ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 7 บทที่ 160 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 7 บทที่ 160

เริ่มจากนายกองฉางสุ่ยลั่วจู้ประกาศต่อหน้าผู้คนว่าจะรับเขยให้บุตรสาวที่เป็นม่ายกลับมาบ้าน นี่ทำเอาบรรดาผู้มียศศักดิ์ในเมืองหลวงตกใจจนตัวโยน คนที่มีหูตาฉับไวหน่อยต่างรู้แต่แรกว่ารัชทายาทมีใจจะให้ลั่วจี้ทงแต่งเป็นภรรยาของฮั่วปู้อี๋ และต่างรู้กันว่าสกุลลั่วแสนจะปลื้มปริ่มอยากให้เรื่องนี้ลุล่วง บัดนี้เหตุการณ์พลิกมาเป็นเยี่ยงนี้ เห็นชัดว่าหากไม่ใช่สกุลลั่วพลันเสียสติ ก็ต้องเป็นฮั่วปู้อี๋ที่เปลี่ยนท่าที

ไม่ต้องหารือกันล่วงหน้า คนทั้งหมดพร้อมใจกันมองขวับไปยังสกุลเฉิง หนนี้ท่านพ่อเฉิงผู้น่าสงสารหลบเลี่ยงแค่สกุลลั่วไม่เพียงพอแล้ว เขาจึงได้แต่ลาป่วยซ่อนตัวเสียเลย

ที่พิสดารยิ่งกว่าคือดูจากตัวอย่างเก่าเมื่อครั้งที่หยวนเซิ่นถอนหมั้นสกุลไช่ ฮั่วปู้อี๋ก็ควรจะรู้สึกผิดต่อสกุลลั่วบ้างกระมัง ทว่าดูจากการกระทำของสกุลลั่วแล้ว คล้ายว่ามิใช่เช่นนี้เลย แรกสุดลั่วจู้ให้บุตรสาวเก็บตัวรักษาอาการป่วย ปฏิเสธคำเชิญร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งปวง จากนั้นปากประกาศว่าจะรับเขย แต่กลับบอกปัดการสู่ขอของญาติมิตรไปจนสิ้น ท่าทางราวจะตบแต่งบุตรสาวไปไกลถึงชายแดนอย่างนั้นล่ะ…ดูจากจุดนี้คล้ายเป็นสกุลลั่วกลัวเกรงฮั่วปู้อี๋เสียมากกว่า ช่างแปลกแท้ แปลกจริงหนอ

ขณะเดียวกันฮั่วปู้อี๋ก็นำรถคันใหญ่คันเล็กบรรจุของล้ำค่าหายาก อาทิ กระดูกเสือ ดีหมี เขากวางอ่อน โสมป่า เสื้อขนเตียว กับเหยี่ยวล่าสัตว์ รวมถึงสิ่งของที่มากับขบวนสินค้าจากแดนโม่เป่ยอันไกลโพ้น ได้แก่ ทองคำ อัญมณี งาช้าง เครื่องหอม ยอดอาชา กับสุนัขล่าเนื้อ มุ่งหน้าไปยังจวนสกุลเฉิงอย่างเอิกเกริก

นึกถึงสภาพของบุตรสาวที่ตอนนั้นตรอมใจจนป่วยหนัก เฉิงสื่อก็ฉุนกึกอยากจะฟาดคน ฮั่วปู้อี๋คุกเข่าลงตรงหน้าให้เขาทุบตีด่าทอได้ตามแต่ใจ ยังคงเป็นเซียวฮูหยินที่ยุดสามีไว้อย่างแน่นหนา…แม้กระทั่งฮ่องเต้ยังไม่เคยทุบตีฮั่วปู้อี๋เลย ท่านจะลงมือไม่ได้เชียวนะ!

สามคนยืนกรานท่าทีของตนเองอยู่เป็นนาน สุดท้ายต่างเอ่ยคำพูดคนละสองสามประโยค

คำพูดของเซียวฮูหยินสูงส่งทีเดียว “เจ้าไม่จำเป็นต้องขอขมาพวกเรา พวกเราแม้เป็นบิดามารดาของเหนียวเหนี่ยว ทว่าแต่เล็กไม่เคยได้ห่วงใยสอนสั่งนาง บัดนี้สำนึกเสียใจก็สายไปแล้ว ภายหน้าเหนียวเหนี่ยวปรารถนาจะเดินเส้นทางเช่นไร ปรารถนาจะออกเรือนกับบุรุษแบบใด พวกเราล้วนให้นางเป็นผู้ชี้ขาดเอง…สิ่งของเหล่านี้เจ้านำกลับไปเสียเถิด”

