ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา
ทดลองอ่าน ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา บทนำ-บทที่ 2
นางทั้งไม่อาจเอาชนะภรรยาคนแรกของฉินวั่ง และสู้เจียงซื่อคนน้องไม่ได้ นางวนเวียนอยู่ในวังวนแห่งความวิตกกังวลเกินกว่าเหตุมาทั้งชีวิต นางไม่คิดจะปล่อยผู้อื่น และไม่คิดจะปล่อยตัวเอง
ขณะใกล้จะสิ้นใจ เวินซวงหวานึกถึงภาพก่อนนายหญิงผู้เฒ่าฉินจะสิ้นลมขึ้นมาได้
นางเรียกบุตรชายคนโตของตนมา ให้ฉินสุยจือคุกเข่าลงตรงหน้าตน
เวินซวงหวาในดวงตามีน้ำตาขังคลอ ริมฝีปากซีดขาว นางพูดเสียงแหบแห้ง ‘สุยจือ แม่จะไปแล้ว เจ้าสาบานให้กับแม่ ชั่วชีวิตนี้จะรักษากิจการพื้นฐานของสกุลเวินให้ดี ไม่คิดสอบเคอจวี่เด็ดขาด’
คำพูดนี้พอกล่าวออกมา ฉินวั่งตกตะลึงตาค้างอย่างสิ้นเชิง
ฉินวั่งเป็นปัญญาชน ถ้าไม่มีพรสวรรค์และสายตาที่มองการณ์ไกลอยู่บ้าง วันนี้ก็คงไม่ถูกย้ายจากเชียนอันมารับตำแหน่งในเมืองหลวง สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือบุตรชายสายตรงที่ทุกคนต่างยกย่องว่าเป็นเด็กเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่ยังเด็ก
แต่หากฉินสุยจือเพียงกล่าวคำสาบานออกมา ทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว
ทว่าเวินซวงหวาเป็นสตรีที่ล่องลอยอยู่ในความรักมาตลอดชีวิต นางสูญเสียสติสัมปชัญญะไปนานแล้ว
นางร่ำไห้ไปบีบบังคับให้ฉินสุยจือสาบานไป
ฉินสุยจือมองมารดาที่ลมหายใจรวยริน หัวเข่าทั้งสองงอลงไปช้าๆ ยกมือขึ้น เอ่ยคำสาบานออกมาทีละคำ ก็เหมือนปีนั้นที่ฉินวั่งเอ่ยคำสาบานต่อหน้านายหญิงผู้เฒ่าเช่นกัน
เจียงหลันเยวี่ยมองฉินหลิงที่โศกเศร้าแทบจะขาดใจ แล้วหยักยกมุมปากขึ้นช้าๆ
ความแค้นในวันนั้น ในที่สุดนางก็ได้ล้างแค้นแล้ว
ชีวิตคนหนึ่งชีวิต ถ้าถามเจียงหลันเยวี่ยว่าเคยนึกเสียใจหรือไม่
นางก็จะตอบว่าไม่
ในสายตาของนาง เรือนด้านหลังแห่งนี้ไม่มีมาก่อนมาหลัง มีแต่ผู้มีความสามารถจึงจะได้ครอบครองตำแหน่ง คนจะมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ล้วนอาศัยความสามารถของตน
สตรีเช่นเวินซวงหวาที่ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อบุรุษ สุดท้ายแล้วได้อะไรตอบแทนกลับมาเล่า
หลังจากเวินซวงหวาจากไปด้วยอาการป่วย ฉินวั่งก็ไม่เคยอารมณ์เสียใส่ฉินสุยจือและฉินหลิงอีกเลย เพราะความรู้สึกผิดดุจกระแสน้ำที่แทบจะท่วมท้นตัวเขา
แต่นิสัยของฉินหลิงกับเวินซวงหวาเหมือนออกมาจากเบ้าเดียวกัน นางเอาการตายของมารดากับอนาคตของพี่ชายเป็นความแค้นที่มีต่อเจียงหลันเยวี่ยสองแม่ลูก
ฉินหลิงไม่ได้คว่ำโต๊ะต่อหน้าเจียงหลันเยวี่ย ด่าว่าอีกฝ่ายเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ทำให้มารดาของตนตายแค่เพียงครั้งเดียว นางยังตบตีฉินหรงน้องสาวที่เกิดจากอนุหลายครั้ง ทุกครั้งที่ฉินวั่งเตรียมจะสั่งสอนฉินหลิง เจียงหลันเยวี่ยก็จะลูบหน้าอกฉินวั่งพลางบอก
‘คุณหนูใหญ่อายุยังน้อย ยังไม่รู้ประสา หลังจากฮูหยินจากไปแล้ว ข้าเห็นนางแอบหลบไปร้องไห้อยู่ในห้องบ่อยๆ…พูดอย่างถึงที่สุดแล้ว นี่ไยมิใช่ความผิดของข้า…’
ความสัมพันธ์ระหว่างบิดากับบุตรสาวจึงแตกหักกันไปเพราะน้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวลนี้
