นางสวมเสื้อตัวสั้นสีแดงแขนกว้างสาบเสื้อทับกัน ช่วงล่างสวมกระโปรงสีแดงสลับขาว นอกกระโปรงคลุมด้วยผ้าโปร่งสีขาวน้ำนมหนึ่งชั้น ยามขยับเคลื่อนไหวชุดจะเป็นประกายระยิบระยับ ยามสงบนิ่งก็งดงามดุจภาพวาด คนในยามนี้นับถือรูปโฉมหน้าตาภายนอกเป็นอย่างยิ่ง เป็นขุนนางก็อาศัยหน้าตา มีชื่อเสียงก็อาศัยหน้าตา ได้เลื่อนตำแหน่งก็อาศัยหน้าตาเช่นกัน ราชวงศ์เหนือดีกว่าราชวงศ์ใต้อยู่บ้างเล็กน้อยเพราะผู้มีอำนาจชอบวรยุทธ์ แต่ก็แค่ห้าสิบก้าวหัวเราะร้อยก้าวเท่านั้น
อวี๋ชิงจยาคือหญิงงามที่ล่มแคว้นได้ นางมีผมดกดำ คิ้วตางดงาม หางตาโค้งขึ้นเล็กน้อย แฝงไว้ซึ่งความบอบบางและความเย้ายวนโดยไม่ได้ตั้งใจ เคยมีคุณชายตระกูลขุนนางผู้หนึ่งบังเอิญเห็นอวี๋ชิงจยาที่จวนสกุลอวี๋ที่เหยี่ยนโจว เดินผ่านไปได้ห้าก้าวก็อดเหลียวมองมาไม่ได้ เขาจุปากแล้วกล่าวกับบ่าวรับใช้ซ้ายขวาด้วยรอยยิ้มว่า ‘ได้ยินมานานแล้วว่าสกุลอวี๋มีคนงาม พอได้มาเห็นเช่นนี้ ชื่อเสียงของอวี๋เหม่ยเหรินสมคำเล่าลือจริงๆ’
หลังจากเหตุการณ์นี้ชื่อเสียง ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ ของอวี๋ชิงจยาก็แพร่ออกไป เดิมที ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ คือดอกไม้ชนิดหนึ่งลำต้นเรียวยาวมีสีสันงดงาม ดูบอบบางและเศร้าโศก ราวกับใช้พลังงานและเลือดทั้งหมดในชีวิตเพื่อเบ่งบาน นี่เป็นคำเรียกที่ดูไม่ค่อยจริงจังสักเท่าไร กอปรกับ ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้ยังพาดพิงถึงป้าอ๋องอำลาสนม ฟังแล้วรู้สึกไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง ดังนั้นอวี๋ชิงจยาจึงไม่ชอบให้ผู้อื่นเรียกเช่นนี้
ทว่าเวลานี้ไป๋จื่อยืนรอรับใช้อยู่หลังเตากำยาน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าคุณหนูของตนมีท่วงท่าอันงดงามของอวี๋เหม่ยเหรินจริงๆ เมื่อก่อนเห็นนางยิ้มยังไม่รู้สึกอะไร วันนี้นางพิงหน้าต่างด้วยท่าทางกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย กระโปรงชายกว้างสีแดงสลับขาวพาดลงบนตั่งราวกับดอกไม้บาน ดูเพรียวบางและงดงาม ทั้งยังแฝงไว้ซึ่งความบอบบางราวกับดอกอวี๋เหม่ยเหริน
ไป๋จื่ออดนึกถึงฉายา ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ ของอวี๋ชิงจยาไม่ได้ และจากฉายานี้ก็ทำให้คิดถึงเรื่องราวของป้าอ๋องกับสนมอวี๋ด้วย นางคิดในใจ คุณหนูของข้าสูงส่งล้ำค่าเช่นนี้ คู่ควรให้วีรบุรุษอันดับหนึ่งในใต้หล้าก้มหัวคำนับ ทว่าทันใดนั้นไป๋จื่อก็ ถุยๆๆ ในใจทันที ป้าอ๋องฆ่าม้าอูจุยอาชาคู่ใจของเขาและอำลาสนมอวี๋ก่อนตาย คุณหนูของพวกข้าและสามีในอนาคตไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่
