ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน
ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 127-129
บทที่ 127
หากเกาอี้เสียงเป็นแก้วตาดวงใจผู้ถูกคนชั่วใส่ร้ายป้ายสีในสายตาเกาฮูหยิน เช่นนั้นในสายตาขององค์ชายสามก็เห็นเป็นสหายร่วมกลุ่มสมองหมูที่เก่งแต่ปากและจะลากเขาลงน้ำไปด้วย
ส่วนในสายตาของอัครมหาเสนาบดีเกาเขาก็เป็นแค่นิ้วก้อย
ยามแพ้เดิมพันแล้วต้องเฉือนทิ้งนิ้วหนึ่ง เพื่อนิ้วหัวแม่มือที่สามารถใช้ประทับลายนิ้วมือรับเงินได้ก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนใจชี้บอกด้วยความปวดใจว่าเฉือนนิ้วก้อยทิ้งแล้วกัน!
เฉินวั่งซูคิดแล้วก็ลูบคาง คราแรกเกาฮูหยินไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะบีบให้คนเหล่านั้นจำต้องปกป้องเกาอี้เสียง แต่ครานี้นางได้ชี้วิธีให้อย่างกระจ่างแจ้งแล้ว
“คืนนี้เกาฮูหยินพาคนบุกไปท่าเรือ จับเรื่องที่จวนองค์ชายสามลอบขายเกลือเถื่อนได้ ใช้เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนเรียกร้องให้พวกองค์ชายสามปกป้องเกาอี้เสียง แต่ว่าความตามใจเกินควรและความโง่เขลาได้บดบังสองตาของนาง เหล่าจิ้งจอกเฒ่าที่แย่งอำนาจชิงผลประโยชน์กันจนชินแล้วมีแต่จะ…” เฉินวั่งซูพูดพลางทำท่าทางตัดฉับ “มีแต่จะหาข้ออ้างมาทำให้พวกนางเย็นลงก่อน จากนั้นก็หันไปกำจัดเกาอี้เสียงทิ้ง แล้วไปหาคนเคราะห์ร้ายที่เกิดวันที่สิบห้าเดือนเก้ามาสักคน โยนบาปมหันต์นี้ใส่หัวเขา”
มู่จิ่นอ้าปากหวอ ก่อนจะลดเสียงลงกล่าวว่า “แต่ว่าคุณหนู เช่นนี้ไหนเลยพวกเราจะมิใช่เปลืองแรงเปล่าโดยที่ผลสุดท้ายไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เปลืองหมั่นโถวที่มารดาของเฉินเจาทำให้เขาไปเปล่าๆ อีกด้วย”
เฉินวั่งซูหัวเราะหึๆ “แน่นอนว่าไม่เหมือนกัน คนเราหากไม่เคยมีหวังย่อมจะค่อยๆ เคยชิน รู้สึกว่าชีวิตของตนควรเป็นเช่นนี้ ทว่าหากมีความหวังแล้ว แต่ความหวังสูญสลายไป นั่นย่อมจะรู้สึกว่าผู้อื่นทำให้ชีวิตของตนน่าสังเวชเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เกาฮูหยินกับเกามู่เฉิงยังสามารถปลอบใจตนเองได้ว่าให้เห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลัก แต่รอถูกหลอกคราวนี้…จิ๊ๆ สกุลเกาแตกกันแล้ว…องค์ชายเจ็ดกับองค์ชายสามก็จะแตกกันด้วย…”
มู่จิ่นฟังแล้วก็มองเฉินวั่งซูด้วยสองตาแวววาว
คุณหนูของข้าฉลาดโดยแท้!
แม้องค์ชายเจ็ดจะเป็นคนโง่งมจนคุณหนูของข้าไม่อยากได้ แต่เกามู่เฉิงผู้นั้นจัดฉากแย่งสามีผู้อื่นก็สมควรแล้วที่จะถูกเล่นงานให้เละ!
ถัดจากนี้ถ้าเกาฮูหยินไม่ถูกหลอกแล้วเดือดดาลถึงขีดสุด เลิกรักษาความสัมพันธ์อันดีแล้วหันกลับมาเปิดโปงเรื่องเกลือเถื่อนให้ตายตกไปด้วยกัน นางก็น่าจะทำตัวเป็นนินจาเต่า รอเวลาเกิดเรื่องใหญ่ครั้งถัดไป
หลังจากวันนี้ขอเพียงมีเรื่องแค่เล็กน้อย คนแรกที่จะไปเต้นดิสโกบนหลุมศพองค์ชายสามย่อมมิใช่เฉินวั่งซู แต่เป็นเกามู่เฉิงกับมารดาของนาง
พวกนางทำตัวเป็นนินจาเต่าได้ แต่ผู้อื่นทำไม่ได้!
