ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 127-129 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 127-129

บทที่ 128

เฉิงอู่ผู้นี้หลังตรงแหน็ว ดูท่าทางเหมือนเป็นต้นหอมที่โตในป่า

ทว่าใบหน้านั้นไม่ได้เหมาะกับรูปร่างของเขาสักนิด หากให้บรรยายด้วยคำห้าพยางค์ นั่นก็คือ ‘ดาษดื่นธรรมดา’ หากมีคนมองไปจะเห็นว่าเขาหน้าตาเหมือนบุตรคนที่สามของสกุลจาง พอมองอีกที…เอ๊ะ! นี่มิใช่บุตรคนที่สี่ของสกุลหลี่หรือไร พอดับตะเกียง นี่ต้องเป็นบุตรคนรองของสกุลหวังแน่ๆ

เฉินวั่งซูหมดความสนใจต่อเขาในทันที เอาแต่จ้องมองเหยียนเจวี๋ย

และประหนึ่งว่ารู้สึกได้ถึงสายตาอันร้อนแรงของนาง เหยียนเจวี๋ยจึงมองมาเล็กน้อยพลางส่งยิ้มมาให้เฉินวั่งซู

เฉินวั่งซูใจแกว่ง ศอกกระตุก ไม้ค้ำหน้าต่างที่ค้ำอยู่นั้นจึงหล่นลงไป

นางลอบอุทานว่าแย่แล้ว แม้นางจะชมตนเองเป็นเฉินจินเหลียน จงใจทำไม้ตกใส่ซีเหมินเจวี๋ย แต่ก็ไม่ได้อยากจะทำไม้ตกใส่ตาแก่ลามก!

“ภรรยา ข้ามารับเจ้ากลับจวนแล้ว”

เฉินวั่งซูได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ก็ชะโงกหน้าออกไป เหยียนเจวี๋ยที่ก่อนหน้านี้ยังยืนอยู่ที่ปากตรอก เพียงพริบตาเดียวกลับมาอยู่ที่ด้านล่างของร้านแล้ว

เขาแหงนหน้ามองมาด้านบนด้วยท่าทางกรุ้มกริ่ม รอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า

ไม้ค้ำหน้าต่างนั้นอยู่ในมือเขา เขาเคาะมันเบาๆ ดูแล้วกลายเป็นท่าทางน่ารักน่าชังอย่างไม่น่าเชื่อ

เฉินวั่งซูยกมือกุมจมูก ปิดหน้าต่างดังปัง แล้วพามู่จิ่นเดินลงไปชั้นล่างทันที

ยังดีที่ทุกคนล้วนกำลังดูชายอ้วนตัวขาวผู้นั้นแสดงนิมิตมงคล หาได้ให้ความสนใจทางด้านนี้ไม่

“เฉินเจารอเจ้าอยู่ตรงปากตรอกด้านนั้น ทางนี้คนเยอะเกินไป มาไม่ได้แล้ว ลำบากภรรยาเดินไปสักหน่อย ระวังเท้าด้วย ไม่รู้ว่าผู้ใดทำหนังหมูตกไว้ ภรรยาอย่าเหยียบเข้าเสียเล่า มันลื่นยิ่ง”

เฉินวั่งซูก้มหน้ามอง ด้วยก่อนหน้านี้คนเบียดเสียดกันจึงมีข้าวของที่คนซื้อจากตลาดถูกเบียดจนร่วงหล่นอยู่ไม่น้อย มิใช่แค่หนังหมู ยังมีพวกผลไม้ถั่วลันเตาต่างๆ กลิ้งอยู่เต็มพื้น

นางกำลังจะพยักหน้า กลับเห็นเหยียนเจวี๋ยยื่นมือมาประคองนางไว้แล้ว เขาจูงมือนางเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาสวนทางกับฝูงชน มุ่งหน้าไปยังปากตรอกอย่างรวดเร็ว

ไม่ถึงครู่เดียวนางก็มองเห็นเฉินเจาที่นั่งกินหมั่นโถวสีขาวอยู่ริมขอบรถม้า เขาเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดของตนเองแล้ว ดูท่าทางสบายขึ้นมาก

พอเห็นเฉินวั่งซูมองหมั่นโถวของตน เฉินเจาก็ซ่อนหมั่นโถวไว้ด้านหลังด้วยความเก้อเขิน เช็ดเศษที่ติดบนปากก่อนว่า “มารดาข้าทำให้ โยนทิ้งก็เสียดายน่ะขอรับ”

เฉินวั่งซูรู้สึกอบอุ่นในใจจึงโยนเงินให้เขาก้อนหนึ่ง “เอากลับไปซื้อเนื้อซื้อชุดฤดูหนาวเพิ่มให้มารดาเจ้า”

ดวงตาเฉินเจาสว่างวาบในชั่วพริบตา คราวหน้ายังมีงานให้ต้องสวมกระโปรงอีกหรือไม่ ข้าทำได้! จริงๆ นะขอรับ!

