ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย
ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 3
ใครจะรู้ว่าหมอเทียวไปเทียวมา จัดยาให้กินตั้งหลายวันแล้ว อาการไข้กลับไม่เคยลดลงเลย ครั้นเห็นเนื้ออิ่มบนใบหน้าและร่างกายของเด็กสาวอันตรธานไปอย่างรวดเร็ว ไฟโทสะก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวล เก่อซื่อไล่บ่าวรับใช้ข้างกายออกไป ตนเองนั่งเหม่อเป็นพักๆ อยู่หน้าเตียงของอวี๋ไฉ่หลิง หวั่นใจว่าหากเด็กนี่มีอันเป็นไปจริงๆ ควรจะหาข้ออ้างปัดความผิดเช่นไรดี บังเอิญวันนี้หลังจากอวี๋ไฉ่หลิงกินยาแล้วอยู่ในห้วงกึ่งฝันกึ่งตื่น ได้ยินสตรีสูงวัยที่เธอเห็นวันนั้นกำลังสนทนากับอาสะใภ้คนดีอยู่
“ฮูหยินไยต้องเคี่ยวกรำเด็กน้อยตัวเท่านี้ด้วยเล่า ท่านเพียงเห็นเซียวฮูหยิน** ขัดตาก็เท่านั้น” สตรีสูงวัยผู้นั้นกล่าว
เก่อซื่อเอ่ยอย่างเคียดแค้น “ก็ข้าเห็นนางขัดตานี่! วงศ์สกุลตกอับ เป็นหญิงแต่งงานสองหน กลับยังกล้าวางท่าต่อหน้าข้า! สกุลเก่อของข้ามั่งมีกว่า ประวัติของข้าก็บริสุทธิ์ผุดผ่องกว่า ถือสิทธิ์อันใดให้ข้าต้องอดกลั้นต่อนาง!”
สตรีสูงวัยคล้ายถอนหายใจก่อนเอ่ย “เดิมทีสกุลเซียวก็มีหน้ามีตา ใครจะรู้ว่าใต้หล้าพลันระส่ำระสายหนัก มิใช่คนเร่ร่อนก็คือโจรผู้ร้าย วงศ์สกุลของนางจึงได้ตกยาก เมื่อแรกในภูมิลำเนาของพวกเรานางก็เป็นนายหญิงที่โดดเด่นผู้หนึ่ง สกุลเฉิงในเวลานั้นห่างชั้นลิบลับ ว่ากันถึงที่สุดแล้วท่านจะสู้รบตบมือกับฮูหยินใหญ่ไปไย ในเมื่อไม่มีความแค้นหมางใจกันเสียหน่อย”
เดิมทีอวี๋ไฉ่หลิงใกล้จะหลับไปแล้ว พอได้ยินถึงตรงนี้สติก็พลันแจ่มใส อา มิด ตา พุ้ด นึกแล้วเชียวว่าคนทั่วหล้าจะไม่รอบคอบปิดปากสนิทเหมือนอาจู้ไปเสียหมด จะต้องมีคนพูดมากสักคนเอ่ยเรื่องในอดีตให้ได้ยิน คิดแล้วเธอก็ทำเป็นหลับลึก แต่แท้จริงเงี่ยหูสดับฟัง กระทั่งอาการไข้ยังคล้ายทุเลาลงหลายส่วน
“ไม่มีความแค้นหมางใจ?!” เก่อซื่อขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว จากนั้นได้ยินเสียงชู่ดังมา คาดว่าเป็นสตรีสูงวัยผู้นั้นแสดงท่าทางบอกให้เก่อซื่อเบาเสียง เก่อซื่อก็ลดเสียงลงจริงเสียด้วย “เดิมทีควรเป็นข้าแต่งให้พี่ใหญ่! ข้าต่างหากคือว่าที่นายหญิงตราตั้ง* ข้าต่างหากควรจะได้รับศักดินาในอนาคต”
“วาจานี้กล่าวผิดแล้ว ข้าเห็นท่านมาจนเติบใหญ่ ท่านเคยมองสกุลเฉิงเข้าตาเมื่อใดกัน ผิดกับเซียวฮูหยินที่ตั้งแต่ออกเรือนหนแรกก็มีท่านใหญ่ขับร้องตามขบวนเจ้าสาวไปตลอดทาง ในหมู่บ้านมีใครบ้างไม่รู้ ต่อมาบ้านเมืองโกลาหล เพียงไม่กี่ปีเซียวฮูหยินกับครอบครัวสามีคนแรกก็ทะเลาะกันรุนแรง ยังไม่ทันจะหย่าร้างเลย ท่านใหญ่ก็คอยช่วยเหลือนางทุกอย่าง ขอเอ่ยประโยคหนึ่งที่ไม่ชวนฟัง ต่อให้สกุลเก่อของพวกเราไปทาบทามท่านใหญ่จริงๆ ท่านใหญ่ก็ไม่ยอมตกลงแต่งงานอยู่ดี”
เก่อซื่อฉุนเฉียวยิ่งกว่าเดิม “ทั้งหมดต้องโทษท่านพ่อท่านแม่ข้าที่ดึงดันแต่งข้าเข้าสกุลเฉิงจนได้!”
