บทที่ 5
โดยมากความกลัวของมนุษย์เกิดจากความไม่รู้ ก่อนหน้านี้สาเหตุเกินครึ่งที่อวี๋ไฉ่หลิงวิตกกับผลได้ผลเสียจนอมทุกข์ ก็เพราะกังวลกับหนทางข้างหน้าที่ไม่รู้แจ้ง ทว่าจากการแอบฟังในช่วงไม่กี่วันนี้ทำให้สงบใจได้ในเบื้องต้นแล้ว บิดามารดาเก่งกาจปราดเปรื่อง ฐานะทางบ้านมั่งมี ตนมีพี่น้องจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงพี่น้องที่เป็นแฝดชาย มีพื้นฐานเช่นนี้อยู่ในมือ ไม่ว่าอย่างไรตนก็คงไม่ได้รับความลำบากเท่าใดนัก
เมื่อสงบใจลงได้ การนอนหนนี้จึงหลับสบายเป็นพิเศษ ทั้งดูเหมือนว่ายาต้มจากบิดามารดาที่ตนได้กำไรมาเปล่าๆ คู่นี้จะมีฤทธิ์ดีเยี่ยม ตนจึงหลับรวดเดียวจนถึงฟ้าสาง ยามที่ลืมตาตื่นไม่เพียงรู้สึกว่าปอดหัวใจปลอดโปร่ง อาการมือเท้าอ่อนแรงยังบรรเทาลงหลายส่วนด้วย
ครั้นหันหน้าไปอย่างอารมณ์ดี เห็นอาจู้นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงกำลังจัดวางถ้วยชามอยู่ เด็กสาวก็ยิ่งยินดีระคนประหลาดใจ รีบสอบถามสถานการณ์ ค่อยรู้ว่าที่แท้อาจู้ได้มาเป็นฟู่หมู่ของตนตามความต้องการของเซียวฮูหยินแล้ว ส่วนสาวใช้อีกสองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังของอาจู้ ท่าทางจะเป็นคนที่เซียวฮูหยินส่งมาปรนนิบัติดูแลตนเช่นกัน
เดิมทีอวี๋ไฉ่หลิงคิดจะอุทานว่าเยี่ยมไปเลย จากนั้นถามถึงอาเหมยกับอาเลี่ยงต่อ แต่พลันฉุกคิดได้ก่อนว่าเช่นนี้ไม่ถูก จึงรีบเปลี่ยนมาถามว่า “ท่านพ่อท่านแม่ของข้ากลับมากันแล้วหรือ หนนี้คงไม่จากไปแล้วกระมัง เช่นนั้นฟู่หมู่กับสาวใช้เดิมของข้าเล่า”
ขอบคุณหนังสือของสตานิสลาฟสกี* ที่ประธานปลาเค็มให้มา นับว่าตนยังไม่ลืมการฝึกฝนในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง…เด็กดีจะถามถึงเพื่อนเล่นโดยไม่คิดถึงบิดามารดาก่อนได้อย่างไรกัน
อาจู้ปั้นหน้าขรึม “คุณหนูโตแล้ว พึงรู้จักเหตุผล หลังจากใต้เท้ากับนายหญิงกลับมา ทุกเรื่องของคุณหนูล้วนมีท่านทั้งสองเป็นผู้ตัดสินใจ คนที่เมื่อก่อนฮูหยินรองจัดหาให้เหล่านั้นจะไม่เก็บไว้ทั้งสิ้น”
วาจานี้มีความนัยแฝงอยู่ไม่น้อย อวี๋ไฉ่หลิงทางหนึ่งกลบเกลื่อนความคิดในใจ อีกทางหนึ่งแสร้งทำปากยื่นเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ในเมื่อท่านแม่รู้ว่าอาสะใภ้ทำไม่ดีกับข้า เหตุใดไม่รีบส่งคนมาอยู่ดูแลข้างกายข้าเร็วกว่านี้ ปล่อยให้ข้าได้รับความลำบากตั้งมากมาย” ก็แค่เด็กน้อยที่ไม่รู้ความ เธอสวมบทบาทนี้ได้อย่างไม่รู้สึกกดดันสักนิดเดียว
