ไป๋หรงได้ยินคำถามนี้แล้วเสียวสันหลังวาบ นางไม่กล้าไม่ตอบ ได้แต่พูดกับอวี๋เหวินจวิ้นในใจเงียบๆ ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ก่อนจะตอบด้วยท่าทางเชื่อฟัง “เจ้าค่ะ นายท่านมีคุณธรรมสูงส่ง ทุ่มเทเพื่อองค์ชายไม่น้อย ยืนหยัดอย่างกล้าหาญเพื่อปกป้ององค์ชายโดยไม่กลัวว่าตนเองจะตกอยู่ในอันตราย ทุกคนในตำหนักบูรพาต่างเคารพนับถือในความมุ่งมั่นตั้งใจและคุณธรรมของนายท่านเจ้าค่ะ”
“มิน่าล่ะ ตอนที่อยู่ก่วงหลิงท่านพ่อถึงออกจากจวนไปนานโดยไม่ทิ้งคำพูดสักคำ ตอนกลับมาก็พาเขามาด้วย เดิมทีข้าก็นึกสงสัย ในเมื่อเป็นแค้นลึกราวกับทะเลเลือด จะถึงขั้นอยู่ห่างไกลบ้านเกิดได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังต้องปกปิดฐานะของตนเอง ที่แท้ ‘ท่านอา’ ที่เขาพูดถึงก็คือฝ่าบาทองค์ปัจจุบันนี่เอง” อวี๋ชิงจยาพูดพลางนึกถึงสิ่งต่างๆ มากขึ้น ราวกับช่องตาข่ายของแหปากหนึ่งเชื่อมต่อกับตาข่ายช่องแรก แล้วเบาะแสอื่นๆ ก็ทยอยปรากฏขึ้นมาทีละอย่าง
ไม่แปลกใจเลยที่ปีศาจจิ้งจอกวาจาไม่ธรรมดา พิณ หมาก อักษร ภาพวาด วิชาความรู้ รวมถึงการปกครองบ้านเมืองทั้งบุ๋นและบู๊ ซ้ำยังมีพรสวรรค์ทางดนตรีที่ไม่ธรรมดาอีก ความสามารถเช่นนี้ตระกูลแม่ทัพธรรมดาจะส่งเสริมได้รอบด้านหรือ ไม่แปลกที่หลังจากอวี๋ชิงจยาพบมู่หรงเหยียนแล้วจะช่วยเหลือและรับคนที่เพิ่งพบกันบนถนนได้ง่ายเป็นพิเศษ ไม่แปลกที่อวี๋ชิงหย่าจะจ้องมองนางด้วยแววตาอิจฉา ในโลกความฝัน อวี๋ชิงหย่าถึงกับวางยาพิษให้นางตายเพื่อตำแหน่งฮองเฮาตามที่ระบบกล่าว ไม่แปลกใจที่บิดารับมู่หรงเหยียนเข้าบ้านแล้วจะแสดงท่าทีเคารพนอบน้อมต่อมู่หรงเหยียนอย่างสูง…
นางถึงกับคิดว่าอาจารย์ที่มีความสามารถไม่ธรรมดาเหล่านั้นในเมืองก่วงหลิง คงไม่ใช่อาจารย์สอนหนังสือทั่วไปกระมัง อวี๋ชิงจยานึกถึงอวี๋เหวินจวิ้นที่ยัดเยียดให้นางเรียนขี่ม้ายิงธนูก็รู้สึกโกรธมาก ให้เรียนวิชาขี่ม้ายิงธนูอะไรกัน เกรงว่าคงเตรียมไว้ให้มู่หรงเหยียนเรียนมากกว่า อวี๋ชิงจยาก็คือผู้รับเคราะห์ที่มีคำว่า ‘ข้าโง่หลอกง่ายเป็นที่สุด’ เขียนตัวโตๆ อยู่บนหน้าผากนั่นเอง!