อวี๋ไฉ่หลิงวิเคราะห์อย่างฉับไว อืม คนจวนนี้แซ่เฉิง จำนวนพี่ชายน้องชายมากกว่าหรือเท่ากับสอง ครอบครัวพี่ใหญ่ก็คือบิดามารดาบังเกิดเกล้าของร่างนี้ ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งดูเหมือนชีวิตกำลังไปได้ดียิ่ง
ได้ยินเสียงสวบสาบ คล้ายสตรีสูงวัยผู้นั้นลูบหลังของเก่อซื่อก่อนเอ่ย “ท่านพูดเหลวไหลอีกแล้ว สกุลเซียวตกต่ำลงได้อย่างไร เรื่องเกิดถัดไปหนึ่งอำเภอเท่านั้นผู้ใดไม่รู้บ้าง มิใช่เป็นเพราะบิดากับพี่ชายของฮูหยินใหญ่ตายด้วยน้ำมือโจรจนสิ้นหรือ แรกเริ่มสกุลเซียวของนางไม่เพียงมั่งมี นายท่านผู้เฒ่าเซียวบิดานางยังเป็นที่นับหน้าถือตาในหมู่คนบ้านเดียวกัน เขาหมายต่อต้านพวกโจรที่เข้าปล้นสดมภ์ในพื้นที่ จึงนำบ่าวรับใช้ในบ้านเข้าต่อสู้ และทำร้ายพวกโจรได้จำนวนมาก ใครจะรู้ว่านั่นกลับทำให้หัวหน้าโจรอาฆาตแค้น ทำทีเป็นพ่ายถอย รอจนทุกคนผ่อนคลายการป้องกัน ค่อยฉวยยามดึกเร้นเข้าสกุลเซียวไปฆ่าล้างผู้ใหญ่ผู้เยาว์ทั้งตระกูล เคราะห์ดีพวกโจรไม่รู้ว่าบ้านคหบดีในภูมิลำเนาของพวกเรามักขุดห้องเก็บของใต้ดินไว้ จึงซ่อนเด็กกับสตรีได้จำนวนหนึ่ง น่าเสียดาย บุรุษที่โตเป็นผู้ใหญ่กับทรัพย์สินล้วนไม่มีเหลือ”
ดูเหมือนสตรีสูงวัยจะดื่มน้ำอึกหนึ่งค่อยกล่าวต่อ “บ้านเมืองช่วงนั้นวุ่นวายไปทั่ว บุรุษบ้าบิ่นหนึ่งคนรวบรวมพวกโจรไม่กี่คนก็ตั้งตนเป็นอ๋องเป็นเจ้าได้แล้ว เห็นบ้านใครร่ำรวยก็ฆ่าคนปล้นทรัพย์ เหล่าสตรียิ่งต้องรับเคราะห์สาหัส เนื้อติดมันชิ้นโตเช่นพวกเราสกุลเก่อน่าหวาดเสียวถึงเพียงใด สกุลเฉิงแม้ยากไร้ ทว่าท่านใหญ่เป็นที่นับถือของคนในท้องที่ ตนเองไม่เพียงมีฝีมือ ยังเป็นผู้นำกลุ่มคนที่รบราฆ่าฟันได้ ตอนนั้นนายท่านผู้เฒ่าเก่อก็พูดแล้ว เขาไม่กล้าเอาอย่างนายท่านผู้เฒ่าหลี่ว์ในอดีตที่หมายตาบุตรจักรพรรดิแดง* เพียงหวังว่าจะไม่เป็นสกุลเซียวแห่งที่สองก็พอ ตอนนั้นท่านใหญ่เพิ่งแต่งกับเซียวฮูหยิน ท่านสามของสกุลเฉิงยังเยาว์ ท่านไม่แต่งกับท่านรอง ยังแต่งกับผู้ใดได้เล่าเจ้าคะ”
** ฮูหยิน เป็นคำเรียกภรรยากับสตรีที่แต่งงานแล้วอย่างให้เกียรติ และเป็นคำที่บ่าวใช้เรียกภรรยาของเจ้านาย โดยจะใช้คู่กับนามสกุลของสามีเพื่อให้เกียรติว่าเป็นภรรยา/สะใภ้ของสกุลนี้ หรือใช้คู่กับนามสกุลเดิมของสตรีเพื่อแยกแยะจากฮูหยินท่านอื่นในตระกูล เช่น สะใภ้ใหญ่ของสกุลเฉิง สามารถเรียกให้เกียรติว่าฮูหยินใหญ่เฉิงหรือเซียวฮูหยิน สะใภ้รองของสกุลเฉิง สามารถเรียกให้เกียรติว่าฮูหยินรองเฉิงหรือเก่อฮูหยิน
* นายหญิงตราตั้ง คือบรรดาศักดิ์ที่ฮ่องเต้พระราชทานแก่มารดาหรือภรรยาของขุนนางชั้นสูง
* นายผู้เฒ่าหลี่ว์หมายตาบุตรจักรพรรดิแดง คือเรื่องราวของหลิวปังปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก โดยบุตรจักรพรรดิแดงหมายถึงหลิวปังที่เล่าลือกันว่าจะเป็นผู้ปราบบุตรจักรพรรดิขาว ซึ่งหมายถึงราชวงศ์ฉิน แรกเริ่มหลิวปังเป็นลูกชาวนาที่ยากไร้ แต่นายผู้เฒ่าหลี่ว์ซึ่งเป็นคหบดีกลับเห็นแววว่าหลิวปังจะเป็นใหญ่ในวันหน้า จึงยกหลี่ว์จื้อบุตรสาวให้แต่งงานเป็นภรรยาของหลิวปัง ทำให้บุตรสาวได้เป็นฮองเฮาและไทเฮาผู้โด่งดังในเวลาต่อมา