ทดลองอ่าน ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา บทที่ 7-8 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา

ทดลองอ่าน ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา บทที่ 7-8

เจียงหลันเยวี่ยยังไม่ทันพูดน้ำตาก็ไหลออกมาก่อน พูดด้วยความเศร้าโศกอย่างที่สุด

“นายท่าน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของข้า”

ฉินวั่งก้าวถอยหลังติดๆ กัน คล้ายไม่กล้าเชื่อน้ำตาของคนที่อยู่ตรงหน้าอีก

สิ่งต่างๆ ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอย่างต่อเนื่อง

‘ข้าคิดถึงพี่สาวแล้ว พี่เขยก็คิดถึงนางกระมัง’

‘พี่เขยวางใจ ฮูหยินใหญ่มีบุญคุณต่อข้าดุจขุนเขา ต่อไปข้าจะกตัญญูและเคารพนางให้ดี’

‘นายท่าน ฮูหยินใหญ่ไม่ยอมรับข้า ข้ายังคงจากไปดีกว่า’

‘นายท่าน นี่คือลูกของเรา หรงเอ๋อร์’

‘หรงเอ๋อร์ ต้องเชื่อฟัง ห้ามเจ้าชิงดีชิงเด่นกับพี่สาวเจ้า ห้ามทำให้ท่านพ่อลำบากใจ’

ฉินวั่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง พึมพำขึ้น “ข้าว่าข้าก็ดีต่อเจ้าไม่น้อย เพราะเหตุใดเจ้า…”

เจียงหลันเยวี่ยร้องไห้พลางเอ่ยว่า “ข้าไม่เคยทำเรื่องที่เป็นภัยต่อบ้านสกุลฉิน จดหมายเหล่านี้เดิมก็ตั้งใจว่าจะเอาให้นายท่านดู ข้าเพียงคิดจะช่วยช่วงชิงโอกาสให้หรงเอ๋อร์สักครั้ง หรงเอ๋อร์หนึ่งไม่ใช่ลูกภรรยาเอก สองไม่มีพี่ชายรักและเอ็นดู ข้ากลัวว่าต่อไปนางจะถูกคนข่มเหงรังแก ถึงได้ถูกภูตผีครอบงำจิตใจ”

พูดจบเจียงหลันเยวี่ยก็ลุกขึ้นพุ่งชนกับโต๊ะสี่เหลี่ยมที่ทำจากไม้จันทน์แดง แต่ละครั้งแรงขึ้นทุกที โลหิตหยดลงบนพื้น

ฉินวั่งมุ่นหัวคิ้วมองนาง “นี่เจ้าทำอะไร!”

เจียงหลันเยวี่ยแหงนหน้ามองฉินวั่ง “พี่เขย ถ้าพี่สาวเห็นข้าเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ จะต้องผิดหวังและเจ็บปวด…ข้า…ข้าไม่มีหน้าจะอยู่ต่อไป!”

ละครฉากนี้ดูมาถึงตรงนี้ แม้แต่ฉินหลิงก็ไม่อาจไม่ยอมรับนับถือหญิงสกุลเจียงผู้นี้

เกิดเรื่องแล้วก็ยอมรับผิดก่อน จากนั้นก็เอ่ยถึงฉินหรง แสดงให้รู้เป็นนัยว่าความผิดทั้งหมดเกิดจากเรื่องภรรยาเอกกับอนุ

สุดท้ายก็เอ่ยถึงเจียงหมิงเยวี่ยภรรยาคนแรกที่ชีวิตนี้ฉินวั่งยากจะลืมเลือนได้

ภายใต้การร่ำไห้รำพึงรำพันประโยคแล้วประโยคเล่าของนาง แววตาที่เฉยเมยเฉียบขาดของฉินวั่งดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

เจียงหลันเยวี่ยคล้ายกลับไปเป็นหญิงไร้ที่พึ่งพิงคนนั้นอีกครั้ง

เห็นสภาพการณ์แล้ว ฉินสุยจือจึงตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น

ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกสลัก ประกายตาดุจชุบด้วยน้ำแข็ง เขาควบคุมน้ำเสียง พูดเน้นย้ำทีละคำ

“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ใช่อี๋เหนียงของบ้านสกุลฉินอีก ข้าเห็นแก่ที่เจ้าเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดหรงเจี่ยเอ๋อร์จะไม่เอาชีวิตเจ้า แต่ไม่อาจให้เจ้าอยู่บ้านสกุลฉิน ข้ามีบ้านที่เชียนอันหลังหนึ่ง พรุ่งนี้จะให้คนส่งเจ้าไปที่นั่น”

เจียงหลันเยวี่ยลมหายใจสะดุดติดขัด

อำเภอเชียนอัน นั่นเป็นบ้านเกิดของเวินซวงหวา ถ้านางกลับไปเชียนอัน คนสกุลเวินจะไม่ถลกหนังนางหรือ

เจียงหลันเยวี่ยคุกเข่าลงตรงหน้าฉินวั่ง “ข้ามีชาติกำเนิดต่ำต้อย มีความผิดสมควรตายหมื่นครั้ง ไม่กล้าขอให้นายท่านให้อภัย เพียงขอให้คุณชายใหญ่คุณหนูใหญ่อย่าตำหนิหรงเอ๋อร์ นางไม่รู้เรื่องอะไรเลย นางอายุยังน้อย…”

คำพูดนี้พอเอ่ยออกมา ฉินหรงก็วิ่งเข้ามา “ท่านแม่ นี่ท่านกำลังทำอะไร! รีบลุกขึ้นมา!”

ฉินสุยจือกล่าวกับบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างกาย “ยังไม่รีบพาคุณหนูรองออกไป รออะไรอยู่!”

ฉินหรงรีบคุกเข่าลง หมอบอยู่ข้างเท้าฉินวั่ง “ท่านพ่อ ท่านอย่าไล่ท่านแม่ไปได้หรือไม่ หรงเอ๋อร์ไม่อาจไม่มีแม่…”

ฉินวั่งที่อายุเกินสี่สิบมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า หัวใจคล้ายกำลังสั่นไหว

ฉินหรงเป็นเขาอุ้มชูเลี้ยงดูมา เจียงหลันเยวี่ยก็ปรนนิบัติเขามาสิบกว่าปีแล้ว

เขาออกจะ…ตัดใจไม่ลงจริงๆ

ในเวลานี้เองฉินหลิงก็ลุกขึ้นมา ปลายนิ้วลูบผ่านหางตา จมูกขาวเนียนแดงเล็กน้อย หลั่งน้ำตาเงียบๆ

นางก้มลงมองฉินหรง พูดอย่างเน้นย้ำทีละคำ “เจ้าไม่อาจไม่มีแม่ ดังนั้นข้าไม่มีแม่ได้เช่นนั้นหรือ”

ฉินหรงช้อนตาขึ้นมองฉินหลิง ร้องไห้โฮ “พี่หญิงใหญ่ ท่านแม่มีความผิด หรงเอ๋อร์ก็มีความผิด พี่หญิงใหญ่ ท่านตีข้าเถิด”

“ตีเจ้า?” ฉินหลิงหันไปกล่าวกับฉินวั่ง “ท่านพ่อ ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ท่านแม่ของข้าก็คงไม่ตาย ถ้าท่านแม่ของข้ายังมีชีวิตอยู่ พี่ชายก็คงไม่ต้องเอ่ยคำสาบานนั่น” น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลจากขอบตาของฉินหลิง “สองวันก่อนติดประกาศผลสอบเซียงซื่อ ทั้งสวนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุ้ย ท่านพ่อรู้หรือไม่ พี่ชายยืนดูอยู่ที่นั่นนานเพียงใด ข้าจะเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียบุตรสาวคนโตของสกุลฉิน แต่ไรมาก็ไม่เคยเห็นผู้ใหญ่อยู่ในสายตา ความรู้สติปัญญาตื้นเขิน เย่อหยิ่งเอาแต่ใจ”

