บทที่ 99 ตามความคาดหมาย
ไม่มีใครคาดคิดว่าแผ่นดินที่เมื่อครู่นี้ที่ยังหนาและแข็งแรงอยู่ดีๆ จะสั่นสะเทือนขึ้นมา ม้าสัมผัสได้ถึงอันตรายก่อนมนุษย์ มันจึงกระสับกระส่าย หลุดออกจากการควบคุมของเจ้านายและวิ่งไปที่ข้างทาง รถม้าพุ่งไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน อวี๋ชิงจยานั่งอยู่ในรถม้าโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งร่างถูกแรงสั่นสะเทือนทำให้ร่างล้มลงไปบนพื้นในรถม้า อวี๋ชิงจยาข้อศอกกระแทกอย่างแรงตอนที่ล้ม นางไม่สนใจความเจ็บ พยายามจับรถม้าเพื่อรักษาการทรงตัวของร่างกาย
ไป๋จื่อตกใจกับเหตุการณ์นี้และล้มลงเช่นกัน สิ่งแรกที่นางทำหลังจากลุกขึ้นคือช่วยพยุงอวี๋ชิงจยา “คุณหนู ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
อวี๋ชิงจยาเมินเฉยความเจ็บรุนแรงที่ข้อศอกพลางส่ายหน้ากล่าว “ไม่เป็นไร พวกเรารีบลงจากรถม้าเถอะ อยู่บนรถม้าตอนแผ่นดินไหวจะเป็นอันตรายได้”
อวี๋ชิงจยาเคยประสบกับรถม้าที่สูญเสียการควบคุมมาแล้ว ดังนั้นนางจึงสงบนิ่งได้มากกว่าไป๋จื่อที่เวลานี้สติเตลิด
อวี๋ชิงจยาว่าอย่างไรไป๋จื่อก็ทำตามอย่างนั้น นางพยุงอวี๋ชิงจยาอย่างโซเซ มืออีกข้างหนึ่งออกแรงผลักประตูรถม้า คิดจะหาโอกาสกระโดดลงไป
ไม่รู้ว่าโชคดีหรือไม่ บนเส้นทางภูเขามีผู้มาสักการะมากมาย ตอนนี้ผู้คนตื่นกลัวแผ่นดินไหว ลนลานจนหลงทิศหลงทาง ต่างฝ่ายต่างผลักกัน แทบจะไปที่ใดไม่ได้ แม้ว่าม้าจะสูญเสียการควบคุม แต่ความเร็วเทียบกับครั้งที่แล้วไม่ได้อย่างสิ้นเชิง อวี๋ชิงจยาอุตส่าห์ผลักประตูรถม้าออก เมื่อเห็นเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายข้างนอกก็กลัวจนมือสั่น นางพลันนึกถึงคราวก่อนที่พวกนางพบมือสังหารบนเส้นทางภูเขา รถม้าในเวลานั้นวิ่งอย่างบ้าคลั่งตลอดทางจนใกล้จะตกจากหน้าผาอยู่รอมร่อ สถานการณ์อันตรายกว่าตอนนี้มาก แต่ในตอนนั้นนางมีจิ่งหวนอยู่ข้างกาย แม้ว่านางจะวิตกกังวล แต่ก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย
แต่ยามนี้ข้างกายนางมีแค่ไป๋จื่อ ซึ่งไป๋จื่อกลัวจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ปากบ่นพึมพำไม่หยุดว่าทำอย่างไรดี ในบรรดาคนทั้งสองอวี๋ชิงจยาคือคนที่ถูกพึ่งพา อวี๋ชิงจยาหยิกตนเองแรงๆ และปลอบตนเองในใจให้สงบสติอารมณ์ ตอนนี้นางทำได้เพียงพึ่งพาตนเองเท่านั้น
เส้นทางบนภูเขาเต็มไปด้วยความโกลาหล ทุกคนต่างวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนกและทำอะไรไม่ถูก มีแม้กระทั่งเสียงเด็กร้องไห้เพราะถูกเหยียบ อวี๋ชิงจยากัดฟัน รู้ว่านางจะรอช้าอีกต่อไปไม่ได้ วัดพุทธสร้างขึ้นบนไหล่เขา สองข้างของเส้นทางภูเขาเต็มไปด้วยหิน ไม่แน่ว่าจะตกลงมาเมื่อไร หากนางหลบอยู่บนรถม้าต่อไปอีกเดี๋ยวจะหนีด้วยความตื่นตระหนกจนไม่สนทิศทาง กลายเป็นถูกฝังด้วยหินที่ตกลงมา เช่นนั้นก็จบสิ้นกันพอดี
อวี๋ชิงจยาได้แต่ตะโกนบอกไป๋จื่อด้วยเสียงอันดัง “ไป๋จื่อ! อย่าลนลาน อีกเดี๋ยวทำตามคำสั่งข้า ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม พวกเรากระโดดพร้อมกัน”
ไป๋จื่อพยักหน้าอย่างตื่นตระหนก
อวี๋ชิงจยาจับมือของไป๋จื่อไว้แน่น ไป๋จื่อก็ออกแรงจับคืนเช่นกัน ฝ่ามือของคนทั้งสองต่างมีเหงื่อเย็นซึมออกมา อวี๋ชิงจยามองเส้นทางข้างหน้าพลางตะโกนอย่างช้าๆ “หนึ่ง! สอง! สาม!”
