ราตรีนั้นเฉิงเซ่าซางสะดุ้งตื่นพร้อมกับเม็ดเหงื่อโซมศีรษะ นางมองเห็นนิ้วมือของตนเองสั่นเทิ้ม ชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักลายสีทองระยับบนราวแขวนที่อยู่ด้านข้างให้ความรู้สึกกดทับจนนางหายใจไม่ออก อาภรณ์หรูหราชั้นเลิศซึ่งช่างปักที่ดีที่สุดสิบสองคนของวังหลวงใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มรังสรรค์ขึ้นนี้ กลับทำให้นางพรั่นใจสุดพรรณนา
หลังจากเหม่อลอยพักใหญ่ นางก็คลุมเสื้อลุกขึ้น อ้อมผ่านเหลียนฝางที่หลับสนิทอยู่อย่างระมัดระวัง เดินไปจนถึงกลางลานตามลำพัง
รัตติกาลลึกล้ำดั่งบึงลึก เย็นเยียบเฉกน้ำเย็น นางเดินไร้จุดหมายไปหนึ่งรอบ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวถึงกับมายังหอที่มีห้องใต้หลังคาซึ่งตนมาเยือนเมื่อกลางวัน
นางเดินเข้าไปในห้องดนตรีของนายท่านผู้เฒ่าเฉิง อุ้มผีกู่ใบนั้นแล้วนั่งหันไปทางหน้าต่างหาดวงจันทร์
ฝ่ามือแรกตีลงไป…คล้ายแดนไกลมีหมื่นอาชาห้อตะบึง กีบเท้าย่ำปานเหินทะยาน ผืนดินสะท้านภูผาสะเทือน ฝ่ามือที่สองตีลงไป…ดุจดาบกระบี่เผยคมวาววับ แม่ทัพทหารหาญเข้าตะลุมบอน เลือดเนื้อเกลื่อนกระเซ็น กลิ่นอายแห่งสงครามพาให้ลมหายใจติดขัด ฝ่ามือที่สามตีลงไป…เฉกเหยี่ยวบินผงาดกลางเวิ้งฟ้าอันสูงลิ่ว นภาใสดั่งถูกชะล้าง ไร้พยับเมฆแม้ปุยเดียว ฝ่ามือที่สี่ตีลงไป…
เฉิงเซ่าซางยกฝ่ามือที่เจ็บปวดสั่นเทาขึ้นป้องดวงตา หยาดน้ำใสวาดผ่านวงหน้าโดยไร้เสียง
ในที่สุดนางก็รู้ว่าเหตุใดตนมักหวั่นวิตกโดยไม่รู้สาเหตุ มักแสดงท่าทีระวังป้องกันอย่างไม่อาจอธิบายได้ อันที่จริงเรื่องราววางแผ่อยู่ตรงหน้านางแต่แรกแล้ว นางตระหนักได้ถึงสิ่งที่ชวนกระวนกระวายใจ แต่กลับไม่อาจระบายออกจากปาก
ชีวิตคนเราประหนึ่งเม็ดทรายที่คืบคลานอยู่ริมทะเล เกลียวคลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดสาดมา ไม่ว่าจะเป็นคลื่นเล็กสาดฟองสีขาวหรือเป็นคลื่นยักษ์ท่วมมิดศีรษะ นอกจากฝืนเชิดคอแบกรับ ก็ดูเหมือนจะไม่มีหนทางอื่นใด
เฉิงเซ่าซางลดมือที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา แล้วยืดแผ่นหลังตรง…นางไม่อาจมัวนั่งร่ำไห้ แต่เล็กมานางก็ไม่ใช่คนที่จะนั่งงอมืออยู่เฉย นางยังมีเรื่องอีกมากที่จะต้องทำ
* อวิ๋นเมิ่ง (หรืออวิ๋นเมิ่งเจ๋อ) เป็นคำเรียกรวมกลุ่มทะเลสาบขนาดใหญ่ในสมัยโบราณ ยุคก่อนราชวงศ์ฉินกินพื้นที่ยาวรวม 450 กิโลเมตร ต่อมาถูกตะกอนทับถมจนมีพื้นที่หดเล็กลงเรื่อยๆ ปัจจุบันเหลือเพียงทะเลสาบไม่กี่แห่งที่กระจายตัวแยกกัน
** จิงเว่ยถมทะเล เป็นตำนานเทพปกรณัมจีนที่สื่อถึงจิตใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ความว่าธิดาคนเล็กของเหยียนตี้ (หรือเสินหนงเทพแห่งการเกษตร) ไปเที่ยวทะเลบูรพาแล้วจมน้ำตาย วิญญาณของนางกลายร่างเป็นนกน้อยนาม ‘จิงเว่ย’ เฝ้าคาบหินคาบไม้ไปถมทะเลบูรพาทุกวัน หมายล้างแค้นที่ถูกทะเลบูรพาพรากชีวิตไป
* มีที่มาจากสำนวน ‘ฝ่ายหญิงโตกว่าสามปีอุ้มทองแท่ง’ หมายถึงคู่แต่งงานที่ฝ่ายหญิงโตกว่าฝ่ายชายสามปี ถือเป็นสิริมงคล ทว่า ‘อุ้มทองแท่งสองแท่งครึ่ง’ เป็นการเล่นสำนวนของผู้เขียน โดยหากสามปีเท่ากับทองแท่งหนึ่งแท่ง เช่นนั้นท่านหญิงอวี้ชังโตกว่าคุณชายรองหลิงราวหกเจ็ดปีก็ต้องอุ้มทองแท่งสองแท่งเศษ
* หวงเหลียน เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน รากมีรสขมมาก
* เซิง เป็นเครื่องดนตรีจีนโบราณประเภทเครื่องเป่า โดยทั่วไปประกอบด้วยเลาไม้ไผ่ยาวสั้นต่างกันสิบสามเลา
** เยากู่ เป็นกลองพื้นบ้านที่มีมาแต่โบราณของจีน ขนาดกะทัดรัดยาวราว 34 เซนติเมตร มีแถบผ้าแพรสำหรับผูกติดกับเอว สมัยฉินใช้ไม้ตีบรรเลง ประกอบท่าทางร่ายรำ
*** ผีกู่ คือกลองสำหรับตีให้สัญญาณในกองทัพจีนโบราณ มีทั้งกลองเล็กและกลองใหญ่ วงดนตรีจีนโบราณก็มีใช้เช่นกัน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 19 พ.ค. 66 เวลา 12.00 น.