหมือนทุกครั้งที่มาตามประสาเป็นร้านเชนดัง สาวสวยกวาดตามองไปรอบๆ ไม่แน่ใจว่าตนเองสามารถจำหน้าชายหนุ่มคนที่สลับมือถือกับเธอได้ เพราะเมื่อคืนเธอเมาหน่อยๆ หนำซ้ำแสงไฟในร้านอาหารกึ่งผับก็ค่อนข้างหลอกตาด้วย
หญิงสาวขยับไปยืนหลบมุมตรงข้างชั้นที่วางขายสินค้าแบรนด์ของร้านกาแฟเพื่อจะได้ไม่เกะกะลูกค้าคนอื่น แล้วเธอก็ไล่สายตาดูไปทีละโต๊ะอย่างช้าๆ จนกระทั่งหยุดตรงโต๊ะขนาดสองที่นั่งตัวหนึ่งซึ่งมีบุรุษคนหนึ่งครอบครองอยู่ เขากำลังมองมาเช่นกัน พอได้สบตากันเขาก็หยิบมือถือบนโต๊ะขึ้นมาชู เธอเลยแน่ใจว่าอีกฝ่ายคือคนที่ตามหาและเริ่มออกเดิน
“สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มมาทักทายตอนเธอเดินถึงโต๊ะ ณัฐรัมภาเห็นอย่างนั้นเลยส่งยิ้มตอบกลับไป ขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายหน้าตาดีกว่าที่เธอจำได้
“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ให้รอนะคะ”
“คุณมาตรงเวลานี่” เขายกแขนขึ้นดูนาฬิกา แล้วก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เธออีกที “ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อคืนตอนโทรคุยกันลืมแนะนำตัว…ผมณัฐครับ”
หญิงสาวเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ก่อนที่มุมปากจะยกเป็นรอยยิ้มขำ
“ฉันรัมภาค่ะ” เธอตอบแล้วหันไปเปิดกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งให้เขา
“เหมือนผมจะทำให้คุณขำนะ” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเลิกคิ้วบ้าง
“ชื่อของคุณพ้องกับชื่อของฉันน่ะค่ะ ชื่อจริงของฉันคือณัฐรัมภา” เธออธิบายทั้งรอยยิ้มพร้อมกับรับโทรศัพท์คืนจากเขา “ตอนเด็กๆ ฉันเคยชื่อนัทด้วย แต่ชื่อมันโหล คุณแม่เลยจับเปลี่ยนชื่อเป็นรัมภา”
“อ้อ” เขาหัวเราะน้อยๆ “ส่วนผมณัฐนนท์ครับ…คุณต้องปิดลอสต์โหมดใช่ไหม นั่งก่อนก็ได้นะ”
“ขอบคุณค่ะ” จริงๆ ณัฐรัมภาไม่ได้อยากนั่ง แต่ก็เห็นว่าคงไม่งามถ้าจะยืนค้ำหัวเขาต่อไปเพื่อปลดล็อกมือถือ เธอเลยดึงเก้าอี้ตัวตรงข้ามเขาออกและทรุดลงนั่ง
“ผมชาร์จแบตให้คุณด้วย”
“ฉันก็ชาร์จแบตมาให้คุณเหมือนกัน” หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองเขานิดหนึ่ง พอได้สบตากันเขาก็ยิ้มให้แล้วก้มลงไปกดมือถือของตัวเองบ้าง เธอเลยหลุบตากลับลงมองจอเพื่อพิมพ์พาสโค้ด พอปิดโหมดสูญหายเรียบร้อยเธอก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งอก
“มือถือคุณอยู่ในสภาพโอเคดีทุกอย่างใช่ไหม” ณัฐนนท์เงยหน้าขึ้นถามเธอ
“โอเคดีค่ะ มือถือคุณล่ะคะ” สาวสวยถามกลับ