เมื่อคำว่า ‘สาม’ ออกจากปาก อวี๋ชิงจยากับไป๋จื่อก็หลับตาลงตามสัญชาตญาณ ภายในหัวของอวี๋ชิงจยาพลันปรากฏใบหน้าของมู่หรงเหยียนขึ้นมา นางเรียก ปีศาจจิ้งจอก เงียบๆ ในใจแล้วกระโดดสุดตัว
พวกนางเป็นสตรีสองคนไม่มีวิชายุทธ์ใดๆ หลังจากกระโดดลงไปก็ล้มลงกับพื้นและเจ็บปวดแสบร้อนที่หัวเข่า โชคดีที่พวกนางนอกจากเข่าถลอกแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง อวี๋ชิงจยากับไป๋จื่อช่วยกันพยุงตัวยืนขึ้น แล้ววิ่งโซซัดโซเซตามฝูงชน
ฝูงชนสูญเสียสติอย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นก็มีเสียงกึกก้องดังมาจากพื้นดินอีกครั้ง พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนเซไปทางซ้ายทีขวาที แทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ มีเสียงตะโกนในหมู่ฝูงชนว่า “มังกรธรณีพลิกตัวแล้ว! มังกรธรณีจะมาเก็บเครื่องบูชา! วันนี้ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น!”
ผู้คนยิ่งตื่นตระหนกขึ้นเรื่อยๆ มีหลายคนทั้งร้องไห้ทั้งตะโกน อวี๋ชิงจยาจูงไป๋จื่อเดินลงเขาไปอย่างยากลำบาก อวี๋ชิงจยาวิ่งออกมาได้สองก้าว ทันใดนั้นก็เห็นเด็กคนหนึ่งตามฝีเท้าของมารดาไม่ทันและล้มลงบนพื้นดังตุบ ทุกคนต่างก็คิดที่จะวิ่งออกไปเป็นอันดับแรก ไม่มีใครสนใจคนบนถนน หากหกล้มแล้วยืนขึ้นไม่ทัน เกรงว่าจะถูกเท้าของฝูงชนเหยียบตายทั้งเป็น เด็กน้อยกลัวสถานการณ์เช่นนี้จนร้องไห้งอแง อวี๋ชิงจยากลัดกลุ้มใจ นางไม่ทันกล่าวอะไรกับไป๋จื่อ ได้แต่ปล่อยมือของอีกฝ่ายแล้วฝ่าฝูงชนไปอย่างรวดเร็ว ดึงเด็กคนนั้นขึ้นมาแล้วลากไปชิดริมถนน
ท่ามกลางความโกลาหลมีเศษหินกลิ้งตกลงมาจากสองข้างทาง ในเวลานี้มีคนมองไปข้างบนและตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “หินหล่นลงมาแล้ว!”
อวี๋ชิงจยาถูกเศษดินกระเด็นเข้าตา นางออกแรงผลักเด็กออกไปเพื่อให้เขารีบวิ่งไปข้างหน้า ส่วนตนกลับติดอยู่ในฝูงชนที่กำลังตื่นตระหนกและไม่สามารถข้ามหินไปได้
เกิดเสียงดังสนั่นอีกครั้ง พื้นดินดูเหมือนจะสั่นไหวเพราะแรงสะเทือน เศษหินกองหนึ่งกลิ้งลงมาจากบนเขา ฝุ่นปกคลุมทั่วท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ หินก้อนเล็กกระเด็นกระดอนไปทั่ว คนที่อยู่ในนั้นไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ จนกระทั่งอวี๋ชิงจยามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ในที่สุด ก็พบว่าเส้นทางภูเขาถูกขวางด้วยหินที่ตกลงมา