ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน
ทดลองอ่าน ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน บทที่ 128-129
บทที่ 129 หลางหยา
ไป๋จื่อไม่รู้อะไรเลยสักนิด นางยังคงเป็นห่วงความปลอดภัยของอวี๋เหวินจวิ้น กังวลอยู่ครู่หนึ่ง เห็นอวี๋ชิงจยาไม่พูดจา จึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ เหตุใดท่านถึงดูไม่มีความสุขเลย”
อวี๋ชิงจยาเม้มปากยิ้มกล่าว “อย่างนั้นหรือ ข้าคงจะเป็นห่วงท่านพ่อเกินไปกระมัง กองทัพกบฏบุกเมืองเป็นเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้พวกเรากลับไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างได้ยินว่ามีคนเปิดประตูเมืองให้กองทัพกบฏจากด้านใน ดูจากรูปการณ์ เห็นทีพวกเขาคงวางแผนกันมานานมากแล้วสินะ เฮ้อ พรรคพวกของหลางหยาอ๋องมีอยู่ทั่วทั้งภายในและนอกราชสำนักจริงๆ ช่างน่าเลื่อมใสเหลือเกิน”
ไป๋หรงได้ยินคำพูดนี้แล้วก้มหน้าลง ไม่กล้าตอบหรือมองอวี๋ชิงจยา นางรู้ว่าการปิดบังความจริงเช่นนี้ไม่ดีนัก คุณชายรู้ นางกับไป๋ลู่รู้ แม้แต่อวี๋เหวินจวิ้นก็รู้เช่นกัน แต่พวกเขายังคงปิดบังอวี๋ชิงจยาโดยมิได้นัดหมาย ก่อนหน้านี้อวี๋ชิงจยาไม่ทราบสาเหตุจึงเป็นห่วงมู่หรงเหยียนจากใจจริง ตอนนี้ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว อวี๋ชิงจยารู้ว่าตนเองถูกหลอกมานานถึงเพียงนี้ ไม่แปลกเลยที่จะโกรธ
แต่สาเหตุที่อวี๋ชิงจยาโกรธนั้นมีมากกว่าเพียงเพราะเรื่องที่ตนถูกหลอก นางสนทนากับฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองที่ห้องโถงหน้า จากนั้นส่งฮูหยินผู้เฒ่าบ้านรองกลับไปพักผ่อน จนกระทั่งนางกลับมาถึงเรือนของตนเอง สีหน้าของอวี๋ชิงจยาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว
“ออกไปให้หมด”
ไป๋จื่อไป๋จีตะลึงงัน พวกนางสองคนสบตากันด้วยความฉงนและไม่เข้าใจ “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ สีหน้าท่านไม่ดีเลย ไม่สบายตรงที่ใดหรือเจ้าคะ”
“ข้าไม่เป็นไร” อวี๋ชิงจยาโบกมือไล่พลางกล่าว “ข้ารู้จักร่างกายของตนเองดี พวกเจ้าไม่ต้องคิดมาก ออกไปก่อน”
เมื่ออวี๋ชิงจยาพูดเช่นนี้ ไป๋จื่อกับไป๋จีก็ได้แต่ถอยออกไปก่อน อิ๋นจูยกถาดผลไม้กลับมา เพิ่งจะเข้าประตู ยังไม่ทันสังเกตเห็นอะไรก็ถูกไป๋จีลากตัวออกไปแล้ว จนกระทั่งคนออกไปหมด ไป๋หรงก็คุกเข่าตรงหน้าอวี๋ชิงจยาอย่างเงียบๆ เข่าแนบพื้น หลังเหยียดตรง หน้าผากแตะลงบนพื้นเย็นเฉียบ “คุณหนูหกโปรดให้อภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“ให้อภัย?” อวี๋ชิงจยาหัวเราะเบาๆ แล้วถาม “เจ้ามีความผิดอะไรกัน”
ไป๋หรงถอนหายใจ ดูเหมือนว่าคุณหนูจะโกรธไม่น้อย นางจึงก้มศีรษะแนบชิดกับพื้นกว่าเดิมแล้วกล่าว “เรียนคุณหนู บ่าวมีฐานะเป็นหญิงรับใช้ของคุณหนู แต่กลับไม่บอกท่านในสิ่งที่รู้ หลอกลวงท่านมานาน วันนี้เกือบจะทำให้คุณหนูเจอกับการต่อสู้บนถนนและตกอยู่ในอันตราย นี่คือความบกพร่องในหน้าที่ของบ่าว ขอคุณหนูโปรดลงโทษ บ่าวจะไม่บ่นอย่างเด็ดขาดเจ้าค่ะ”
