ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน
ทดลองอ่าน ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน บทที่ 99
อวี๋ชิงจยาไม่สนใจอีกฝ่าย นางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปด้านหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ชายไว้เคราตะลึงงัน ก่อนจะรีบตามนางไป อวี๋ชิงจยาถูกแขนของอีกฝ่ายยกขวางไว้ นางปรายตามองอย่างเย็นชา ริมฝีปากแดงเปิดเล็กน้อย “หลีกไป”
ตอนที่อวี๋ชิงจยาไม่ยิ้มนั้นกิริยาท่าทางดูสูงส่งและเย็นชา นางมีหน้าตาที่งดงามบริสุทธิ์ แม้จะมีส่วนที่ดูอ่อนแอ แต่ก็เหมาะกับเสื้อผ้ากว้างๆ ที่พลิ้วไหว ดุจเทพฉางเอ๋อในดวงจันทร์ เทพธิดาในภาพผนัง งามจนมิอาจเอื้อม ชายไว้เคราถูกสยบ ถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว อวี๋ชิงจยาใช้โอกาสนี้เดินหนีไปอีกทาง แม้ว่าท่าทางของนางดูไม่รีบร้อน แต่ในใจนั้นกระวนกระวายอย่างยิ่ง
คนเดินเท้าเปล่าไม่กลัวคนสวมรองเท้า ตอนนี้นางอยู่คนเดียว นางยั่วโมโหพวกเดนตายเช่นนี้ไม่ได้ กระนั้นการวางท่าบุตรสาวตระกูลขุนนางของอวี๋ชิงจยาก็ข่มอีกฝ่ายได้ไม่นานนัก ชายไว้เคราตระหนักรู้ได้อย่างรวดเร็ว เขาคิดในใจ สตรีผู้นี้แม้จะสูงศักดิ์ ทว่าตอนนี้ไม่มีบ่าวอยู่ด้วย เรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่รับนางเป็นสตรีอ่อนแอจะมีความสามารถอะไร อีกทั้งเมื่อหลายวันก่อนสตรีปิดหน้าผู้นั้นบอกว่าขอแค่ชายไว้เคราฉวยจังหวะชุลมุนลากอวี๋ชิงจยาเข้าไปในพุ่มไม้และทำให้มีมลทิน หลังจบเรื่องอีกฝ่ายจะมาหาเอง ชายไว้เคราคาดเดาอย่างไม่ได้ใส่ใจว่าสตรีผู้นี้คือใคร เขาไม่ได้สนใจกลอุบายสกปรกของตระกูลใหญ่เหล่านี้ ขอแค่ได้เงินก็พอแล้ว ทั้งยังมีหญิงงามให้เสพสุข ไยจะไม่ทำ
ชายไว้เคราเริ่มคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นเรื่อยๆ และเดินตามหลังอวี๋ชิงจยาไป เขามีรูปร่างสูงใหญ่ แค่ดูจากการแต่งกายก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี คนรอบข้างแม้จะเห็นว่าเขามีเจตนาร้ายต่ออวี๋ชิงจยาแต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่ง อวี๋ชิงจยาได้ยินเสียงฝีเท้าก็ลอบกล่าวในใจว่าแย่แล้ว! นางสาดโคลนในมือเข้าตาของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นวิ่งหนีทันทีโดยไม่หันไปมอง
ชายไว้เคราถูกอวี๋ชิงจยาสาดโคลนเข้าตาโดยไม่ทันตั้งตัว เขาจำต้องหยุดขยี้ตา จนกระทั่งขยี้โคลนออกได้ในที่สุด ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ ชายไว้เคราโกรธเกรี้ยว คร้านที่จะปิดบัง ไล่ตามอวี๋ชิงจยาด้วยรอยยิ้มอำมหิต
คนอื่นๆ เห็นฉากนี้ต่างก็ถอนหายใจแล้วหลุบตาลง การจะปกป้องตนเองในยุคโกลาหลนั้นไม่ง่าย ใครจะสนความเป็นความตายของผู้อื่น สตรีอ่อนแอถูกอันธพาลข่มเหงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน พวกเขาเห็นจนเคยชินแล้ว
อวี๋ชิงจยาวิ่งจนสุดกำลัง แต่ก็ยังถูกจับได้อย่างรวดเร็ว พฤติกรรมเมื่อครู่ของอวี๋ชิงจยาทำให้คนเลวผู้นั้นโกรธอย่างไม่ต้องสงสัย เขาคว้าข้อมือของอวี๋ชิงจยา ปากก่นด่าพลางลากนางไปที่ข้างทาง อวี๋ชิงจยารู้สึกเจ็บปวดรุนแรงที่ข้อมือ กระดูกแทบจะถูกบีบแตก นางทนต่อความเจ็บและตะโกนกล่าวกับผู้คนในบริเวณใกล้เคียง “ตอนนี้พวกเจ้านิ่งดูดาย ได้คิดหรือไม่ว่าอีกเดี๋ยวเขาจะทำอย่างไรกับพวกเจ้า เขามีเจตนาร้ายกับข้า ตอนนี้พวกเจ้าไม่ต่อต้าน อีกเดี๋ยวเขาเกิดคิดไม่ดีกับภรรยาและบุตรสาวของพวกเจ้า พวกเจ้าจะทำอย่างไร ท่านพ่อของข้ามีตำแหน่งสูง ขอแค่พวกเจ้าช่วยเหลือข้า ข้าจะตอบแทนด้วยทรัพย์สินและที่ดิน หากพวกเจ้ายังนิ่งดูดาย อย่าว่าแต่คนร้ายผู้นี้จะไม่รามือ ท่านพ่อข้าก็ไม่เลิกราเช่นกัน”