ไม่เพียงแต่ไป๋จื่อ บ่าวรับใช้คนอื่นๆ ในจวนเจ้าเมืองก็รู้สึกประหลาดใจกับความเงียบอันผิดปกติของอวี๋ชิงจยาเช่นกัน ความจริงแล้วอวี๋ชิงจยาเป็นคนที่ร่าเริงมาก แม้ว่าอวี๋ซื่อจะจากไปเร็ว แต่ในวัยเยาว์ก็รักและหวงแหนบุตรสาวเพียงคนเดียวมาก อีกทั้งอวี๋เหวินจวิ้นก็ดูแลเอาใจใส่บุตรสาวอย่างยิ่ง ชื่อของอวี๋ชิงจยานั้นอวี๋เหวินจวิ้นเป็นคนสอนให้เขียนเองกับมือ มารดาอ่อนโยนมีคุณธรรม บิดาเมตตาซื่อตรง เด็กสาวที่เติบโตในครอบครัวเช่นนี้ต้องเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีความมั่นใจ และสามารถครองใจผู้คนด้วยรอยยิ้มได้อย่างแน่นอน
ทว่าเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างบ้านใหญ่และบ้านรอง อวี๋ชิงจยาจึงไม่เป็นที่โปรดปรานของอวี๋เหล่าจวิน* ผู้อาวุโสของตระกูล แต่สิ่งนี้ก็มิอาจเป็นอุปสรรค บ่าวรับใช้ของบ้านรองยังคงชื่นชอบคุณหนูผู้งดงามและร่าเริงของพวกตนจากใจจริง ในสายตาของไป๋จื่อ คุณหนูจยาจยาของนางก็คือจันทร์กระจ่างบนท้องนภา เป็นดวงดาราในแดนมนุษย์ ไหนเลยที่บุตรีบ้านใหญ่ใจดำผู้นั้นจะเทียบชั้นได้
ขณะที่ไป๋จื่อกำลังคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ทันใดนั้นก็ได้ยินอวี๋ชิงจยาเอ่ยถามว่า “ระยะนี้มีจดหมายจากสกุลอวี๋ส่งมาบ้างหรือไม่”
หลังจากที่อวี๋ชิงจยารู้ถึงการมีอยู่ของตัวประกอบหญิงและระบบ จิตใจของนางก็ไม่สงบติดต่อกันหลายวัน ไม่มีใครเพิกเฉยต่ออริที่ตนรู้ได้ และไม่มีใครไม่ใส่ใจชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของตนเอง อีกทั้งเป็นไปได้มากว่าอวี๋ชิงหย่าจะเป็นฝ่ายลงมือฆ่านาง
อวี๋ชิงจยาไม่รู้สึกว่าตนติดค้างอะไรอวี๋ชิงหย่า ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะหลีกหนีอวี๋ชิงหย่าเพียงเพราะสถานะนางเอกและตัวประกอบหญิงที่ไม่อาจบรรยายนั่น นางไม่เชื่อว่าคนเราเมื่อกลับมาเกิดใหม่แล้วจะทำได้ทุกอย่างตามเดิม และไม่เชื่อว่าสวรรค์จะไร้ความเป็นธรรมขนาดปล่อยให้อีกฝ่ายอาศัยเพียงความสามารถและชื่อเสียงที่ขโมยมาแล้วจะสามารถกำเริบเสิบสานตามใจชอบได้
อวี๋ชิงจยานึกถึงตรงนี้ก็สับสนเล็กน้อย ในความฝันอวี๋ชิงหย่าจะวางยาพิษนางเมื่อใดนั้นนางไม่รู้ นางเพียงรู้ว่าพิษนั้นไร้สีไร้กลิ่นและผสมอยู่ในน้ำ แต่เป็นไปไม่ได้ที่นางจะหยุดดื่มน้ำต่อจากนี้
ความทรงจำราวกับม่านหมอก อวี๋ชิงจยาพยายามคิดอย่างหนักจนปวดหัวก็ยังคิดอะไรไม่ออก ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นของนางถูกสวรรค์จงใจปกปิด หรือก็คือนางต้องพึ่งพาสัญชาตญาณของตนเองเพื่อหลีกหนีจากอันตรายถึงตายนี้