ทั้งเมืองหลินอันนี้มีคนตั้งเท่าไรที่กำลังรอจับผิดองค์ชายสามอยู่ เป็นต้นว่าเจียงเยี่ยเฉินที่ทำตัวเป็นนกขมิ้น*…
อะไรนะ เจ้าว่าเจียงเยี่ยเฉินจิตใจดีงาม ไม่อยากเหยียบย่ำซ้ำเติม? เรื่องนี้เขาตัดสินใจเองไม่ได้เสียหน่อย! เกาฮูหยินรู้เรื่องเกลือเถื่อนได้อย่างไรกันนะ…อ้อ วันนั้นที่ริมทะเลสาบซีหูองค์ชายเจ็ดเผลอได้ยินเข้า
ไม่ว่าเป็นผู้ใด นางเฉินวั่งซูก็บริสุทธิ์ไร้เดียงสายิ่งกว่าลูกแกะบนเนินเขาเสียอีก!
รอเพียงนกปากซ่อมกับหอยกาบยื้อแย่งกัน เฒ่าหาปลาได้ประโยชน์** แล้ว!
เฉินวั่งซูคิดแล้วก็พออกพอใจยิ่ง วันนี้ได้เพลิดเพลินกับละครจนสมใจอยากแล้ว แค่รอผ่านไปอีกไม่กี่วันนางก็จะได้จดในสมุดเล่มน้อยแล้วว่า ‘เจ้าหนูน้ำเต้าคนที่สาม…จบเห่!’
“เจ้าเกาะหน้าต่างดูอะไร นี่ยังมีของกินอยู่เต็มโต๊ะ นั่งลงกินด้วยกัน ขนมพุทรา*** นี้ไม่เลว เนื้อเนียนละเอียดอย่างยิ่ง”
เฉินวั่งซูพูดแล้วก็กวักมือเรียกมู่จิ่น
มู่จิ่นรีบหดศีรษะกลับมา “คุณหนู บนถนนครึกครื้นยิ่งนัก บ่าวเห็นมีคนกำลังป่าวร้องกว่านิมิตมงคลอยู่ด้วยเจ้าค่ะ!”
เฉินวั่งซูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแล้ว นางจึงหันไปเกาะหน้าต่างแล้วมองออกไปเช่นกัน
ให้ตายสิ! สิ่งที่เห็นคือคนที่ด้านล่างเริ่มตีฆ้องร้องป่าวว่า ‘นิมิตมงคล นิมิตมงคล! ในที่นานอกเมือง ขุดพบนิมิตมงคลแล้ว! นิมิตมงคล นิมิตมงคล! แคว้นต้าเฉินของเราจะรุ่งเรืองแล้ว!’
เฉินวั่งซูฟังเสียงกลองเสียงประทัดนั้นแล้วในใจก็เต้นตุบๆ
บทพูดตัวร้ายตรงตามมาตรฐานสุดๆ!
นิมิตมงคลอะไร นี่มิใช่อุบายที่ขุนนางกังฉินชอบใช้เวลาที่ต้องการมอมเมาทรราชหรือไร นี่คือคนถ่อยเจ้าเล่ห์ต้องการร่ำรวยและได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นแล้วถึงได้ใช้ไม้นี้ออกมา
ขอเพียงมีปากเมฆรูปร่างเหมือนอุจจาระที่ขอบฟ้าก็ยังพูดให้กลายเป็นมังกรเทพมาเยือนได้ เมฆสองก้อนเคลื่อนชนกัน นั่นคือแปดน้ำเต้าวิเศษถือกำเนิด มองไม่ออกว่าเป็นรูปร่างอะไร…นั่นคือแผนที่ปรากฏ เป็นลางบอกว่าจะกอบกู้แผ่นดินได้!
เฉินวั่งซูยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ หนทางสู่ความร่ำรวยและได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นดีเพียงนี้ แต่นางถึงกับยังไม่ได้ใช้ ปล่อยให้คนชิงตัดหน้าเสียได้
“ประเดี๋ยวก่อน? เช้าวันนี้ไป๋ฉือบอกว่าอะไรนะ บอกว่าเหยียนเจวี๋ยไปทำอะไร” เฉินวั่งซูพลันนึกขึ้นได้ ในใจมีลางสังหรณ์ในทางดี
มู่จิ่นยามนี้ราวกับกำลังเกิดอารมณ์ฮึกเหิม “คุณหนู กั๋วกงน้อยไปชานเมือง ในหมู่บ้านขุดของบางอย่างได้เจ้าค่ะ…”
นางพูดจบแล้วก็ยังไม่ได้สติ แทบจะชะโงกออกไปครึ่งตัว อยากจะให้คอยืดได้เหมือนยาง จะได้มองเห็นนิมิตมงคลนั่นได้ชัดเจนว่าเป็นของหายากอะไรกันแน่
เฉินวั่งซูได้ยินแล้วก็ส่งเสียงดีใจออกมาทันที เหยียนเจวี๋ยผู้นั้นถึงจะเปลี่ยนไส้ในแล้วก็ยังเป็นขุนนางกังฉินอยู่ดี!
