ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน
ทดลองอ่าน ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน บทที่ 126-127
บทที่ 127 เหตุพลิกผันอันน่าตกใจ
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ถ้าให้ฮ่องเต้จับกระบี่จริงๆ เกรงว่าวันนี้หากไม่เห็นเลือดก็คงไม่เลิกรา แม้แต่คนอื่นๆ ในงานเลี้ยงก็ยากจะรอดพ้น เหล่าขุนนางพากันคุกเข่าพูดเกลี้ยกล่อม ฮองเฮาก็หวาดกลัวเช่นกัน รีบยืนขึ้นและเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ฝ่าบาท แค่ขุนนางที่คิดไปเองว่าความคิดของตนถูกต้องไม่กี่คนเองเพคะ ไม่คู่ควรให้พระองค์กริ้วสักนิด หากพระองค์ทรงทนไม่ไหว เพียงมีรับสั่งให้องครักษ์ลากพวกเขาเข้าคุกหลวงก็ได้แล้ว ไยต้องให้พระองค์ลงมือเองด้วยเพคะ”
หลายคนเข้ามาช่วยเอ่ยสนับสนุน ฮ่องเต้จึงฝืนควบคุมตนเองไว้แล้วกลับไปนั่งลงที่เดิม รองเสนาบดีสวีเห็นทั้งหมดนี้ เพียงรู้สึกว่าเหลวไหลอย่างยิ่ง เขาเตือนให้ฮ่องเต้งดสุราและนารีอย่างซื่อตรง ผลที่ได้กลับถูกคนถ่อยดูหมิ่นไม่ว่า แม้แต่ฮองเฮาก็ตัดสินพฤติกรรมของเขาอย่างพล่อยๆ ว่า ‘คิดไปเองว่าความคิดของตนถูกต้อง’
รองเสนาบดีสวีรู้สึกทั้งน่าหัวเราะและน่าเศร้าสลดในเวลาเดียวกัน นี่คือฮ่องเต้และฮองเฮาของเป่ยฉี? เห็นทีการสืบทอดบัลลังก์มาหลายชั่วอายุคนของสกุลมู่หรงคงต้องถูกทำลายลงเช่นนี้ รองเสนาบดีสวีรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เขากล่าวว่า “ไม่ต้องรบกวนทหารรักษาวัง ในเมื่อฮองเฮามองว่ากระหม่อมมีความผิด เช่นนั้นกระหม่อมก็จะปลิดชีพตนเองเดี๋ยวนี้เพื่อเป็นการขอพระราชทานอภัย เลี่ยงไม่ให้แปดเปื้อนสายพระเนตรของฮองเฮาและอัครมหาเสนาบดีพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่รองเสนาบดีสวีพูดจบก็พุ่งชนเสาในตำหนักอย่างแรง อวี๋ชิงจยานั่งอยู่ไกลจึงได้ยินเสียงการโต้แย้งไม่ชัดเจน แต่ดูจากการกระทำของคนไม่กี่คนก็พอจะเดาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางค่อนข้างกังวลว่ารองเสนาบดีสวีจะเสียเปรียบเพราะความยึดมั่นไม่รู้จักปรับตัว นางเพิ่งจะคิดเช่นนี้อยู่ ก็เห็นรองเสนาบดีสวีพุ่งไปที่เสาข้างๆ สิ้นเสียงกระแทกดังปังก็เห็นเขาล้มลงกับพื้นในสภาพศีรษะเต็มไปด้วยเลือด อวี๋ชิงจยาสะดุ้งและอดทอดถอนใจเบาๆ ไม่ได้
ภายในตำหนักมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นต่อๆ กัน รองเสนาบดีสวีเอาศีรษะกระแทกเสาจนเลือดท่วม เหล่าลูกหลานสกุลสวีเข้ามาล้อมรอบตัวรองเสนาบดีสวีด้วยสีหน้าโศกเศร้า มีบางคนคิดจะเข้าไปถามหาเหตุผลกับอิ่นอี้คุน แต่ถูกคนใกล้ชิดรั้งตัวไว้
เดิมทีฮ่องเต้มีอารมณ์สุนทรีย์อย่างยิ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็ทำให้เขาหมดสนุก เขาโบกมืออย่างทนรำคาญไม่ไหว ให้คนยกตัวรองเสนาบดีสวีออกไป เหล่าขันทีก็รีบเช็ดเลือดบนพื้นให้สะอาด จากนั้นเมื่อเสียงพิณผีผาดังขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่างก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มือที่อยู่ในแขนเสื้อของอวี๋ชิงจยากำแน่น แน่นอนว่านางโกรธ แต่ไม้ซีกไม่อาจงัดไม้ซุง ฮ่องเต้ ฮองเฮา และอิ่นอี้คุนมีใจเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าใครออกหน้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็มีแต่เอาชีวิตไปทิ้ง และอาจชักนำภัยมาสู่ครอบครัว รองเสนาบดีสวีแม้จะกระแทกศีรษะกับเสาจนสลบไป