ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 136 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 136

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 136

เฉิงเซ่าซางรู้สึกคล้ายตนเองถูกวางอยู่ในโม่หินอันแสนหนักอึ้ง ขณะที่แกนกลางกับจานโม่ค่อยๆ หมุนบดไป ฟันเฟืองบนล่างของเครื่องโม่ก็สบเข้ากันดังกลุกๆ เฉกซี่ฟันคมกริบชวนสะพรึงในปากของสัตว์ร่างยักษ์ที่กำลังบดเคี้ยวกระดูกของนางให้แหลกลาญ ขณะเดียวกันก็รู้สึกคล้ายตกอยู่ในหลุมถ่านไฟ ถูกไม้เสียบร่างพลิกย่างผิวเนื้อเส้นเอ็นของนางซ้ำไปซ้ำมา ภายหลังกระเสือกกระสนดิ้นรนในขุมนรกอันไร้ขอบเขตเช่นนี้อยู่เนิ่นนาน นานเสียจนราวกับไม่มีวันสิ้นสุด นางจึงค่อยๆ ฟื้นตื่นมาจนได้

เบื้องนอกยังคงมืดมิดไปทั่วบริเวณ ที่แท้ยังเป็นราตรีเดิม หรือว่า…นี่นางสลบไปหนึ่งกลางวันเต็มๆ จนเข้าสู่ค่ำคืนอีกครั้งแล้ว

ด้วยการรับภาพอันเชื่องช้า นางมองเห็นอาจู้ร่ำไห้เรียกพวกสาวใช้มาพันแผล ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ป้อนน้ำ และส่งยาให้นาง จากนั้นการรับเสียงก็ฟื้นฟูมาทีละน้อย นางเริ่มได้ยินเสียงถกเถียงอันดุเดือดที่เบื้องนอก มีทั้งบุรุษสตรี ทั้งผู้เฒ่าผู้เยาว์ ทั้งคุ้นเคยและแปลกหู…ท่ามกลางดวงแสงจากโคมถือกับคบไฟที่ส่ายไหวปะปนกัน ในเสียงต่างๆ มากมายนั้นยังแทรกปนด้วยเสียงปะทะกันของอาวุธ

เฉิงเซ่าซางพลันสะดุ้งเฮือก นางหวาดกลัวเสียงนี้

ภาพแต่ละฉากของเมื่อคืนฉายวาบขึ้นในห้วงสมองดุจโคมม้าหมุน ม้าห้อตะบึง…ทวนวงเดือนทอง…แสงจันทร์บนเนินเขา…เสียงร้องตะโกนปานฟ้าคำรามของแม่ทัพทหารหาญหลายร้อยนาย…กระแสลมโบกชุดแพรสีแดงเข้มดั่งโลหิตบนร่างของเขา พาให้ลวดลายปี้อั้นสีทองอ่อนประหนึ่งมีชีวิตขึ้นมา…เขาท้าลมหนาวรุกไปเบื้องหน้าอย่างห้าวหาญ ทรงพลังเด็ดเดี่ยว และมิได้เหลียวหลังมาอีก

บนนิ้วมือนางเริ่มสัมผัสได้ถึงขนสัตว์อันอ่อนนุ่ม ครั้นก้มหน้ามองดูก็พบว่าเป็นเสื้อคลุมขนสัตว์ที่เขาห่อหุ้มไว้บนร่างของนางนั่นเอง เสื้อคลุมตัวใหญ่กว้างเนื้อหนานุ่มแน่นนี้ ครึ่งหนึ่งปูอยู่บนเตียง ครึ่งหนึ่งเลื่อนหล่นอยู่บนพื้นกระดาน

อาจู้เห็นเช่นนี้ก็รีบมาดึงเสื้อคลุมตัวนั้นหมายจะหอบเอาไป กลับไม่คาดว่านิ้วมือของเด็กสาวจะขยุ้มเสื้อคลุมไว้แน่นราวฝังใยเหล็กเข้าไปกระนั้น อาจู้ไม่กล้าฝืนกระตุก เพราะนิ้วมือของเด็กสาวเต็มไปด้วยบาดแผล ในสิบนิ้วมีถึงแปดนิ้วพันผ้าพันแผลไว้

ตอนนี้เองเสียงเรียกอันแหลมกังวานของเซียวฮูหยินที่เบื้องนอกก็ดังมาให้ได้ยิน “องค์ชายสาม! โปรดรักษาเกียรติด้วยเพคะ แม้องค์ชายมีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ ทว่าด้านในคือห้องนอนบุตรสาวคนเล็กของหม่อมฉัน จะทรงบุกรุกเข้าไปได้อย่างไร!”