อวี๋ชิงจยายื่นมือไปกดหว่างคิ้ว ตอนนี้นางโกรธจนปวดศีรษะ นางสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่งแล้วถาม “เจ้าบอกมาตามตรง ข้างกายข้ามีคนของเขากี่คนกันแน่ คนทำบัญชีที่ถูกอวี๋ชิงหย่าแย่งตัวไป รวมทั้งเจ้า ไป๋ลู่ อาจารย์สอนหนังสือ หรืออาจจะคนที่ท่านพ่ออ้างว่าเป็น ‘สหาย’ ที่พวกเราขออาศัยตอนอยู่เกาผิง นอกจากคนพวกนี้แล้วยังมีอีกกี่คน มีอยู่ในกลุ่มสาวใช้และบ่าวรับใช้ด้วยหรือไม่”
ไป๋หรงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร
อวี๋ชิงจยาเห็นการแสดงออกของไป๋หรงก็เข้าใจแล้ว “เจ้าไม่กล้าบอก แสดงว่ามีอีกสินะ และมีอยู่ไม่น้อยด้วย ดังนั้นตั้งแต่ตอนแรกๆ ทุกการกระทำของข้าจึงล้วนอยู่ภายใต้สายตาของเขา กระทั่งหลังจากที่เขาจากไปโดยไม่ลา ชีวิตความเป็นอยู่ของข้าเป็นอย่างไรสำหรับเขาคงรู้ได้ทะลุปรุโปร่ง ขอแค่เขาอยากรู้เสียอย่าง แค่ถามให้กระจ่างก็ได้แล้ว…ใช่หรือไม่”
ไป๋หรงถอนหายใจ แล้วโขกศีรษะให้อวี๋ชิงจยาเงียบๆ “คุณหนู ท่านอย่าถามเลยเจ้าค่ะ บ่าวพูดไปแล้ว องค์ชายก็คงไม่ละเว้นบ่าว หากบ่าวไม่พูด ท่านก็จะโกรธ องค์ชายก็ยิ่งไม่ละเว้นบ่าวแน่ ท่านโปรดให้บ่าวมีทางรอดด้วยเจ้าค่ะ”
อวี๋ชิงจยาใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มทีแล้ว นางกุมหน้าผากแล้วโบกมือเป็นเชิงไล่ไป๋หรงออกไป ไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไปแล้ว
ไป๋หรงเดินออกไปอย่างเงียบๆ และปิดประตูให้อวี๋ชิงจยาอย่างเบามือ หลังจากหมุนกาย นางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเรียกองครักษ์เงาคนหนึ่งออกมาจากที่ลับตา “ถ่ายทอดข้อความถึงองค์ชาย บอกว่าคุณหนูหกโกรธแล้ว ไป๋หรงพยายามสุดความสามารถแล้วจริงๆ ส่วนที่เหลือ…องค์ชายควรจัดการด้วยตนเอง”
อวี๋ชิงจยานั่งอยู่คนเดียวในห้องที่มืดทึม พอมองห้องแสนว่างเปล่าแล้วก็ให้โมโห ที่น่าโมโหกว่านั้นคือนางไม่รู้ว่าควรจะโกรธปีศาจจิ้งจอกหรือโกรธตัวนางเองดี ในอดีตนางฝันเห็นภาพในอีกหลายปีต่อมาจนเกิดความกลัวต่อหลางหยาอ๋องอย่างสุดซึ้ง กระทั่งตัวนางเองยังเคยบอกกับปีศาจจิ้งจอกว่าหลางหยาอ๋องเป็นคนโหดร้ายเย็นชา ที่สำคัญคือเขายังเห็นพ้องกับนางด้วย
นางนึกถึงคืนนั้นที่มู่หรงเหยียนเพิ่งมาที่จวนเจ้าเมือง ตอนที่พวกเขากินอาหารด้วยกัน อวี๋ชิงจยาหลุดปากว่า ‘สายเลือดของพวกเขามีปัญหาใช่หรือไม่’ ตอนนั้นนางประหลาดใจว่าเหตุใดอวี๋เหวินจวิ้นถึงได้ดูวิตกกังวลถึงเพียงนั้น แล้วจู่ๆ ไยถึงบอกนางว่า ‘คนโง่มีวาสนาของคนโง่’ ลองมาคิดดูตอนนี้ อวี๋ชิงจยาคือคนโง่ไม่ใช่หรือ นางถึงกับพูดต่อหน้าบุรุษที่ใจแคบที่สุดในราชวงศ์ว่าคนในตระกูลของพวกเขาเหมือนจะมีปัญหา
อวี๋ชิงจยารู้สึกว่าสมองของตนต่างหากที่มีปัญหา
คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งนางจะได้รู้ชื่อของปีศาจจิ้งจอกจากการต่อสู้กับทหารราชสำนัก ความจริงแล้วเขาไม่ใช่บุตรชายแม่ทัพที่ถูกผู้เป็นอาข่มเหง และไม่ใช่คุณชายผู้สูงศักดิ์ที่ตระกูลตกต่ำ เขาคือหลางหยาอ๋อง บุตรชายคนเล็กสายตรงของรัชทายาทเฉิงเต๋อที่ฮ่องเต้ตามล่าสังหารทั้งในทางลับและทางแจ้งมาตลอดห้าปีก็ยังทำไม่สำเร็จ หลางหยาอ๋องมู่หรงเหยียนผู้ซึ่งจะรวมเหนือใต้เป็นหนึ่งเดียวในภายภาคหน้า กำจัดฮ่องเต้และสถาปนาตนขึ้นครองราชย์