ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน
ทดลองอ่าน ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน บทที่ 128-129
บทที่ 128 พบหน้า
ราวกับฟ้าร้องดังกระหึ่มบนพื้นราบ ผู้คนภายในตำหนักแตกตื่นทันที กองทัพกบฏทางตอนเหนือได้เคลื่อนทัพลงใต้เมื่อสามวันก่อน ตอนนี้มาถึงนอกเมืองแล้ว เหล่าชนชั้นสูง ฮูหยิน และคุณหนูที่กำลังสนุกสนานก็อยู่เฉยไม่ไหวในทันที กองทัพกบฏบุกประชิดเมืองหลวง พวกเขาคิดจะทำการใดล้วนเปิดเผยออกมาทั้งหมด ใครก็ตามที่อยู่ในวังหลวงเวลานี้ก็จะกลายเป็นเป้าเคลื่อนไหว มีหลายคนอาศัยจังหวะชุลมุนวิ่งออกไปนอกตำหนัก ทั้งผลักทั้งดันเพื่อที่จะวิ่งออกไปข้างนอก
เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ไป๋หรงก็เข้ามายืนปกป้องอวี๋ชิงจยาที่ด้านหน้าทันที ฝูงชนด้านนอกเบียดเสียดแออัด ทว่ารอบข้างอวี๋ชิงจยายังคงปลอดภัย ไป๋หรงสังเกตฝูงชนอย่างใกล้ชิดพลางกล่าวกับอวี๋ชิงจยา “คุณหนู กองทัพมาถึงด้านล่างประตูเมืองแล้วเจ้าค่ะ เกรงว่าในวังจะเกิดเหตุวุ่นวายในไม่ช้า บ่าวจะส่งคุณหนูกลับเรือนเดี๋ยวนี้”
“ได้” อวี๋ชิงจยาพยักหน้า ไป๋หรงมีประสบการณ์ในด้านนี้มาก นางแยกผู้คนให้อวี๋ชิงจยาอย่างช่ำชองและพาอวี๋ชิงจยาไปยังที่ปลอดภัย ไป๋จื่ออายุมากกว่าไป๋หรง แต่ในเรื่องนี้ด้อยกว่าไป๋หรงมาก ด้วยการคุ้มครองของไป๋หรง ทำให้อวี๋ชิงจยาหลีกเลี่ยงความวุ่นวายได้หลายครั้ง และเดินไปถึงสถานที่จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย
ปกติแล้วการเข้าออกประตูวังไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายยิ่ง มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเมืองเยี่ยเฉิงถูกกองทัพกบฏโจมตี ภายในวังยังไม่มีการถ่ายทอดคำสั่งลงมาเสียที ทหารเฝ้าประตูวังก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะต้านทานรถม้าของขุนนางและญาติทั้งหลายที่ออกจากวังด้วยความเร่งรีบได้อย่างไร ไป๋หรงคุ้มกันอวี๋ชิงจยาขึ้นรถม้า ส่วนตนเฝ้าอยู่ที่ประตูรถอย่างระมัดระวัง สารถีก็มีท่าทางสงบนิ่งผิดปกติเช่นกัน แววตาของเขาคอยสอดส่องระแวดระวัง สังเกตถนนรอบด้านไปพลางออกแรงคุมม้าไปพลาง บังคับรถม้าออกไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋จื่อตกใจจนสติไม่อยู่กับตัว นางจับมือของอวี๋ชิงจยาแน่น รถม้าวิ่งกุบกับออกนอกประตูวัง หลังจากข้ามสะพานแม่น้ำจาง ในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่ถนนเมืองหลวงอย่างปลอดภัย ทุกคนบนรถอดถอนหายใจเฮือกไม่ได้ ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในความสับสนอลหม่าน ประตูวังอาจถูกลงกลอนเมื่อใดก็ได้ หากไม่สามารถหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย เกรงว่าหลังจากนี้จะถูกขังอยู่ในวังหลวง ซึ่งจะตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตราบใดที่หนีออกจากวังหลวงและไปถึงถนนใหญ่ด้านนอก แม้จะต้องเดินทางอ้อมมากเพียงใด อย่างน้อยก็สามารถกลับถึงเรือนของตนเองได้เสมอ
ตั้งแต่ที่ขึ้นรถม้า ไป๋หรงก็จับแขนเสื้อไว้แน่นราวกับว่ามีอะไรอย่างอื่นอยู่ในแขนเสื้อ เวลานี้มือของไป๋หรงที่อยู่ในแขนเสื้อค่อยๆ ผ่อนคลายลง นางถอนหายใจเงียบๆ ก่อนจะกล่าวกับอวี๋ชิงจยา “คุณหนู พวกเราออกมาแล้วเจ้าค่ะ เหล่าอู๋ อย่ามัวชักช้าอยู่ข้างนอก ใช้ทางลัดแล้วรีบส่งคุณหนูกลับเรือน”
สารถีขานรับเสียงดังผ่านประตู “ข้าทราบแล้ว”