“ข้ามีตำแหน่งอะไรมาลงโทษเจ้าได้เล่า” อวี๋ชิงจยาสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง มองไม่ออกว่าโกรธหรือเสียใจอยู่ ทว่าความสงบนิ่งเช่นนี้กลับดูน่ากลัวยิ่งกว่าการแสดงออกว่าโกรธชัดเจน “ข้าก็ว่าแล้วเชียว ด้วยความสามารถของเจ้าแล้วจะร่อนเร่ในหมู่คนธรรมดาได้อย่างไร แถมยังถูกอาสะใภ้ขายให้พ่อค้าทาสมาเป็นสาวใช้? ที่แท้เจ้าก็ไม่ได้เป็นสาวใช้จริงๆ เจ้าไม่ได้เป็นหญิงชาวบ้านด้วยซ้ำ ผู้สอดแนมข้างกายหลางหยาอ๋องที่คัดจากหนึ่งในร้อย คิดไม่ถึงว่าจะลดเกียรติมาเป็นสาวใช้คุณหนูในห้องหออย่างข้าเช่นนี้ ข้าล่ะตกใจจริงๆ”
“คุณหนู” ไป๋หรงรู้ว่าตอนนี้ตนไม่อาจพูดอะไรได้ นางหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ก้มหัวลงแล้วยื่นให้ด้วยมือสองข้าง
“บ่าวรู้ว่าคุณหนูปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ หลายปีมานี้คุณหนูดีต่อบ่าวอย่างยิ่ง แต่บ่าวกลับปิดบังความจริงกับท่าน ความผิดนี้มิอาจให้อภัยได้ หากคุณหนูยังไม่หายโกรธ เชิญท่านลงโทษบ่าวได้เต็มที่เลยเจ้าค่ะ ต่อให้ต้องปลิดชีพตนเองบ่าวก็เต็มใจ…
แต่คุณชายไม่เหมือนกัน คุณชายกว่าจะเดินมาถึงขั้นนี้ไม่ง่ายเลย หลายปีมานี้ตำหนักบูรพามีผู้ทรยศไม่รู้ตั้งเท่าไร คุณชายไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงแม้เพียงเล็กน้อยได้จริงๆ การที่คุณชายปิดบังตัวตนกับคุณหนูเป็นเพราะสถานการณ์บีบบังคับ ไม่มีทางเลือกจริงๆ เจ้าค่ะ หากคุณหนูยังขุ่นเคือง บ่าวก็ไร้คำใดจะโต้แย้ง บ่าวยินดีตายเพื่อชดใช้ความผิด แต่คุณหนูจะโกรธคุณชายไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านก็รู้ว่าคุณชายให้ความสำคัญกับท่านมากเพียงใด หากท่านไปจากเขา…บ่าวไม่กล้าคิดจริงๆ ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น คุณชายผ่านการสูญเสียมามากเกินไปแล้ว แม้ว่าคุณชายไม่พูด แต่บ่าวทราบว่าเหตุนองเลือดที่ตำหนักบูรพาส่งผลกระทบต่อคุณชายหนักมาก โชคดีที่ภายหลังคุณหนูปรากฏตัว หากเรื่องในปีนั้นซ้ำรอยขึ้นอีกครั้ง บ่าวไม่กล้าคิดว่าคุณชายจะเปลี่ยนเป็นเช่นไรเจ้าค่ะ”
ไป๋หรงพูดพร้อมกับยืดตัวไปวางมีดสั้นไว้ข้างมืออวี๋ชิงจยา แล้วกลับมาคุกเข่าลงบนพื้น “คุณหนู การหลอกลวงบางอย่างอาจมาจากเจตนาไม่ดี ทว่าก็มีเหมือนกันที่การหลอกลวงบางเรื่องมาจากการกระทำที่ไร้ทางเลือก บ่าวแน่ใจว่าความรู้สึกที่คุณชายมีต่อคุณหนูไม่มีทางหลอกลวงเป็นอันขาด ขอให้คุณหนูโปรดทบทวนอีกครั้งด้วยเจ้าค่ะ”
ไป๋หรงที่คุกเข่าบนพื้นหมอบลง เผยคอตรงหน้าอวี๋ชิงจยา ขอเพียงอวี๋ชิงจยาหยิบมีดสั้นที่ข้างมือขึ้นมา ไม่รอให้นางลงมือเอง ไป๋หรงก็จะฆ่าตัวตาย อวี๋ชิงจยาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แค่มองเงียบๆ เป็นเวลานาน ไป๋หรงหมอบอยู่บนพื้นอย่างเชื่อฟังตลอด ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
อวี๋ชิงจยาพลันสะบัดแขนเสื้อปัดมีดสั้นไปที่พื้น หันหน้าหนีแล้วกล่าว “เจ้าเป็นคนของเขา พวกเจ้าคิดจะทำอะไร เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ลุกขึ้นมาเสีย”
ไป๋หรงถอนหายใจ รู้ว่าโทสะเมื่อครู่ของอวี๋ชิงจยาหายไปแล้ว ก่อนจะยิ้มขมขื่นกับตนเอง อีกฝ่ายพูดอย่างตรงไปตรงมาว่านางคือคนของมู่หรงเหยียน ก็พอจะคาดเดาได้ว่าในใจอวี๋ชิงจยายังคงมีช่องว่างอยู่
ไป๋หรงเก็บมีดสั้นแล้วหลุบตานั่งลงหน้าตั่งของอวี๋ชิงจยา
อวี๋ชิงจยาจ้องเตากำยานบนโต๊ะเงียบๆ ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่ง เมื่อมองนานเข้าจิตใจของคนก็สงบตามไปด้วย หลังจากนั่งอยู่สักพักหนึ่งก็เอ่ยถามขึ้น “ท่านพ่อก็ร่วมมือกับพวกเจ้า?”