หลังเหตุครึกโครมหนนี้ ชาวเมืองหลวงตั้งแต่ผู้มียศศักดิ์ขุนนางสำคัญ เรื่อยลงมาถึงพ่อค้าหาบเร่ ต่างก็คึกคักตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว พร้อมใจกันสาดสายตาเล็งไปยังฮั่ว หยวน และเฉิงสามสกุล ไม่ว่าจะบนหอสุรา ในร้านอาหาร หรือแม้แต่หลังเลิกประชุมขุนนาง ผู้คนล้วนถกเรื่องนี้กันเซ็งแซ่
เล่ากันว่าปันโหวผู้เฒ่าเคยทอดถอนใจ “ไม่รู้ในช่วงชีวิตของข้า จะได้เห็นบุตรชายของฮั่วชงแต่งงานหรือไม่”
เล่ากันว่าเสนาบดีกรมอาญาจี้จุนเรียกคืนหนังสือขอเกษียณกลับมาเงียบๆ เหตุผลคือต้องการจะเห็นฮั่วปู้อี๋แต่งงานก่อนค่อยขอออกจากราชการ
เล่ากันว่าหยวนเซิ่นเสี่ยงตายถอนหมั้นกับสกุลไช่ก็เพื่อแม่นางสี่สกุลเฉิง บัดนี้เป็นเช่นนี้ใช่กรรมตามสนองหรือไม่นะ
เล่ากันว่าหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าดื่มสุราแล้ว ‘พลั้งปาก’ พรรณนาเหตุการณ์ความรักอันสนิทชิดใกล้เมื่อครั้งที่ฮั่วปู้อี๋กับเฉิงเซ่าซางเคยออกท่องเที่ยวด้วยกันอย่างละเอียดลออ ทันทีที่เริ่มคุยจ้อ กลุ่มผู้กินแตงก็หลั่งไหลเข้าสมทบ ต่างบอกต่อๆ กันโขมงโฉงเฉงถึงท่าทางสนิทสนมที่พวกตนเคยเห็นขณะหนุ่มสาวแซ่ฮั่วกับเฉิงสองคนอยู่ด้วยกันในอดีต…
ชั่วเวลานั้นกิ่งใบของต้นไม้โบราณที่ปกคลุมแน่นขนัดเหนือผืนฟ้าของจวนสกุลหยวน ดูคล้ายเป็นสีมรกตเขียวขจียิ่งกว่าเดิมแล้ว*
ทว่าประเด็นที่ชาวเมืองหลวงสนใจมากที่สุด ยังคงอยู่ที่เรื่องนี้จะดำเนินไปอย่างไรกันแน่
คนนี้พูดว่าแม่นางสี่เฉิงจะฟังความเห็นของคนทางบ้าน ละทิ้งหยวนซั่นเจี้ยนไปเลือกฮั่วปู้อี๋…
คนนั้นพูดว่าช้าเร็วแม่นางสี่เฉิงต้องโผกอดฮั่วปู้อี๋แล้วร่ำไห้อย่างสุดจะหักห้ามใจตนเอง…
ยังมีบางคนพูดว่าแม่นางสี่เฉิงเป็นตายไม่ยอมถอนหมั้น จากนั้นฮั่วปู้อี๋ใช้กำลังแย่งชิง หนุ่มสาวแซ่หยวนกับเฉิงจึงต้องเป็นนกยวนยางที่อาภัพคู่หนึ่ง…
ยิ่งมีบางคนพูดว่าฮั่วปู้อี๋ใจโหดฝีมือเหี้ยม ต้องคิดหาโอกาสกำจัดศัตรูหัวใจทิ้งแน่…
แน่นอนย่อมจะมีคนโต้แย้ง บอกว่าฮั่วปู้อี๋ยังนับเป็นคนผ่าเผย น่าจะต่อสู้ช่วงชิงคนงามอย่างเปิดเผยมากกว่า…โอยๆ มารดาเอ๋ย แค่คิดก็น่าตื่นเต้นเร้าใจแล้ว!
รัชทายาทเองก็ถูกคำเล่าลือกรอกมาเต็มหู จึงถอนหายใจเอ่ย “จื่อเซิ่ง เจ้าว่าเหตุใดผู้คนจึงว่างงานกันเยี่ยงนี้นะ เสด็จพ่อเพิ่งรับสั่งประหารเจ้าเมืองที่รังวัดที่ดินไม่ตรงตามความจริงไปตั้งสิบกว่าคนแท้ๆ ไม่ยักเห็นผู้คนวิจารณ์ถึงเลย กลับมัวจับจ้องแต่เรื่องของเจ้า”
ฮั่วปู้อี๋เงียบไปชั่วครู่ “ข้าก็คาดไม่ถึงเช่นกัน”
เขาอุตส่าห์เลือกช่วงเวลานี้สลัดสกุลลั่วแล้วไปเยือนจวนสกุลเฉิง เดิมนึกว่าความสนใจของผู้คนล้วนอยู่ที่เรื่องรังวัดที่ดิน ใครจะรู้เขาประเมินน้ำใจอันร้อนแรงของชาวเมืองหลวงที่มีต่อเรื่องซุบซิบต่ำไป ยามนี้รูปการณ์จึงพลิกผัน ด้านหน้ามีข่าวชู้สาวของเขาสกัดอยู่ ฮ่องเต้ที่อยู่ด้านหลังมีพระบัญชาให้รังวัดที่ดินอย่างเข้มงวด กลับไม่มีสักคนพูดร่ำไรอีก
ฮ่องเต้แสดงความเห็นว่าบุตรบุญธรรมยอดเยี่ยมยิ่ง พระองค์พึงพอใจเป็นอย่างมาก
ข่าวชู้สาวขยายรวดเร็วดุจก้อนแป้งที่ขึ้นฟู แม้แต่ไช่อวิ่นที่ว่างงานอยู่กับบ้านยังนึกสงสารศิษย์ที่เคยเป็นอดีตว่าที่หลานเขยของเขาผู้นี้อยู่บ้าง เขาอดพูดออกไปไม่ได้ “ซั่นเจี้ยนหนอ เมื่อแรกเจ้าจะถอนหมั้นไปไย หากไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนี้เจ้ากับหลานสาวข้าก็ให้กำเนิดบุตรธิดาไปแล้ว”
หยวนเซิ่นตอบสนองด้วยการนิ่งเงียบ
ครั้นกลับถึงจวน หยวนเซิ่นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปพบบิดา ไม่นึกว่าจะเห็นเหลียงซื่อผู้เป็นมารดาอยู่ที่นั่นด้วย เขาจึงพลันตะลึงงันไปวูบหนึ่ง
“…เรื่องทั้งหมดเป็นเช่นนี้ขอรับ ขอท่านพ่อท่านแม่โปรดเชื่อ เซ่าซางไม่ได้กระทำเรื่องนอกลู่นอกทางใดๆ ทั้งสิ้น เป็นพฤติกรรมเหิมเกริมของฮั่วปู้อี๋แต่ผู้เดียว หนนี้ทำให้ทางบ้านถูกผู้คนครหานินทา เป็นความผิดของลูกเอง” หยวนเซิ่นหมอบคำนับขออภัย