ถัดมาเป็นเสียงตะโกนอันทุ้มหนักเปี่ยมพลังของเฉิงสื่อ ใจความล้วนใกล้เคียงกัน

องค์ชายสามน่าจะมาพร้อมกับทหารจวนองค์ชายซึ่งมีอาวุธครบมือ ทว่าไม่มีพระราชโองการที่เกี่ยวเนื่อง ดังนั้นเฉิงสื่อสามีภรรยาจึงได้ต่อต้านจนถึงบัดนี้

สองฝ่ายโต้เถียงกันอีกหลายประโยค ดูเหมือนองค์ชายสามจะร้อนใจแล้ว ท่ามกลางเสียงอาวุธกระทบกระทั่งกันรุนแรงระลอกหนึ่ง รองเท้าหนังหุ้มข้ออันหนักอึ้งก็ย่ำขึ้นมาบนทางระเบียงหน้าประตู จากนั้นบานประตูไม้อันงามประณีตก็ถูกพลังมหาศาลกระแทกเปิดทันใด…สายลมราตรีอันเหน็บหนาวกรอกทะลักเข้ามาอย่างเหิมเกริม พัดพึ่บพั่บจนกลิ่นยากับกลิ่นคาวเลือดภายในห้องสลายกระเจิง

องค์ชายสามอยู่ในชุดนักรบอันทะมัดทะแมง ทั่วใบหน้าเหนื่อยล้า เรือนผมรุ่ยร่าย เกี้ยวทองคำบิดเอียง รองเท้าหุ้มข้อที่ยาวตั้งตรงเปรอะไปด้วยโคลนเลน ดูเหมือนจะเร่งเดินทางมาไกล…ยามนี้เขายืนอยู่กลางห้องชั้นใน กำลังใช้สายตาขุ่นแค้นจับจ้องเด็กสาวที่สยายเรือนผมนั่งอยู่ตรงขอบเตียง องครักษ์สี่คนที่ห้อมล้อมข้างกายเขาล้วนชักดาบกระบี่ออกจากฝัก กระไอดุร้ายท่วมท้นร่าง

เหล่าสาวใช้ในห้องต่างตื่นผวาจนแตกฮือ บ้างหลบหลังฉากบังลม บ้างตัวลีบอยู่ที่มุมห้อง อาจู้ฝืนประคองเนื้อตัวที่สั่นเทิ้มยืนขวางอยู่เบื้องหน้าเตียง ทั่วทั้งห้องมีเพียงเฉิงเซ่าซางที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง โดยมีเหลียนฝางกับเฉี่ยวกั่วขดร่างอยู่แทบเท้าผู้เป็นคุณหนู

“…เขาตายแล้วหรือ” เฉิงเซ่าซางเงยหน้ามององค์ชายสาม พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงอันแหบแห้งของตนเอง

องค์ชายสามเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว สองตาบรรจุไฟโทสะลุกโชน “เจ้ายังมีหน้ามาถาม?! เสียแรงที่เขาปักใจงมงายต่อเจ้า เจ้าถึงกับฟ้องร้องเรื่องของเขาอย่างไร้ไมตรี เจ้ามันสตรีต่ำช้า ใจจืดเห็นแก่ตัว!”