ทีนี้นางก็หายเจ็บใจแล้ว ยืนที่ริมหน้าต่างเงียบๆ เขย่งเท้ามองดู ใช้หางตาเหลือบไปก็พบว่าบรรดาฮูหยินและสตรีชั้นสูงทั้งด้านบนและด้านล่างร้านน้ำชาล้วนแต่ชะโงกหน้าออกไปราวกับเป็นห่านที่รอถูกคนลากคอ
“เป็นนิมิตมงคลที่ปรากฏในหมู่บ้านข้า เป็นนิมิตมงคลที่ปรากฏในหมู่บ้านข้า!” ชายอ้วนตัวขาวที่สวมชุดตัวยาวสีแดงสดและสวมห่วงคอทองคำผู้หนึ่งตบหน้าอกจนพุงกระเพื่อมพลางร้องเสียงดังเอ็ดอึงด้วยอารามตื่นเต้นไม่หยุด
เฉินวั่งซูมองไปที่ด้านหลังเขาแล้วก็หวิดจะพ่นน้ำออกมา
นั่นเป็นรากไม้ขนาดมหึมา ลักษณะยุ่งเหยิง เป็นสิ่งที่มีรูปร่างไม่แน่ชัดอย่างยิ่งยวด หากคนสายตาสั้นมากๆ มองไปกลับจะเห็นเหมือนเป็นมังกรที่กำลังแยกเขี้ยวยิงฟันตัวหนึ่ง รากไม้รูปมังกรยักษ์นี้ฟื้นคืนชีวิต กลายเป็นสีเขียวทั้งราก ดูไปแล้วกลับให้ความรู้สึกว่าเปี่ยมด้วยพลังชีวิต
ส่วนที่เหมือนจะเป็นหลังของมันข้างบนนั้นสามารถมองเห็นมังกรน้อยตัวหนึ่งได้รางๆ ที่บอกว่ารางๆ เป็นเพราะถ้าพูดให้ชัดมันก็เป็นแค่กิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่ดูไปแล้วเหมือนเป็นลูกงูที่ยังไม่กลายเป็นมังกร
‘ลูกงู’ นี่เหี่ยวเฉาแล้ว ตรงปลายด้านบนเป็นสีเหลือง ดูแห้งกรอบแกรบอย่างมาก
นี่เป็นนิมิตมงคลที่เทพองค์ใดสร้างขึ้น จะมีความหมายแฝงอยู่เยอะเกินไปแล้วกระมัง!
บนตัวรากไม้มังกรยักษ์นั้นคลุมด้วยผ้าไหมแดง คนผิวขาวตัวอ้วนชี้ชวนให้คนดูด้วยท่าทางปลื้มปีติ “เห็นหรือไม่ นี่คือหัวมังกร นี่คือลำตัว ตรงนี้…ตรงนี้เป็นหางมังกร มังกรนี้บินขึ้นฟ้า ไม้แห้งเหี่ยวกลับมามีชีวิต มีนัยว่าแคว้นต้าเฉินของเราจะเจริญขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การนำของฝ่าบาท จะสร้างความรุ่งโรจน์ได้อีกครั้ง นี่เป็นลางถึงความรุ่งเรืองเฟื่องฟูของแว่นแคว้น! ลางถึงความรุ่งเรืองเฟื่องฟูของแว่นแคว้น! นี่เป็นต้นไม้เก่าแก่อายุนับร้อยปีในหมู่บ้านข้า เมื่อปีกลายจู่ๆ ก็เฉาตายไป ข้าให้คนตัดทิ้งแล้ว แต่คิดไม่ถึงแม้แต่น้อยนิดว่าหน้าไถดินปีนี้มันถึงกับ…”
ชายอ้วนตัวขาวพูดด้วยท่าทางคึกคัก ผู้นำกองราชองครักษ์ที่ขี่ม้าอยู่ผู้หนึ่งก็พลันกระแอมหนักๆ เสียงหนึ่ง
ชายอ้วนตัวขาวตัวสั่น จากนั้นก็เริ่มกลับมาพูดซ้ำๆ ราวกับเป็นพี่สะใภ้เสียงหลิน* “นี่คือนิมิตมงคล นิมิตมงคล นิมิตมงคลมาเยือนหมู่บ้านของข้าแล้ว”
เฉินวั่งซูทำเสียงจุปากสองที ทอดสายตามองไปก็เห็นผ้าผูกผมปลิวไสวของเหยียนเจวี๋ยอยู่ตรงปากตรอกเล็กเส้นหนึ่งตามคาด
จะว่าไปก็พิลึก ผ้าผูกผมของคนผู้นี้คล้ายว่ามีเครื่องเป่าลมเป็นของตนเอง ไม่ว่ามีหรือไม่มีลมก็ล้วนจะปลิวไสว ทำให้เขาคนนี้ดูสง่างามและเป็นอิสระขึ้นหลายส่วน
เขาเอนตัวพิงกำแพง ในมือยังถืออาวุธสีส้ม ไม่ใช่สิ ข้างมือยังมีเฉิงอู่ผู้เป็นบ่าวชายคนใหม่ยืนอยู่ด้วย