ฮั่วปู้อี๋ย่อมไม่ยินยอม เขากล่าวเพียงว่า “มิใช่ข้าหมายจะให้ท่านทั้งสองพูดขอความเห็นใจแทนข้า หากแต่เพราะภัยที่ข้าก่อขึ้นในตอนนั้นเกือบลามมาถึงผู้ใหญ่ผู้น้อยในจวนสกุลเฉิงด้วย คิดถึงเรื่องนี้คราใด ใจข้าก็ยากจะสงบลงได้”

เฉิงสื่อกำหมัดเอ่ยเสียงหนัก “เมื่อห้าปีก่อนเหนียวเหนี่ยวป่วยเกือบตาย เจ้าอย่าได้นึกว่าระหว่างทางที่ถูกเนรเทศมีแต่ตนเองที่ทนทุกข์ หารู้ไม่ว่าเหนียวเหนี่ยวเกือบยื้อชีวิตไม่ได้ตั้งกี่หน หากเจ้าไม่เชื่อ ไปดูเรือนยาวที่ท้ายจวนได้เลย ในนั้นยังวางโลงศพที่ทำให้เหนียวเหนี่ยวไปได้ครึ่งทางแล้ว”

ฮั่วปู้อี๋เงยหน้าขวับ สุดท้ายอำลาไปอย่างสงบเงียบขรึม

รอจนตัวคนจากไป เซียวฮูหยินค่อยถามสามี “เหตุใดท่านต้องบอกฮั่วปู้อี๋เรื่องที่เหนียวเหนี่ยวป่วยหนักเล่า ข้านึกว่าตลอดมาท่านเห็นด้วยที่จะรับหยวนซั่นเจี้ยนเป็นเขยเสียอีก” พูดเช่นนี้คนแซ่ฮั่วก็ยิ่งไม่ปล่อยมือน่ะสิ

เฉิงสื่อถอนใจกล่าว “หากเป็นหยวนซั่นเจี้ยนกระทำเรื่องที่ผิดต่อเหนียวเหนี่ยว เจ้าว่าเหนียวเหนี่ยวจะล้มป่วยสาหัสเยี่ยงนั้นหรือไม่” รักลึกล้ำเท่าใด แค้นย่อมลึกล้ำเท่ากัน บาดแผลจึงจะสาหัสถึงเพียงนั้น เขาอาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมหวังว่าวันหน้าบุตรสาวจะไม่ต้องเสียใจภายหลัง

 

ภายในลานเรือน เฉิงซุ่นพ่อบ้านเก่าแก่ของสกุลเฉิงกำลังถูกของกำนัลที่กองสูงดุจภูเขาทำให้ตาลาย ในจำนวนนั้นมีเขากวางอันใหญ่ยักษ์ที่ทำให้ผู้พบเห็นต้องตาค้างลิ้นพัน แง่งแขนงอันสลับซับซ้อนขนาดล่ำสันของมันมีมากถึงยี่สิบกว่าแง่ง แผ่กว้างเกือบหนึ่งจั้งทีเดียว ประตูใหญ่โดยทั่วไปไม่อาจขนผ่านเข้ามาได้ เฉิงซุ่นจึงได้แต่สั่งรื้อบานประตูข้างประตูใหญ่ออกทั้งสองข้าง ค่อยขนย้ายเขากวางที่มีค่าควรเมืองนี้เข้ามาได้เสียที

หลังจากตรวจนับของกำนัลจนมือเมื่อย ปากแห้ง ใกล้จะหายใจหายคอไม่ทันแล้วด้วยซ้ำ เฉิงซุ่นก็แสดงความเห็นกับฝูอี่บุตรชายของสหายเก่าอย่างพออกพอใจว่า “ไฉนนายท่านไม่ให้กำเนิดคุณหนูอีกหลายๆ คนนะ หาไม่จวนของพวกเราจะมีหน้ามีตาถึงขั้นใด”

ฝูอี่ลอบคิด…มีบุตรสาวแค่คนเดียวยังชุลมุนจนสับสนวุ่นวาย ขืนให้กำเนิดอีกหลายๆ คน ประตูใหญ่จวนสกุลเฉิงไม่รู้ต้องรื้ออีกกี่รอบ

เฉิงเซ่ากงเห็นคนในจวนงานยุ่งจนมือเป็นระวิง จึงเรียกตี้อู่เฉิงมาช่วยกันลำเลียง ตี้อู่เฉิงถลึงตาถาม “ถือสิทธิ์อันใดมาเรียกข้าขนของ”

“เพราะว่าท่านน่าจะลิงโลดอย่างมากน่ะสิ” เฉิงเซ่ากงยิ้มระรื่น “คู่หมั้นของบุตรชายผู้ว่าการหยวนที่ท่านเคียดแค้นเข้ากระดูกกำลังจะถูกผู้อื่นฉกชิงไปแล้ว!”

ตี้อู่เฉิงทึ่มทื่อไปทันตา

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 7.1

บทที่ 7.1 วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ยามที่ซูโม่อี้ตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ผลที่ตามมาของอาการเมาค้างก็คือปากแห้งและ...

community.jamsai.com