คำพูดเหล่านี้ แต่ก่อนเป็นฉินวั่งที่ชี้หน้าด่าฉินหลิง

“แต่พี่ชายของข้า ตั้งแต่เล็กก็เฉลียวฉลาดเหนือผู้อื่น ชั่วชีวิตนี้เขาไม่อาจเข้าเป็นขุนนางในราชสำนัก เรื่องนี้ข้าตีเจ้าแล้วมีประโยชน์หรือ”

พวกเขารู้จักทิ่มแทงหัวใจของฉินวั่ง แล้วนางทำไม่เป็นหรือ

ฉินสุยจือเป็นบุตรชายคนเดียว ชั่วชีวิตนี้เขาไม่อาจเข้าสอบเคอจวี่แสวงหาความก้าวหน้า นี่เป็นความเจ็บปวดชั่วชีวิตของฉินวั่ง

ฉินหลิงมองแววตาของฉินวั่งที่ใกล้จะพังทลายแล้วกล่าวต่อ “ท่านพ่อยังจำคำพูดประโยคนั้นที่ท่านแม่พูดอยู่เสมอตอนป่วยได้หรือไม่”

ฉินวั่งรูม่านตาหดลง “อาหลิง…”

ฉินหลิงโจมตีเขาเป็นครั้งสุดท้าย “ท่านแม่ถามท่าน เพราะเหตุใดท่านจึงไม่ยอมเชื่อนาง”

ฉินวั่งคล้ายได้เห็นเวินซวงหวาอีกครั้ง นางใบหน้าซีดขาว เส้นผมยุ่งเหยิง ปากเอาแต่พึมพำไม่หยุด

‘เพราะเหตุใดท่านพี่จึงไม่เชื่อข้า ข้าก็เป็นภรรยาท่านเช่นกัน เพราะเหตุใด’

ฉินหลิงกระจ่างแก่ใจ ด้วยนิสัยใจคอของฉินวั่ง คำพูดประโยคนี้เพียงพอให้เขารู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

เจียงหลันเยวี่ยหวาดกลัวอย่างถึงแก่นแท้แล้ว นางสั่นเทาไปทั้งร่างดุจตะแกรงร่อนรำ ร้องบอกฉินวั่ง

“นายท่าน…ไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ใช่เช่นนั้น!”

ฉินสุยจือส่งสายตา ปากของเจียงหลันเยวี่ยก็พลันถูกอุดไว้

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเพียงใด ฉินวั่งหลับตาลง เอ่ยเสียงแหบแห้ง “ใครอยู่ข้างนอกเข้ามา พาคุณหนูรองกลับไปที่ห้อง ส่งเจียงซื่อออกจากบ้านไปเดี๋ยวนี้”

 

สายลมในฤดูใบไม้ร่วงค่อนข้างเย็น

ช่วงเวลาจุดโคมฉินสุยจือยกหีบไม้หวงฮวาหลีเข้ามาในเรือนของฉินหลิง

ฉินหลิงถามด้วยความประหลาดใจ “นี่คืออะไร”

ฉินสุยจือยื่นกุญแจให้นาง ยิ้มบอก “อาหลิง เปิดออกดู”

ฉินหลิงรับไป

หลังจากสอดลูกกุญแจเข้าไป หมุนสองครั้ง ฝาหีบก็เปิดออก

พอมองไป ฉินหลิงก็ตะลึงงันไปทั้งร่างแล้ว

ในหีบมีแผ่นใบไม้ทองคำ หยกขาวมันแพะและไข่มุกทะเลใต้ชั้นหนึ่ง

ยังมีปิ่นระย้าทองคำรูปดอกไม้ฝังมุกสีแดงที่นางต้องการอันนั้น

สิ่งของเหล่านี้ไม่พูดถึงว่ามูลค่าควรเมือง แต่เอาไปแลกกับร้านค้าสิบร้านในย่านที่ดีที่สุดของประตูตงจื๋อก็ยังเพียงพอ

