วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองหนังตากระตุกตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า นางยังคงสวดมนต์หน้าพระพุทธรูปตามปกติ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรจิตใจนางก็ไม่สงบลงเสียที ด้วยความกังวลนางจึงเรียกสาวใช้มาสอบถาม ทำให้รู้ว่าวันนี้คุณหนูหกเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยง นายท่านอวี๋เหวินจวิ้นก็อยู่ในวังเช่นเดียวกัน ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองกล่าวในใจ เข้าวังไปคงไม่มีเรื่องอะไรหรอกนะ คงเพราะข้านอนไม่หลับเมื่อคืนถึงได้เอาแต่คิดฟุ้งซ่าน
เวลาผ่านไปถึงตอนหลังเที่ยงวัน ทันใดนั้นฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองก็ได้ยินเสียงเอะอะจากนอกเรือนดังเข้ามา มีน้ำเสียงตื่นตระหนกของใครสักคนตะโกนขึ้นมาว่า “กองทัพกบฏบุกเมืองแล้ว!”
ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองถึงได้รู้ว่าที่แท้แล้วเมืองเยี่ยเฉิงก็ถูกคนล้อมไว้อย่างไร้สุ้มเสียง
เมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ถูกคนบุกเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว นี่คือสัญญาณของการล่มสลายของบ้านเมือง ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองก็รู้สาเหตุที่ตนตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก นางให้คนไปดูซ้ำๆ ว่าอวี๋ชิงจยากลับมาแล้วหรือยัง และสวดมนต์อธิษฐานให้พระพุทธองค์คุ้มครองครั้งแล้วครั้งเล่า
ต่อมาฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองก็ได้ยินเสียงบ่าวรับใช้วิ่งล้มลุกคลุกคลานกลับมา และกล่าวขึ้นด้วยท่าทางตื่นตระหนกว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ บริเวณที่อยู่ถัดจากจวนพวกเราไปหนึ่งถนน กองทัพกบฏกับกองทัพราชสำนักเปิดศึกกัน มีคนตายเป็นจำนวนมาก เลือดติดเต็มร่องอิฐเลยเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองได้ยินแล้วสะดุ้งตกใจ นางเอามือทาบตรงอกซ้ายที่เป็นตำแหน่งหัวใจ นิ้วมือจับลูกประคำอย่างสั่นเทา ในใจก็วอนขอว่าขอพระพุทธองค์ทรงคุ้มครอง ข้าอุทิศตนบูชาพระพุทธองค์มาทั้งชีวิต ไม่เคยทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสวรรค์และมโนธรรม ขอพระพุทธองค์โปรดรับฟังข้าด้วย หากครั้งนี้หลานสาวของข้าสามารถกลับมาอย่างปลอดภัย ข้ายินดีลดอายุขัยสิบปี ชีวิตที่เหลือจะถือศีลกินเจและคัดพระคัมภีร์ทุกวันเจ้าค่ะ
ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองเพิ่งจะนึกในใจจบ จู่ๆ ก็ได้ยินสาวใช้ตะโกนเต็มเสียง “ฮูหยินผู้เฒ่า! คุณหนูกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองมือสั่น ลูกประคำในมือหล่นลงบนพื้นแตก นางโขกศีรษะอย่างแรงหนึ่งที น้ำเสียงสั่นเครืออย่างควบคุมไม่อยู่ “ขอบคุณพระพุทธองค์ ขอบคุณพระพุทธองค์ที่ช่วยคุ้มครองเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองไหว้พระเสร็จแล้วก็รีบออกไปหาอวี๋ชิงจยาที่ห้องโถงนอก
เมื่ออวี๋ชิงจยาเห็นฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองก็รีบเดินเข้าไปหา “ท่านย่า หลานอกตัญญู ทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว ท่านอยู่ในบ้านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าเองไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” จนถึงตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองก็ยังมือสั่นอยู่ นางจูงอวี๋ชิงจยามานั่ง แล้วให้อวี๋ชิงจยาเล่าตั้งแต่ต้นว่าพบเจออะไรระหว่างทางบ้าง อวี๋ชิงจยาเพียงเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ให้ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองฟัง โดยปกปิดช่วงที่อยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอันตราย ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองฟังจนถึงช่วงท้ายก็ประนมมือแล้วพูดว่า “พระอมิตาภะพุทธะ ดูเหมือนจะอันตรายแต่ปลอดภัยแล้ว ไม่เป็นไรก็ดี ดีจริงๆ” หลังจากนางพูดจบ พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “พ่อของเจ้าล่ะ เขาไม่ได้ไปด้วยกันกับเจ้าหรือ”
ไป๋จื่อเพิ่งจะสงบจิตใจลงได้ เมื่อได้ยินดังนี้ก็รีบกล่าวขึ้น “จริงด้วยเจ้าค่ะ นายท่านไปที่ใดแล้ว ด้านนอกเต็มไปด้วยกองทัพกบฏ นายท่านตัวคนเดียว ขออย่าให้ประสบกับอันตรายเลยนะเจ้าคะ”
อวี๋ชิงจยาได้ยินดังนี้ริมฝีปากก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แลคล้ายจะเยาะหยันอย่างไรไม่รู้ กองทัพกบฏจะทำอันตรายกับเขา? นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อตัวท่านพ่อเองก็คือกองทัพกบฏ!