เฉินวั่งซูขึ้นรถม้าไปอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ว่าบ่าวชายของตนกำลังจะเดินทางผิดโดยยินยอมพร้อมใจ

 

“นิมิตมงคลนั้นเป็นฝีมือของท่าน? ชายอ้วนตัวขาวผู้นั้นเป็นผู้ใดกัน”

เหยียนเจวี๋ยมองมายังเฉินวั่งซูด้วยความแปลกใจ “ข้าไม่เคยแพร่งพรายให้ภรรยารู้แม้แต่ครึ่งคำ แต่เจ้าก็ยังเดาได้? ภรรยาข้าจะฉลาดเกินไปแล้ว”

เฉินวั่งซูมองเขาปราดหนึ่งด้วยสายตาเหยียดหยาม “อยากประจบสอพลอก็ทำให้เนียนหน่อย เช้าวันนี้ท่านมิใช่รีบร้อนไปที่หมู่บ้านนั่นหรือไร”

เหยียนเจวี๋ยแบมือ ท่าทางเหมือนบอกว่า ‘ถูกรู้ทันเสียแล้ว’

“ชายอ้วนตัวขาวผู้นั้นเป็นคนที่ข้าหามาโดยเฉพาะ ประจวบเหมาะว่าในช่วงที่เกาอี้เสียงและหลิวเจาหยางกลับมาจากเผ่ามู่ซี ต้นไหว* แก่ต้นหนึ่งในบ้านเขาตายไปพอดี ข้าเคยเห็นความหมายแฝงของต้นไหวในหนังสือ มักจะมีความเกี่ยวพันกับพวกภูตผีสิ่งศักดิ์สิทธิ์”

เฉินวั่งซูเข้าใจได้ในทันที นางมองเหยียนเจวี๋ยด้วยสายตาลึกซึ้งปราดหนึ่ง

หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ยังเชื่อครึ่งระแวงครึ่งต่อองค์ชายสาม มีความสงสารเห็นใจอยู่ แต่เมื่อนิมิตมงคลนี้ปรากฏขึ้นมา ไม่ว่าด้านความรู้สึกจะเป็นอย่างไร องค์ชายสามผู้นี้ก็ไร้วาสนากับตำแหน่งใหญ่อย่างเด็ดขาดแล้ว

เหยียนเจวี๋ยกะพริบตาปริบๆ พร้อมยิ้มตาหยี ดูท่าทางงงงวยเสียประหนึ่งว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นความบังเอิญ เขาไม่ได้ตั้งใจไว้ก่อนเสียหน่อย

แสดง! ท่านแสดงให้เต็มที่! ประธานบริษัทสมัยนี้ยังควบอาชีพราชาจอเงินด้วยหรือไร

“นิมิตมงคลนี้มีนัยลึกซึ้งเกินไป ท่านไม่อยากมีชื่อข้องเกี่ยวข้าก็เข้าใจ แต่พ่อค้าไม่ทำการค้าที่ตนเองไม่ได้กำไร ท่านทำเรื่องนี้ที่สุดแล้วก็ต้องมีผลประโยชน์อื่นเกี่ยวข้อง”

ทั้งใจนางต้องการเป็นตัวร้าย เป็นฝ่ายออกการโจมตีสังหารแปดทิศ แต่เหยียนเจวี๋ยไม่เหมือนกัน เขาอยากแต่จะรักษาตัวรอด แสดงว่าถ้าเอาชนะไม่ได้เขาก็ไม่สู้ การที่เขาทำเรื่องนี้ผิดไปจากนิสัยของเขา

เหยียนเจวี๋ยฟังแล้วก็หุบยิ้ม “ชาวเผ่ามู่ซีปราศจากความผิด ข้าเพียงแต่ทนเห็นคนร้ายตัวจริงลอยนวลเหนือกฎหมายเพราะแค่เป็นบุตรชายของฮ่องเต้ไม่ได้เท่านั้นเอง”

เฉินวั่งซูอึ้งงันไป ก่อนจะพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง “มิผิด”

เหยียนเจวี๋ยมองสีหน้านางเล็กน้อย ก่อนจะแย้มยิ้มขึ้นมา “แน่นอนว่าเจ้าพูดถูก ข้าเป็นพ่อค้า พ่อค้าไม่ทำการค้าที่ตนเองไม่ได้กำไร ประเดี๋ยวเข้าวังเจ้าก็จะได้รู้ถึงบทบาทของนิมิตมงคลแล้ว”

เฉินวั่งซูเห็นเขาลีลาไม่ยอมบอกก็ทำท่าทางเฝ้ารอออกมาอย่างให้ความร่วมมือยิ่งยวด

กล่าวตามตรงนางคิดไม่ออกจริงๆ ว่าที่เหยียนเจวี๋ยใช้ลูกไม้นี้ออกมา แต่ยกความดีความชอบให้ชายอ้วนตัวขาวผู้นั้นทั้งหมด ส่วนตนเองก็ไม่ได้ร่ำรวยและได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็นเพราะต้องการทำอะไร