อาจู้คลี่ยิ้มชี้แจง “หลายปีก่อนข้างนอกวุ่นวายยิ่ง กระทั่งจดหมายยังไม่อาจส่งถึงกันโดยง่าย อีกอย่างเรื่องหยุมหยิมในเรือนหลังต่อให้นายหญิงรับรู้อันใดก็ไม่อาจระงับควบคุมได้ทันกาล ที่ผ่านมาฮูหยินรองเป็นผู้รับผิดชอบดูแลจวน ต่อให้นายหญิงส่งคนมา ยังจะมีประโยชน์ใดเล่า” อันที่จริงคำพูดเดิมของเซียวฮูหยินคือ… ‘บ่าวภักดีหาได้ยาก บัดนี้เป็นห้วงเวลาที่ต้องใช้คน อย่าให้เสียเปล่าไปกับเรื่องสตรีในเรือนหลัง’
อวี๋ไฉ่หลิงปากร้ายคมคายมาแต่เล็ก เดิมทียังคิดจะเสียดสีเซียวฮูหยินผู้ ‘เก่งกาจรอบด้าน’ นี้สักสองประโยค ทว่าเห็นดวงหน้าอิดโรยของอาจู้ก็หักใจไม่ลง
นับแต่มาอยู่ยุคนี้ ผู้ซึ่งตนสนิทชิดใกล้ที่สุดก็ไม่พ้นสตรีที่เงียบขรึมทว่าโอบอ้อมซื่อตรงผู้นี้ นึกถึงเมื่อแรกเพื่อความรอบคอบแล้วอาจู้ถึงขั้นไม่กล้าหาบ่าวมาเป็นลูกมือ งานทุกอย่างล้วนลงแรงทำเอง ตอนที่ตนยังไม่อาจกลืนสิ่งใดได้ อาจู้ก็ต้มยามาป้อนให้ทีละนิด ด้วยหมายจะให้ตนไข้ลด ท่ามกลางหิมะขาวโพลนอากาศหนาวเหน็บเพียงนั้นอาจู้ก็ยังต้มน้ำมาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อให้ตนวันละหลายหน สุดท้ายน้ำในบ่อแข็งตัว ได้แต่ตักหิมะที่สุมอยู่มาละลาย จนทำให้นิ้วมือของอาจู้ซึ่งเดิมนับว่าบำรุงได้ไม่เลวเกิดแผลเปื่อย ไหนจะเพราะคำนึงว่าตนไม่ชอบรสมันเลี่ยนของน้ำแกงเนื้อ นางก็ขึ้นเขาไปเซาะหิมะขุดดินค้นหาเห็ดกับผักที่มีอยู่น้อยนิดนั้นมาใส่น้ำแกงกับมือ คิดว่าหลายวันมานี้อาจู้คงไม่เคยได้พักผ่อนเต็มที่ ยังคงหาเรื่องให้นางน้อยหน่อยจะดีกว่า
อวี๋ไฉ่หลิงจึงก้มหน้ารับคำ “ข้าเชื่อฟู่หมู่” ขืนเรียกตัวบ่าวเก่าที่เคยอยู่ร่วมกันทุกวันมา ก็ยากรับรองได้ว่าตนจะไม่เผยพิรุธ ใช่ว่ากลัวจะมีคนหาว่าตนไม่ใช่ตัวจริง แค่กลัวผู้คนที่เชื่อเรื่องงมงายกลุ่มนี้จะหาว่าตนถูกผีเข้าแล้วจับกรอกด้วยน้ำเสกยันต์อาคมอันใดต่างหาก
อาจู้พออกพอใจยิ่ง ปรนนิบัติอวี๋ไฉ่หลิงบ้วนปากและกินโจ๊ก
อันที่จริงหากบ่าวกับฟู่หมู่เก่าอยู่ตรงนี้ล่ะก็ เป็นต้องประหลาดใจว่าเหตุไฉนคุณหนูถึงเปลี่ยนเป็นว่าง่ายเช่นนี้ ทว่าตลอดหลายวันที่อาจู้ได้ดูแลอวี๋ไฉ่หลิง ล้วนรู้สึกว่าคุณหนูเป็นเด็กดีน้ำใจงาม ดังนั้นจึงไม่นึกแปลกใจแต่อย่างใด
* สตานิสลาฟสกี คือนักแสดงและผู้กำกับชาวรัสเซีย ผู้เขียนหนังสือทฤษฎีการแสดงชื่อ An Actor’s Work ซึ่งประกอบด้วยภาค 1 An Actor Prepares ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1938 กับภาค 2 Building a Character ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1948