ทดลองอ่าน ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา บทที่ 3-4 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา

ทดลองอ่าน ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา บทที่ 3-4

4 of 4หน้าถัดไป

นางไม่อาจทนดูต่อไปได้ จึงเอ่ยปากตามตรง “แม่นางซื่อเชี่ยวชาญพิณ หมากล้อม คัดอักษร วาดภาพ ข้าเชิญนางมาก็เพื่อการเข้าวังคัดเลือกหญิงงาม”

พริบตานั้นฉินวั่งถูกทำให้โมโหจนหัวเราะแล้ว “ข้าหาอาจารย์มาให้เจ้าตั้งหลายคน เจ้ายังไม่ยอมเรียน เวลานี้เปลี่ยนเป็นหญิงขับร้อง เจ้าก็ยอมเรียนแล้ว?”

คุณหนูใหญ่กับฉินวั่งเข้ากันไม่ได้ดุจน้ำกับไฟ นางจะตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเขาไปเสียทุกอย่าง

ฉินวั่งให้นางทำอะไร นางก็จะทำในสิ่งตรงข้าม ส่งผลให้ความรู้และสติปัญญาตื้นเขิน นอกจากดีดพิณได้สองเพลง เมื่อเปรียบกับฉินหรงที่เจียงหลันเยวี่ยให้กำเนิดแล้ว พูดได้ว่าคนหนึ่งอยู่บนฟ้า คนหนึ่งอยู่ใต้ดิน

ซูหลิงพูดอย่างจริงจัง “ถ้าท่านพ่อไม่เชื่อ เช่นนั้นไม่สู้กำหนดเวลาไว้ครึ่งเดือน หลังจากครึ่งเดือนท่านพ่อสามารถตรวจสอบการคัดตัวอักษรวาดภาพของข้าด้วยตนเอง รวมทั้งธรรมเนียมมารยาทในวัง ถ้าไม่มีความก้าวหน้า ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก ทุกอย่างแล้วแต่ท่านพ่อจะจัดการ”

เจียงหลันเยวี่ยย่นหัวคิ้วมองซูหลิงแวบหนึ่ง

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ แววตาของฉินวั่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถลึงตาใส่ซื่อเยวี่ยอย่างดุดันทีหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงต่ำ

“ได้ เจ้าจำคำพูดวันนี้ไว้ให้ดี ครึ่งเดือนให้หลัง ถ้าเจ้ายังเป็นเหมือนเมื่อก่อน คนผู้นี้! ต้องไปจากที่นี่!”

ซูหลิงบอก “เรื่องนี้แน่นอน”

หลังจากฉินวั่งกับเจียงหลันเยวี่ยไปแล้ว ซื่อเยวี่ยก็รีบกล่าว “คุณหนูฉิน พิณ หมากล้อม คัดอักษร วาดภาพ ซื่อเยวี่ยสามารถถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดให้ได้ แต่ธรรมเนียมมารยาทในวัง ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ”

“ไม่เป็นไร”

สำหรับซูหลิงแล้ว ธรรมเนียมมารยาทในวังนั้นไม่จำเป็นต้องเรียน

นางเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อครู่แม่นางซื่อคงเห็นเจียงอี๋เหนียงผู้นั้นแล้ว”

ซื่อเยวี่ยบอก “เห็นแล้วเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นไม่สู้สอนความสามารถในการหลั่งน้ำตาได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตาให้ข้าก่อนเป็นอย่างไร”

ได้ยินแล้วซื่อเยวี่ยก็อดหัวเราะตามไม่ได้ “เช่นนั้น…ไม่รู้ความยากลำบากของการเป็นนักแสดงงิ้ว แม่นางฉินจะทนได้หรือไม่”

“เจ้าสอนมาก็แล้วกัน”

ซูหลิงย่อมเข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าฝึกฝนสิบปีเพื่อขึ้นเวทีแสดงเพียงชั่วครู่เดียว ดังนั้นตอนนางเอ่ยคำพูดนี้ก็เพียงเพื่อหยอกล้อ

นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าบนโลกนี้ยังมีของเช่นขี้ผึ้งเร่งน้ำตาอยู่ด้วย

ซื่อเยวี่ยหยิบขวดเครื่องเคลือบสีน้ำตาลแบนออกมาใบหนึ่ง “นี่คือขี้ผึ้งเร่งน้ำตา เดิมทีซื่อเยวี่ยเป็นม้าผอมถูกคนขายมาแล้วสี่ครั้งจึงได้พบกับอาจารย์ ได้ฝึกฝนเรียนรู้ความสามารถในการหาเลี้ยงปากท้อง ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้ เพียงนึกถึงวันเวลาในอดีตก็หลั่งน้ำตาได้แล้ว แต่คุณหนูฉินเป็นสตรีสูงศักดิ์ คิดว่าคงไม่เคยได้รับความทุกข์ยากอันใด ไม่สู้ลองใช้ของสิ่งนี้ แตะเล็กน้อยแล้วนำมาทาที่ใต้ตาก็ใช้ได้”

ซูหลิงยื่นมือไปแตะเล็กน้อย เพิ่งจะทาไปที่ใต้ตา น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาราวทำนบแตก

ซื่อเยวี่ยหยิบคันฉ่องสำริดที่อยู่ด้านข้างมา “คุณหนูฉินท่านดู”

พอมองไป ลูกตาดำของซูหลิงคล้ายสั่นสะท้านไปหมด

ดวงตาคู่นี้หางตาแดงระเรื่อ ขนตาชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเวทนาสงสาร คล้ายไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง

ซื่อเยวี่ยยิ้ม “คุณหนูฉิน แปดร้อยตำลึงนี้คุ้มค่าหรือไม่เจ้าคะ”

ซูหลิงพยักหน้า

คุ้มค่า

ตอนแรกซื่อเยวี่ยก็คาดเดาไม่ออกว่าที่แท้แล้วซูหลิงคิดจะทำอะไร

อย่างเช่นเห็นอยู่ว่าซูหลิงเขียนตัวอักษรได้งดงามอยู่แล้ว กลับจะเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษรเป็นอีกแบบหนึ่ง และอย่างเช่นเห็นอยู่ว่าอากัปกิริยาของนางสง่าภูมิฐานมีมารยาท สุภาพงดงาม กลับจะเรียนรู้เสน่ห์และกิริยาท่าทางความอ่อนช้อยจริตจะก้านอันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงขับร้อง

แต่ระหว่างคนฉลาดด้วยกัน อาจมีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องอธิบาย

ซื่อเยวี่ยไม่ถาม ซูหลิงก็ไม่เอ่ยถึง

นางอยากเรียนอะไร ซื่อเยวี่ยก็สอนอย่างนั้น

ซูหลิงขลุกอยู่ในห้องฝึกคัดอักษรทั้งวัน ข้อมือคล้ายถูกเสียดสีจนแตกแล้ว บางครั้งเขียนจนถึงก่อนฟ้าสางแล้วฟุบหลับไปบนโต๊ะ

ซื่อเยวี่ยมีฐานะเดิมเป็นม้าผอม พบเห็นบุรุษสตรีมานับไม่ถ้วน แต่นางไม่เคยพบสตรีเช่นคุณหนูใหญ่สกุลฉินมาก่อน

ซูหลิงขอให้ซื่อเยวี่ยเข้มงวดสักหน่อย ซื่อเยวี่ยจึงวางท่าทีเช่นเดียวกับตอนอาจารย์ของนางสอนนาง

นางเอาบทงิ้วจำนวนมากให้ซูหลิงอ่าน เดิมเข้าใจว่าคุณหนูบ้านขุนนางคงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เท่าไร เห็นแปลกใหม่สักสองวันก็คงพอแล้ว

กลับไม่คิดว่าซูหลิงจะยึดมั่นยิ่ง ไม่ว่าจะเจอบทงิ้วที่เอ่ยปากยากเพียงใดก็ไม่เคยพูดคำว่า ‘ไม่’

แต่ความสามารถในการร้องงิ้ว ประการแรกต้องอาศัยการฝึกฝน สองต้องอาศัยความเข้าใจ มีคนมากมายฝึกฝนมาทั้งชีวิตก็ยังขึ้นเวทีไม่ได้

นางรู้ว่าซูหลิงขาดตรงจุดใด กลับลังเลไม่กล้าเอ่ยปาก

สุดท้ายยังคงเป็นซูหลิงที่ฉีกกระดาษที่กั้นกลางอยู่แผ่นนี้ออก นางพูดอย่างจริงจัง “แม่นางซื่อยังคงพูดออกมาตามตรงเถิด”

ซื่อเยวี่ยพินิจพิเคราะห์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูซูหลิง “คุณหนูฉินหากคิดจะเป็นคนอื่น ต้องลืมก่อนว่าตนคือใคร บทงิ้วมีความสุข ท่านก็มีความสุข บทงิ้วระทมทุกข์ ท่านก็ทุกข์ระทม”

หากคิดจะเป็นคนอื่น ต้องลืมก่อนว่าตนคือใคร

ซูหลิงมองสบตากับซื่อเยวี่ย นิ่งเงียบไปพักใหญ่จึงบอก “ขอบคุณมาก”

แสงอาทิตย์จะส่องจากหน้าต่างด้านตะวันออกไปถึงหน้าต่างด้านตะวันตกทุกวัน

ซื่อเยวี่ยเห็นในดวงตาสุกใสงดงามคู่นั้นของซูหลิงมีประกายแสงเพิ่มขึ้นชั้นหนึ่ง มีความระยิบระยับพร่างพราวเพิ่มขึ้นชั้นหนึ่ง

หยิ่งผยองเอาแต่ใจ ภูมิฐานเพียบพร้อมคุณธรรม น้ำตาขังคลอจะร้องไห้ เปี่ยมเสน่ห์ยั่วยวนคน ล้วนคือนาง

ซูหลิงวางบทงิ้วในมือลง มุมปากมีรอยยิ้มผุดขึ้นจางๆ นางได้กลายเป็นบุตรสาวสกุลฉินไปแล้ว ต่อไปนี้นางก็คือฉินหลิง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วก็มาถึงครึ่งเดือนให้หลังแล้ว…

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 4 .. 66 เวลา 12.00 .

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com