คำพูดของอวี๋ชิงจยานั้นโน้มน้าวใจอย่างยิ่ง หลายคนต่างสั่นคลอนกับสิ่งที่นางพูด สิ่งที่อวี๋ชิงจยากล่าวนั้นเกินความคาดหมายของชายไว้เคราอย่างยิ่ง เขาคิดมาตลอดว่าคุณหนูตระกูลขุนนางเหล่านั้นคือคนโง่ที่ดูดเลือดของราษฎรและแสร้งทำตัวสูงส่ง คิดไม่ถึงว่าอวี๋ชิงจยาจะกล่าวคำเช่นนี้ออกมาได้ นางเริ่มจากขู่ก่อน และดึงทุกคนเข้ามาเป็นแนวร่วม จากนั้นเปิดเผยสถานะแล้วหลอกล่อด้วยทรัพย์สินเงินทองและที่ดิน ด้วยคำพูดเหล่านี้ ผู้คนที่อยู่ในยุคโกลาหลซึ่งเห็นคนตายจนเคยชินก็หวั่นไหว
ชายไว้เคราเห็นว่าถ้าปล่อยให้อวี๋ชิงจยาพูดต่อไป งานว่าจ้างของเขาวันนี้คงจะล้มเหลวแล้ว เขาปิดปากของอวี๋ชิงจยา แล้วหันกลับไปถลึงตาโหดเหี้ยมใส่ทุกคนที่คิดจะเข้ามา “ใครกล้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ข้าจะใช้กำปั้นซัดมันให้สมองแหลก”
ชายไว้เคราดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี ความรู้สึกยุติธรรมที่เพิ่งมีของทุกคนถูกข่มด้วยความกลัวในทันที ชายคนหนึ่งคิดจะลุกขึ้นมา แต่ถูกภรรยาของเขารั้งไว้และส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
อวี๋ชิงจยาพยายามดิ้นรนสุดกำลัง สายตาจ้องมองคนข้างทางทีละคน คนที่ถูกนางมองต่างก็ก้มหน้าลง ไม่มีใครอยากมองนางสักนิด อวี๋ชิงจยาไม่เคยมีตอนใดที่ผิดหวังกับธรรมชาติของมนุษย์เช่นนี้มาก่อน นางรู้ว่าตนไม่สามารถหายไปจากสายตาของผู้คนได้จึงกัดมือของอีกฝ่ายอย่างแรงทันที แทบจะใช้แรงฉีกเนื้อของเขา ชายไว้เครารู้สึกเจ็บ สะบัดมือแรงๆ จนอวี๋ชิงจยาถูกเหวี่ยงออกไป
อวี๋ชิงจยาล้มลงบนพื้นและไอไม่หยุด ข้อศอกเจ็บอย่างสุดจะทน นางลุกขึ้นยืนไม่ไหว ชายไว้เคราก้มหน้ามองมือของตนเอง พบว่าฝ่ามือถูกอวี๋ชิงจยากัดเข้าเนื้อไปหนึ่งคำ เขาถูกสตรีที่คิดว่าตัวเล็กอ่อนแอทำให้อับอายครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจได้รับความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง โทสะพลันเดือดพล่าน ชายไว้เคราคำรามอย่างชั่วร้าย ก่นด่าพลางกระโจนใส่อวี๋ชิงจยา
อวี๋ชิงจยาหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ต่างบอกกันว่าเมื่ออยู่ในห้วงเวลาที่กลัวสุดใจ คนที่คิดถึงจะเป็นคนที่ตนพึ่งพาและไว้วางใจมาก ในเวลานี้สิ่งที่โผล่วาบเข้ามาในหัวของนางไม่ใช่อวี๋เหวินจวิ้น แต่เป็นจิ่งหวน
อวี๋ชิงจยาสัมผัสได้ถึงลมที่พัดตอนมือของชายไว้เครายื่นเข้ามา หางตาของนางมีน้ำตาซึมและหลุดพูดออกมา “ปีศาจจิ้งจอก”
เพิ่งจะสิ้นคำ จู่ๆ ชายไว้เคราก็ส่งเสียงร้องลั่น สามารถฟังออกถึงความเจ็บปวดจากเสียงนั้น อวี๋ชิงจยารีบลืมตาขึ้น เห็นข้อมือของอีกฝ่ายถูกลูกดอกทะลุผ่านเนื้อไปอีกฝั่ง ขนนกท้ายลูกดอกที่ปักบนข้อมือยังคงสั่นสะเทือนเบาๆ
อวี๋ชิงจยาหันกลับไปอย่างตะลึงงัน กล่าวพึมพำตามจิตใต้สำนึก “ปีศาจจิ้งจอก?”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน สิงหาคม 2567)