จากนั้นคิดว่าเหยียนเจวี๋ยคงจะสั่งไว้แล้ว เฉินเจาจึงได้บังคับรถม้าตรงไปวังหลวง

แม้ว่าพวกนางจะใช้ทางอ้อม แต่นิมิตมงคลนั่นป่าวประกาศโอ้อวดไปตามถนนจนเสียเวลาไปมากจึงมาถึงแทบจะพร้อมกันกับพวกนาง

เฉินวั่งซูกับเหยียนเจวี๋ยลงรถม้าแล้วก็ปะปนเข้าไปอยู่กลางขบวนคุ้มกันนิมิตมงคล

เหยียนเจวี๋ยเข้าวังก็แทบไม่ต่างจากการกลับจวน ทหารยามเฝ้าประตูวังล้วนคุ้นเคยกับเขาทุกนาย จึงไม่มีใครขวางไว้แม้แต่ผู้เดียว

“คุณชายเองก็เห็นนิมิตมงคลนั้นแล้ว ฝ่าบาททรงได้ยินข่าวก็ดีพระทัยเหลือเกิน!”

เหยียนเจวี๋ยหัวเราะหึๆ “นั่นสิ เมื่อเช้านี้ได้ยินข่าวข้าจึงรีบวิ่งแจ้นไปดู ที่ดินของชายอ้วนตัวขาวผู้นั้นอยู่ไม่ไกลจากข้านัก แต่ดันเป็นเขาได้ประโยชน์ไปเสียแล้ว ช่างไม่มีบุญวาสนาเอาเสียเลย!”

ทหารยามที่เห็นชัดว่าเป็นหัวหน้าฉีกยิ้ม เอ่ยพลางเล่นหูเล่นตา “คุณชายเกิดในตระกูลมั่งคั่ง ซ้ำยังได้แต่งงานกับเซี่ยนจู่ บุญวาสนานี้ผู้อื่นสู้ไม่ได้ เพียงแต่เกรงว่าเจ้าอ้วนตัวขาวผู้นี้คงจะได้ก้าวเดียวขึ้นสวรรค์* แล้ว นิมิตมงคลเช่นนี้ปรากฏครั้งล่าสุดน่าจะเมื่อสิบปีก่อน ตั้งแต่สมัยที่ท่านพ่อข้ายังเป็นทหารเล็กๆ โน่น เมื่อวานแม่ทัพเกาเกิดเรื่อง ฝ่าบาททรงพระพิโรธหนักมาก ทุกคนในวังต่างจิตใจระส่ำระสาย พอมีนิมิตมงคลนี้แล้วถึงได้แย้มพระสรวลออก พวกข้าพี่น้องทั้งหลายเองก็นับว่าได้พ้นวิกฤต รักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ได้แล้ว ตอนนี้มานึกดู นี่ก็เป็นบุญใหญ่หลวงแล้ว!”

เหยียนเจวี๋ยตบบ่าเขา “นั่นน่ะสิ! เพื่อฉลองที่พี่ชายทั้งหลายรอดพ้นความตายมาได้ วันหน้าจะขอเชิญพวกท่านไปดื่มสุรากัน! แต่บอกไว้ก่อน ถนนสายเริงรมย์นั้นข้าไม่กล้าไปแล้ว ข้าเป็นคนมีภรรยาแล้ว”

หัวหน้าทหารยามผู้นั้นหัวเราะฮ่าๆ ก่อนลดเสียงลงพูดว่า “ฝ่าบาทมีพระราชประสงค์จะแต่งตั้งบรรดาศักดิ์และมอบหมายงานแก่เหล่าองค์ชายแล้ว คุณชายเองก็…อาศัยลมหนุนนี้ตามให้ทันไปด้วยน่าจะดี”

เหยียนเจวี๋ยส่งสายตาซาบซึ้งใจให้เขา ตบบ่าเขาอีกสองสามที แล้วถึงพาเฉินวั่งซูไล่ตามนิมิตมงคลนั้นเข้าไป

เฉินวั่งซูมองทหารยามผู้นั้นปราดหนึ่งด้วยความสงสัยใคร่รู้ เพื่อนกินของเหยียนเจวี๋ยดูท่าทางยังมีสองสามคนที่ใช้ประโยชน์ได้

เหยียนเจวี๋ยคล้ายว่ามองความคิดในใจเฉินวั่งซูออกแล้วจึงลดเสียงลงและขยับไปพูดใกล้ๆ “ภรรยา นั่นคือจั่วหลิ่ง บุตรชายของแม่ทัพจั่ว แม่ทัพจั่วเป็นทหารใต้บังคับบัญชาท่านพ่อข้า บัดนี้ก็อยู่ที่ชายแดนเช่นกัน”

เฉินวั่งซูแจ้งใจในฉับพลัน

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 7.1

บทที่ 7.1 วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ยามที่ซูโม่อี้ตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ผลที่ตามมาของอาการเมาค้างก็คือปากแห้งและ...

community.jamsai.com