เฉิงเซ่าซางเอียงหน้าลงนิดๆ “เนินเขาลูกนั้นเมื่อก่อนหม่อมฉันเคยไปเดินเล่นชมธรรมชาติ หน้าผาด้านล่างไม่สูงนัก ทั้งผนังผายังมีต้นสนงอกโย้อยู่จำนวนมาก หนก่อนผนังผาของภูเขาเสี่ยวเยวี่ยโล่งเตียนเยี่ยงนั้น เขายังพาหม่อมฉันลงหยั่งพื้นได้อย่างปลอดภัย หนนี้…” นางส่ายหน้าช้าๆ “ก็พูดยากนะ เขาบาดเจ็บเสียแล้ว ท่าร่างไม่แน่ว่าจะแคล่วคล่องเช่นที่เคยเป็น”

องค์ชายสามโกรธจนลมในช่องอกพลิกตลบ แทบอยากเค้นคอเด็กสาวเจ้าเล่ห์แล้งน้ำใจผู้นี้ให้ตายไปเสีย

เฉิงเซ่าซางเงยหน้าขึ้นอีกครา พร้อมกับน้ำเสียงอันอ่อนล้า “วันนี้ที่ทรงบุกเข้าจวนสกุลเฉิง คงมิใช่เพียงหมายจะต่อว่าหม่อมฉัน มิสู้เลือกตรัสเรื่องสำคัญก่อนจะดีกว่า…เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่เพคะ”

องค์ชายสามสูดหายใจเข้าลึกๆ “ยังมีชีวิตอยู่ เฉินอันกั๋วให้คนหน่วยพยัคฆ์เผ่นใช้เชือกโรยตัวลงไปตรวจดูแล้ว ตอนนี้เขาตกเข้าไปในโพรงถ้ำแคบแห่งหนึ่งตรงก้นผา ไม่อาจขยับเขยื้อน”

เฉิงเซ่าซางฟังความนัยในวาจานี้ออก จึงถามว่า “เหตุใดไม่ดึงตัวเขาขึ้นมารักษาให้ดีเล่า”

องค์ชายสามตะคอกเสียงกร้าวอย่างสุดจะข่มกลั้น “เพราะผนังถ้ำขรุขระ กลิ้งเข้าไปง่ายแต่ออกมาได้ยาก ซ้ำเขาบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจผูกเชือกลากดึงออกมาตรงๆ จำเป็นต้องส่งคนกลุ่มใหญ่ลงไปเจาะเปิดถ้ำจึงจะค่อยๆ หามขึ้นมาได้! ทว่าเมื่อคืนเขากระทำผิดอุกฉกรรจ์…สังหารบิดา ใช้ทหารโดยพลการ แอบอ้างคำสั่งเบื้องบน…สร้างความแตกตื่นจนหวิดจะทำให้ค่ายใหญ่ที่มีกำลังพลมากทั้งตะวันออกและตะวันตกสองแห่งปั่นป่วนไปด้วย! ตอนนี้เรื่องสะเทือนไปทั่วราชสำนักแล้ว เช้านี้มีขุนนางสำคัญถึงสิบแปดคนร่วมกันเข้าชื่อกล่าวโทษ ต้องการจะให้ประหารเขา!”

เฉิงเซ่าซางตะลึงมององค์ชายสาม “ดังนั้น…จนป่านนี้เขาก็ยังอยู่ที่ก้นผา ไม่มีใครกล้าหามเขาขึ้นมา ถูกหรือไม่เพคะ”

องค์ชายสามเดือดดาลสุดระงับ เดินปราดหลายก้าวไปคว้าต้นแขนของเด็กสาว หิ้วตัวนางขึ้นมาแล้วด่ากราด “ล้วนเป็นเพราะเจ้าสตรีต่ำช้า! หากไม่ใช่เจ้าฟ้องร้อง เขาจะลงเอยในสภาพนี้ได้อย่างไร!”

เฉิงเซ่าซางใบหน้าซีดขาว แขนเล็กถูกบีบจนเจ็บร้าว กระนั้นน้ำเสียงกลับเป็นปกติ “เช่นนั้นองค์ชายสามทรงหวังให้เขาลงเอยเช่นไรเล่า หนีเตลิดไปสุดหล้าแล้วปกปิดชื่อแซ่? หรือว่างานลุล่วงแล้วพาดกระบี่เชือดคอตาย?”

องค์ชายสามลำคอตีบตัน

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com