“เส้นทางยังอีกยาวไกล หากยังไม่ถึงที่สุดใครจะสามารถตัดสินแพ้ชนะได้” โจวกงปิ่งเถียงกลับอย่างไม่เกรงใจแม้แต่เศษเสี้ยว แต่ในใจกลับกัดฟันกรอด สิ่งที่เจ้าเยวี่ยซย่าหมั่งผู้นี้ทำให้คนห่อเหี่ยวหมดกำลังใจที่สุดคือนอกจากรูปโฉมหล่อเหลาแล้วยังปราดเปรื่องทั้งบุ๋นและบู๊ด้วย
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีดวงหน้างามล้ำหมดจด รูปโฉมงดงามยิ่งกว่าสตรีเสียอีก นอกจากนั้นยังเป็นคุณชายสูงศักดิ์ที่ถูกเลี้ยงดูมาในเมืองหลวง ท่าทางอ้อนแอ้นเหมือนว่าบ่าไม่อาจหาม มือไม่อาจถือ เมื่อปีนั้นทหารบางนายที่หวั่นไหวกับรูปโฉมของชายหนุ่มผู้นี้ถึงกับเกิดความคิดชั่วร้ายกับเขาด้วยซ้ำ สุดท้ายประจวบเหมาะเห็นเจ้าคนบ้าคลั่งอวี๋เสวียนกับเขาต่อสู้กันอย่างพอฟัดพอเหวี่ยงในลานประลองวรยุทธ์ แต่ละคนจึงตกใจเสียขวัญจนล้มเลิกความคิดไม่ดีไป
ต้องรู้ว่าอวี๋เสวียนนั้นเดิมเป็นหัวหน้าองครักษ์ติดดาบ เป็นคนจากในวังหลวง ฝีมือจะย่ำแย่ได้หรือ นั่นล้วนเป็นคนที่สามารถต่อกรกับศัตรูได้หนึ่งต่อสิบทั้งนั้น
“เส้นทางยังอีกยาวไกล?” เยวี่ยซย่าหมั่งแค่นเสียงหัวเราะ “จากที่ข้าเห็น เส้นทางของเจ้าไม่ไกลแล้ว”
“อยู่ดีๆ มาสาปแช่งผู้อื่นเพื่ออันใดกัน” เขาติดค้างอะไรเยวี่ยซย่าหมั่งกันแน่ เหตุใดอีกฝ่ายถึงไม่พูดจาดีๆ กับเขานัก
“เป็นคำเตือนต่างหาก”
“เกิดเรื่องใดขึ้น” โจวกงปิ่งสีหน้ามึนงง
“เกาหลินกลายเป็นผู้ติดตามของคุณชายจวนเจ้าเมืองเฉินไปแล้ว” เยวี่ยซย่าหมั่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย มือจับหมากดำที่อยู่ในโถเล่น
โจวกงปิ่งยังคงมีสีหน้าสับสนงุนงง “แล้วเกี่ยวอันใดกับข้าด้วย”
เยวี่ยซย่าหมั่งหลับตาครู่หนึ่ง ก่อนลืมตาและถอนหายใจเฮือกใหญ่แรงๆ “ข้ารู้สึกว่าการคุยกับเจ้าช่างเหนื่อยจริงๆ” คิดเองต่อไม่เป็นหรือ เขาอาศัยสิ่งใดกันแน่ถึงนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้มาจนถึงตอนนี้
โจวกงปิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก ถึงสามารถพูดคุยกับเยวี่ยซย่าหมั่งดีๆ ได้ “เบื้องบนไม่มีคำสั่งให้จับกุมตัวสักหน่อย เจ้าจะให้ข้าอาศัยสิ่งใดไปจับตัวคน”
เยวี่ยซย่าหมั่งหัวเราะเฮอะ น้ำเสียงดูถูกดูแคลนเต็มเปี่ยม “เจ้ากลัวจะล่วงเกินเกาฉิวมากกว่ากระมัง”
เมื่อถูกกระชากผ้าคลุมกันอายออกอย่างไม่เกรงใจ โจวกงปิ่งก็อับอายจนพาลโกรธขึ้นมาในชั่วพริบตา แต่ก็โต้อะไรกลับไม่ได้
เยวี่ยซย่าหมั่งเองก็ไม่มีอารมณ์จะรอเขาอธิบายเช่นกัน จึงโบกมือให้เขาอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ บอกเป็นนัยให้เขาออกไปได้แล้ว “ยอมล่วงเกินฝ่าบาทแต่ไม่กล้าล่วงเกินเกาฉิว เจ้าเองก็นับว่าใจกล้านัก”
“เจ้าอยู่ที่เมืองหลวง ไม่รู้หรือว่าเพราะเหตุใดในสกุลเกาถึงมีแค่เกาฉิวที่ไม่ถูกลงโทษ มิใช่เพราะพ่อตาของเขาหรือไร” โจวกงปิ่งเอ่ยด้วยความอับจนปัญญาอย่างถึงขีดสุด “คนเขาเป็นถึงผู้บัญชาการใหญ่ที่เฝ้าอารักขาเยียนโจว ฝ่าบาทยังต้องไว้หน้าเขาหลายส่วน แล้วข้าจะไม่ไว้หน้าได้หรือ”
ความเกี่ยวดองทางการแต่งงานของแม่ทัพนายกองที่เยียนโจวมาจนถึงแถบค่ายใหญ่ฝั่งตะวันตกนั้นสลับซับซ้อน ดึงผมเส้นเดียวกระทบไปทั่วทั้งตัว หากเป็นไปได้โจวกงปิ่งยอมไปสังหารศัตรูภายนอกดีกว่าเหยียบย่ำลงไปในน้ำโคลนสกปรกนี้
“เจ้าคิดว่าฝ่าบาททรงไว้หน้าแล้ว?” เยวี่ยซย่าหมั่งชำเลืองมองสหายปราดหนึ่งอย่างเกียจคร้าน เอ่ยด้วยความอิดหนาระอาใจยิ่ง “เจ้าคิดว่าข้ามาที่นี่เพื่อกินทรายโดยเฉพาะ?”
ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์เมืองหลวงอย่างเขาจำเป็นต้องพาทหารจากห้าค่ายย้ายฐานที่มั่นมาอยู่ที่ค่ายใหญ่ฝั่งตะวันตกเป็นกรณีพิเศษด้วยหรือ นี่มิใช่งานของเขาเสียหน่อย ก็แค่หาเหตุผลให้เขามาที่นี่เท่านั้น
โจวกงปิ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ดังนั้นความหมายของเจ้าคือ…”