“ไม่มีปัญหาครับ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง “ดูเหมือนมือถือเราจะรุ่นเดียวกันนะ เมื่อคืนผมเลยสับสนเอามือถือใส่กระเป๋าคุณผิดเครื่อง”
“รุ่นเดียวกันจริงๆ แหละค่ะ”
สองหนุ่มสาวมองหน้ากัน เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ แล้วก็เป็นณัฐรัมภาที่เปิดปากก่อน
“ฉันขอตัวนะคะ ขอบคุณคุณมากๆ อีกครั้งด้วย”
“คุณมีธุระต่อหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีขอผมเลี้ยงกาแฟคุณสักแก้วได้ไหม” ณัฐนนท์พูดต่อทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ
หญิงสาวที่กำลังจะฉวยกระเป๋าสะพายลุกยืนชะงัก เธอจ้องใบหน้าหล่อเหลา ทว่าเขาก็ยังคงยิ้มเหมือนเดิม แถมมีข้อเสนอเพิ่มเติมอีกต่างหาก
“หรือถ้าคุณหิว เปลี่ยนเป็นมื้อกลางวันก็ได้”
“ถ้าเป็นเพราะเรื่องที่มือถือเราสลับกัน ก็อย่างที่เราคุยกันเมื่อคืนนั่นแหละค่ะ มันเป็นความผิดของพวกเราคนละครึ่ง คุณไม่จำเป็นต้องไถ่โทษนะ” แม้ณัฐรัมภาจะค่อนข้างแน่ใจว่าเขาไม่ได้คิดจะไถ่โทษ แต่เธอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ผมไม่ได้จะไถ่โทษครับ” ในน้ำเสียงของณัฐนนท์เจือไว้ด้วยเสียงหัวเราะจางๆ “ผมแค่อยากรู้จักคุณ…เมื่อคืนตอนคุณคุยกับเพื่อน ผมว่าคุณน่ารักดี”
“หมายถึงตอนที่ฉันตบหัวเขาเหรอคะ” สาวสวยถามหน้าตาย
“นั่นก็ด้วย” คราวนี้เขาหัวเราะออกมาจริงๆ “อันที่จริงผมว่านั่นเป็นพาร์ตสำคัญเลยที่ทำให้ผมประทับใจจนอยากรู้จักคุณ”
“คุณเคยคิดไหมคะว่าตัวเองอาจมีรสนิยมแปลกๆ”
“ไม่เลย ผมเชื่อว่าตัวเองรสนิยมดี คราวนี้ก็เหมือนกัน”
ณัฐรัมภามองชายหนุ่มอย่างประเมิน เธอจับได้ถึง ‘ความแพรวพราว’ จากคนตรงหน้าได้ไม่ยากเลย ซึ่งนั่นไม่ใช่คุณสมบัติของผู้ชายที่เธออยากพบเจอ โดยเฉพาะในวันที่เพิ่งเขี่ยกิ๊กจอมเจ้าชู้ทิ้งลงถังขยะ แถมเธอก็ไม่ได้นึกอยากจะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในช่วงนี้ ทว่าพอมาคิดดูอีกที…อย่างน้อยเขาก็แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ถึงจะรู้ตัวว่าดูผู้ชายไม่ค่อยเป็น แต่การดื่มกาแฟกับเขาแก้วหนึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องคบหากับเขาจริงจัง ไม่แน่เธออาจจะได้เพื่อนใหม่หรือคอนเน็กชั่นดีๆ ก็ได้
“ฉันชอบจาวาชิพแฟรปปูชิโน”
“โอเคครับ” ณัฐนนท์ค้อมศีรษะรับ ดวงตาพราวระยับ
ชายหนุ่มถามรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เป็นต้นว่าไซส์แก้วที่ต้องการและองค์ประกอบพิเศษอย่างอื่นของเครื่องดื่ม จากนั้นก็ลุกจากโต๊ะเดินไปยังเคาน์เตอร์ ณัฐรัมภานั่งมองตามร่างสูงโปร่งไป ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าคิดถูกหรือเปล่า
แต่ยังไงก็ตัดสินใจไปแล้ว อะไรจะเกิดก็เอาเหอะ