แต่ก็ไม่ถึงตาย จากนี้ขอแค่รักษาดีๆ ก็สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ แต่ถ้าหากมีคนออกมาโต้แย้งถูกผิด เช่นนั้นรองเสนาบดีสวีและคนทั้งตระกูลจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ก็คือความจริง อวี๋ชิงจยาโกรธแต่ก็จนปัญญาจะทำอันใด คนอื่นๆ ก็ได้แต่ก้มหน้ามองดูอาหารบนโต๊ะของตนเองและฟังฮ่องเต้กับอิ่นอี้คุนพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน โดยมีฮองเฮาคอยแทรกเป็นบางครั้งด้วยรอยยิ้มดุจกิ่งบุปผาสั่นไหว อิ่นอี้คุนกล่าว “ก่วงผิงอ๋องได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ ถือเป็นความโชคดีอันยิ่งใหญ่ของแคว้น กระหม่อมขออวยพรให้ฝ่าบาทได้ประหารเจ้ากบฏนั่นพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนที่อยู่ในงานต่างก็รู้ดีว่า ‘เจ้ากบฏ’ ที่อิ่นอี้คุนกล่าวหมายถึงใคร ทั้งที่เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นแท้ๆ แต่ถูกเขาพูดเสียเหมือนเกิดขึ้นจริง ฮ่องเต้เบิกบานใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดเยินยอเช่นนี้ กล่าวว่า “ขุนนางรักอิ่นคิดคำนึงเพื่อเราอย่างแท้จริง ครั้งนี้ต้องขอบคุณฮองเฮามาก”
ฮองเฮาได้ยินแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัสเพคะ หม่อมฉันไม่ได้รู้เรื่องการสู้รบ จะขอบคุณหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ”
“ขอบคุณเจ้าที่ให้กำเนิดโอรสดีๆ แก่เรา”
ฮองเฮาได้ยินแล้วยกมือขึ้นมาป้องปากยิ้ม เหลือบมองฮ่องเต้ผ่านแขนเสื้อด้วยสายตาเป็นประกาย
อิ่นอี้คุนยกจอกสุราขึ้นกล่าว “ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้อง ชัยชนะของศึกนี้ล้วนขึ้นอยู่กับฮองเฮา กระหม่อมขอดื่มสุราจอกนี้แก่ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮายิ้มแล้วถลึงตาใส่อิ่นอี้คุน ฮ่องเต้ก็ร่วมความครึกครื้นด้วย โบกมือพลางกล่าว “ฮองเฮามีผลงานก็ควรได้รับรางวัล เราขอยกสุราจอกนี้ให้ฮองเฮา”
การได้รับสุราจากฮ่องเต้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ฮองเฮารับจอกสุราด้วยรอยยิ้มเพริศพริ้งพร้อมกับกล่าวลากเสียงยาว “หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”
ขณะที่ฮ่องเต้และฮองเฮากำลังพูดคุยหัวเราะอย่างไร้กังวลอยู่ในงานเลี้ยง อวี๋ชิงจยาก็กำลังก้มหน้าและมองดูเงาสะท้อนของตนเองในจอกสุราเงียบๆ นางคิด บางทีการให้เหตุการณ์ดำเนินไปตามความฝันคงจะดีกว่ามาก อย่างน้อยแม้หลางหยาอ๋องจะโหดเหี้ยมไร้เมตตา แต่ก็ไม่ได้เหลวแหลกไม่เอาไหนเหมือนกับทั้งสองคนตรงหน้าในตอนนี้
อวี๋ชิงจยานึกถึงตรงนี้ก็ยิ้มอย่างหน้าชื่นอกตรม คิดไม่ถึงว่าตอนนี้นางถึงกับคิดว่าใต้หล้าถูกปกครองด้วยฮ่องเต้ที่เด็ดขาดก็ดี เมื่อมีตัวเลือกที่เลวร้ายกว่าให้เปรียบเทียบ มนุษย์ก็สามารถยอมรับทุกสิ่งได้จริงๆ
อวี๋ชิงจยามองดูต่างหูหยกครามของตนแกว่งไกวเบาๆ สะท้อนอยู่ในจอกสุรา จู่ๆ ก็เกิดระลอกคลื่นเล็กน้อยบนผิวสุรา อวี๋ชิงจยาเงยหน้าขึ้น เห็นว่าฮองเฮากำลังปิดปากตนเองและมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากร่องนิ้วของนางไม่หยุด ฮองเฮาเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะล้มลงช้าๆ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของนางกำนัล
ทั่วทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะ ก่อนเสียงโวยวายของเหล่าขุนนางจะตามมาในฉับพลัน