ฉินสุยจือบอก “เจียงหลันเยวี่ยแม้จะน่าแค้นใจ แต่คำพูดบางคำของนางก็พูดได้ไม่ผิด วงศ์ตระกูลของเราไม่มีอำนาจบารมี ถ้าเจ้าเข้าวังหลวงไปจริง จุดที่ต้องให้เงินค่าน้ำร้อนน้ำชาซื้อความสะดวกมีมากมาย ข้าไม่มีอะไรจะให้เจ้าได้ ของเหล่านี้เดิมก็จะให้เจ้าเป็นสินเจ้าสาว ข้าสะสมมาหลายปีแล้ว”

ฉินหลิงฟังคำพูดนี้แล้ว ขอบตาก็แดงเรื่อขึ้นทันที

นางคล้ายได้ยินซูไหวอันพูดอยู่ข้างหูนางว่า ‘อาหลิงของเราจะแต่งงานแล้ว อยากได้อะไรเป็นสินเจ้าสาว เขียนรายละเอียดมาให้ข้า’

ฉินสุยจือยกมือขึ้นมาช่วยเช็ดน้ำตาให้นาง หยักยกมุมปากบอก “แค่นี้ก็ซาบซึ้งใจแล้วหรือ ข้าพี่ชายของเจ้าเป็นถึงพ่อค้าใหญ่ของทางเหนือ อีกไม่นานการค้าของบ้านเราก็จะขยายไปถึงเมืองซูโจว แพรพรรณ แป้งทาหน้า เครื่องประดับ หอสุรา ยังมีอีกมากมายที่เจ้าไม่รู้ ข้าคิดไว้เรียบร้อยแล้ว อีกสองปีก็จะนั่งเรือออกทะเล ไปดูๆ โลกภายนอก…”

ฉินหลิงไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ฟังฉินสุยจือเล่าถึงโลกภายนอก

เล่าว่าเขาร้ายกาจเพียงใด ได้เงินมาอย่างง่ายดายเพียงใด

ฉินหลิงในใจรู้ดี ฉินสุยจือพูดเรื่องเหล่านี้ก็เพียงเพราะอยากจะให้นางลืมเรื่องคำสาบานนั้นเสีย

แต่นางไม่อาจลืมแววตาของฉินสุยจือตอนมองแผ่นประกาศที่สนามสอบ

ฉินสุยจือพูดติดต่อกันอยู่ครึ่งชั่วยาม พูดจนปากคอแห้ง เขาลุกขึ้นมารินน้ำถ้วยหนึ่ง เพิ่งจะดื่มได้คำเดียวก็ได้ยินฉินหลิงเอ่ยปากขึ้น

“พี่ชาย สอบเคอจวี่ไม่ได้ เช่นนั้นก็สอบอู่จวี่เถิด”

ฉินสุยจือร่างชะงักค้าง “เจ้าว่าอะไรนะ”

“อู่จวี่แม้จะเน้นหนักด้านทักษะความกล้าหาญ แต่ก็สอบเรื่องกุศโลบายการวางแผน บทความเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไขด้วย” ฉินหลิงมองแผ่นหลังเขาพลางบอก “ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเดิมทีเคยเป็นแม่ทัพ ชื่นชมผู้มีคุณธรรมความสามารถ มองคนออกและรู้จักใช้คน อู่จวี่แม้จะเปรียบกับเคอจวี่ไม่ได้ แต่สามารถเข้าเป็นขุนนางได้ก็เพียงพอแล้ว”

เพิ่งสิ้นเสียง ฉินสุยจือก็หมุนตัวมามองประสานสายตากับนาง

แสงเทียนสว่างไสว ฉินหลิงเห็นประกายไฟในดวงตาของชายหนุ่ม

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com