ไป๋หรงกำชับสารถีแล้วหันกลับมาพูดกับอวี๋ชิงจยาอีกครั้ง “คุณหนูไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ถึงกองทัพกบฏเข้ามาในเมืองก็จะไม่ทำร้ายผู้คน ท่านอยู่ในเรือนอย่างสบายใจได้เลยเจ้าค่ะ”
อวี๋ชิงจยาพยักหน้า นางมีสีหน้าจริงจัง อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเบื้องนอกรถม้าอย่างเงียบๆ ผ่านม่าน ไป๋จื่อมองไปที่อวี๋ชิงจยา แล้วหันไปมองไป๋หรง นางรู้สึกประหลาดใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าไป๋หรงกลัวที่คุณหนูยังอยู่ข้างนอกเช่นนี้ ราวกับจะถูกใครบางคนมาลักพาตัวอย่างไรอย่างนั้น
ไป๋จื่อส่ายหน้าเพื่อสลัดความคิดที่อธิบายไม่ได้นี้ออกไป สารถีมีฝีมือการบังคับรถม้าอันยอดเยี่ยม เขาบังคับรถม้าได้รวดเร็วและมั่นคง เพียงชั่วพริบตาก็วิ่งผ่านถนนหลายสาย ขอแค่ผ่านถนนอีกสองสายก็จะถึงเขตถนนที่เรือนสกุลอวี๋ตั้งอยู่แล้ว ทว่าถนนทางแถบนี้คือตลาดของเมืองเยี่ยเฉิง ในยามปกติก็ครึกครื้นอย่างยิ่ง เวลานี้ราษฎรได้ยินข่าวว่าเมืองถูกโจมตีก็ยิ่งวิ่งพล่านไปทั่ว การสัญจรเป็นไปอย่างลำบากมาก สารถีบังคับรถม้าหลบหลีกผู้คนไปหลายกลุ่ม จนสุดท้ายรถม้าไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้อีกต่อไปจึงกล่าวกับอวี๋ชิงจยาอย่างตัดสินใจไม่ได้ว่า “คุณหนูหก ถนนข้างหน้าถูกปิดทางไปทั้งหมดเลยขอรับ พวกเราจะกัดฟันลุยไปข้างหน้าต่อ หรือให้อ้อมเส้นทางนี้ไปใช้เส้นทางที่ไกลกว่าดีขอรับ”
ทะลุผ่านตลาดคือเส้นทางที่สั้นที่สุด แต่ที่นี่ก็มีคนเบียดเสียดเกินไป และมีรถม้าจอดขวางอยู่บนถนนก่อนหน้าหลายคัน ทว่าหากคิดจะอ้อมที่นี่ไปก็ต้องเดินทางอ้อมไปไกลมาก
ไป๋หรงมองไปข้างนอกแล้วขมวดคิ้ว “หากจะอ้อมเส้นทางนี้ไปก็ต้องผ่านอีกหลายเส้นทาง อีกทั้งเส้นทางที่อ้อมไปนั้นก็อยู่ใกล้กับกำแพงเมือง หากเผชิญหน้ากับกองทัพกบฏขึ้นมาจะทำอย่างไร”
ตั้งแต่ที่คุณชายกลับกองทัพไป การติดต่อระหว่างไป๋หรงกับทางฝั่งนั้นก็กลายเป็นรอรับข่าวจากทางนั้นอย่างเดียว กล่าวคือไป๋หรงไม่รู้ว่ามู่หรงเหยียนวางแผนจะยกทัพมาเมื่อใด โจมตีเมืองเมื่อใด มิเช่นนั้นนางคงไม่ปล่อยให้อวี๋ชิงจยาอยู่ข้างนอกในวันที่ตีเมืองแน่ สารถีเข้าใจเหตุผลนี้ดี ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ พวกเขาไม่กล้าปล่อยให้อวี๋ชิงจยาเกิดเหตุไม่คาดฝันแม้แต่น้อย หากมีผู้ทรยศในตำหนักบูรพาเดิมปล่อยข่าวรั่วไหลออกไป หรือถูกผู้รู้ล่วงหน้ารับรู้การมีอยู่ของคุณหนูหก หรือเพียงแค่เผชิญหน้ากับโจรที่ฉวยโอกาสชุลมุนและจับตัวอวี๋ชิงจยาไว้ เช่นนั้นผลที่ตามมาก็สุดจะคาดคิด
ไป๋หรงตัดสินใจไม่ได้ อวี๋ชิงจยามองผ่านช่องว่างในม่านรถแล้วกล่าว “กลับรถ แล้วไปทางอ้อม”
“คุณหนู…”
“ถนนข้างหน้าแออัด กว่าจะออกไปจากตรงนี้ได้ไม่รู้ต้องรออีกนานเพียงใด แล้วถ้าติดอยู่ตรงนั้นก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก มิสู้อ้อมไปอีกทางหนึ่ง แม้จะต้องอ้อมไกลสักหน่อย แต่อย่างไรทางก็โล่ง”
เสียงของอวี๋ชิงจยาหนักแน่นและเด็ดขาด ไป๋หรงกับสารถีเชื่อฟังคำสั่งของอวี๋ชิงจยาโดยไม่รู้ตัว สารถีเฆี่ยนม้าอย่างแรง เลี้ยวไปอีกเส้นทางหนึ่ง
บนถนนสายนี้มีผู้คนบางตากว่ามากดังคาด บนถนนไร้รถม้าคันอื่น แต่ที่นี่อยู่ใกล้กับกำแพงเมืองจึงมองเห็นทหารหนีทัพเป็นกลุ่มๆ ได้ สารถีไม่กล้าประมาท เขาใช้แส้เฆี่ยนม้าครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้รถม้าเคลื่อนไปเร็วที่สุด