ฉินหลิงถูกเลี้ยงดูให้ยโสโอหังเอาแต่ใจ กำเริบเสิบสานไร้กฎระเบียบ หลายเรื่องฉินวั่งล้วนหลับตาข้างลืมตาข้าง แต่ระหว่างรอการคัดเลือกหญิงงามของฝ่ายใน ฉินหลิงได้เกิดรักใคร่ชอบพอกับบุตรชายของพ่อค้าคนหนึ่ง ทั้งยังจะเป็นจะตาย ยืนกรานว่าถ้าไม่ใช่เขาก็จะไม่แต่ง
ฉินวั่งย่อมไม่อาจนิ่งดูดายไม่ยุ่งเกี่ยว
เมื่อวานเขาอดทนจนถึงขีดสุดแล้ว
หลังจากทำความเข้าใจเรื่องในอดีตของบ้านสกุลฉินเหล่านี้แล้ว ซูหลิงก็ยกมือขึ้นนวดคลึงหว่างคิ้ว
บุตรสาวสกุลฉินผู้นี้ ถูกเจียงซื่อผู้นั้นปั่นหัวจนหัวหมุนไปหมด
ถ้านางยังพบหน้ากับบุรุษสกุลจูต่อไป จะต้องเกิดเหตุยุ่งยากขึ้นแน่นอน ฉินวั่งไม่มีทางเอาอนาคตขุนนางของตนมาล้อเล่น ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริง เขาก็ได้แต่ต้องให้ฉินหรงบุตรสาวอีกคนของสกุลฉินเข้าวังแทนนาง
ถึงตอนนั้นจริง แม้ไม่อาจยกเจียงซื่อขึ้นเป็นภรรยาเอกก็จำต้องยกขึ้นมาแล้ว
ซูหลิงลุกขึ้นมาผลักหน้าต่างค้ำถอดขึ้น มองจันทร์เต็มดวงด้านนอกแวบหนึ่ง หยักยกมุมปากคล้ายเยาะหยัน
รัชศกเหยียนซีปีที่สี่ การคัดเลือกหญิงงามครั้งใหญ่ของตำหนักใน สวรรค์ช่างล้อคนเล่นเสียจริง
ฉินวั่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นไท่สื่อลิ่งไม่ถึงครึ่งปี กอปรกับฐานะไม่โดดเด่น คิดว่าคงยังไม่เคยเห็นนาง…อดีตฮองเฮามาก่อน
เขาไม่มีทางคาดคิดได้ ด้วยใบหน้าดวงนี้ของนาง ถ้าเข้าไปในวังแล้วจะก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ที่สูงทะมึนเพียงใด
ขณะกำลังคิดอยู่นั้น ประตูห้องชั้นในก็ถูกคนผลักเปิดเข้ามาดัง ‘ปัง’
ซูหลิงย่นหัวคิ้วน้อยๆ หมุนตัวกลับไปมอง…
เพียงเห็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมยาวสีดำ ใบหน้างามดุจหยก มาปรากฏตัวต่อหน้านาง
หลังจากมองสบตากันสั้นๆ เขาก็ก้าวยาวๆ เข้ามา สองมือกุมหัวไหล่ของซูหลิง จากนั้นก็กอดนางไว้
“มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว…มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว”
ซูหลิงคิดจะหลบด้วยสัญชาตญาณ แต่จนปัญญาที่ชายหนุ่มกอดแน่นมาก นางดิ้นไม่หลุด
นางรู้ว่าคนผู้นี้คือใคร
เขาก็คือพี่ชายแท้ๆ ของฉินหลิง…ฉินสุยจือ
นับแต่ฉินสุยจือตัดขาดเส้นทางการสอบเคอจวี่ก็รับช่วงการค้าของสกุลเวินที่เชียนอัน ดูจากท่าทางที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า น่าจะเป็นเพราะหลังจากได้ทราบว่าฉินหลิงดื่มยาพิษฆ่าตัวตายก็รีบเร่งรุดกลับมาโดยเฉพาะ
ผ่านไปพักใหญ่ฉินสุยจือจึงปล่อยมือจากนาง
ขณะช้อนตาขึ้น ซูหลิงเห็นชัดเจนว่าในดวงตาของเขาแดงเรื่อไปด้วยเส้นโลหิตฝอย
ฉินสุยจือก้มหน้ากล่าวเสียงอ่อนโยน “อาหลิง จูเจ๋อผู้นั้นเข้ามาใกล้ชิดเจ้าด้วยจุดประสงค์ที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะเหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมเชื่อข้า เจ้ารู้หรือไม่ หากเรื่องในวันนี้แพร่งพรายออกไป ชีวิตนี้ของเจ้าก็จบสิ้นแล้ว”
‘อาหลิง’
ซูหลิงรู้ว่าฉินสุยจือไม่ใช่กำลังเรียกตน ทว่าชั่วขณะนั้นนางยังคงนึกถึงซูไหวอันอย่างไม่อาจยับยั้งตัวเองได้
พี่ชายของนาง แต่ก่อนก็เรียกนางเช่นนี้
ฉินสุยจือกำหมัดแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ยับเยิน เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ
“เขาดีถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เพื่อจะได้อยู่กับเขา แม้แต่ข้า เจ้าก็ตัดใจทิ้งไปได้”