เมื่อกลับถึงถ้ำภูเขาก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว เฟิงจงที่ปวดเมื่อยไปทั้งร่างจึงล้มตัวลงนอนทันที แม้หางตาจะเหลือบไปเห็นมือที่บาดเจ็บของเซวียนชิงยังคงมีเลือดซึมออกมา นางก็ทำเป็นเพียงมองไม่เห็น
แต่เดิมนางคือเทพผู้ดูแลชีวิต ย่อมนึกชิงชังผู้ที่ไม่หวงแหนชีวิตเป็นธรรมดา เสียแรงนักที่นางใช้โลหิตช่วยเจ้าหนูนี่โดยไม่เสียดาย แต่เขากลับเจตนาที่จะปลิดชีพตนเอง แน่นอนว่านางย่อมต้องรู้สึกโมโห
นอนพักรอบนี้เฟิงจงหลับลึกดีมาก ทว่าต่อมานางก็รู้สึกไม่สบายตัวจริงๆ จึงตื่นขึ้นมา ในอากาศที่สูดเข้าจมูกมีแต่กลิ่นเหม็นคาว นางลุกขึ้นนั่งสำรวจเนื้อตัว และพบว่าชุดหนังสัตว์ที่มีอยู่เพียงชุดเดียวนี้เปรอะเลอะไปด้วยเลือดของเถาอู้ ตอนนี้ชุดแห้งติดหนึบไปกับร่างแล้ว มิน่าเล่าข้าถึงได้รู้สึกอึดอัดเช่นนี้
เฟิงจงปรายตามองหุ่นเวทปราดหนึ่ง เห็นเจ้าหนูนั่นนั่งพิงผนังถ้ำ กำลังจับจ้องนางตาไม่กะพริบ
ผืนฟ้านอกถ้ำมืดมิดแล้ว จันทราเสี้ยวหนึ่งลอยอยู่กลางเวหา รอบด้านสุกสว่างด้วยรัศมีสีขาว เฟิงจงลุกขึ้นยืน นางเพิ่งจะทำมุทราก็ได้ยินเขาถามขึ้นก่อน
“เจ้าคิดจะทำอะไร” น้ำเสียงของเขายังคงแหบพร่านิดๆ
เฟิงจงหาได้แยแส ทันทีที่ท่องคาถาในใจ เซวียนชิงก็ยืนขึ้นพรวดราวกับต้นหอมที่ถูกถอนจากดิน เขายกมือข้างหนึ่งมาโอบนางไว้แล้วเหินร่างออกจากปากถ้ำไปโดยไม่รอช้า
ส่วนลึกในใจของเซวียนชิงกำลังปฏิเสธ ทว่าเขาไม่อาจต่อต้านพลังอันรุนแรงของวิชาหุ่นเวทนี้ได้ หัวใจของเขาในยามนี้พลันเย็นเฉียบเสียยิ่งกว่าแสงจันทร์
เพียงไม่นานทั้งสองก็สัมผัสพื้น เบื้องหน้าสายตาคือยอดเขาแห่งหนึ่ง เนื่องจากพื้นที่ยุบตัวลงตามธรรมชาติ ด้านในจึงเก็บกักน้ำฝนไว้จนเต็ม แลคล้ายสระเล็กๆ หนึ่งสระ
“สัตว์อสูรล้วนมารวมตัวกันอยู่บริเวณต้นน้ำ จะมีก็แต่สภาพพื้นที่สูงเช่นที่นี่ พวกมันถึงไม่อาจมาได้ ปกติข้าจะมาตักน้ำจากที่นี่เสมอ เพียงแต่การปีนป่ายค่อนข้างยุ่งยาก” ในที่สุดเฟิงจงก็เอ่ยปาก ทว่าน้ำเสียงไม่นุ่มนวลเช่นเมื่อก่อนแล้ว ที่นางพูดเช่นนี้ย่อมหมายความว่าต่อไปหน้าที่ตักน้ำนี้ได้ถูกยกให้เขาแล้ว
เซวียนชิงมุ่นคิ้ว หากฐานะของนางไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ ท่าทีของนางที่แปรเปลี่ยนไปก็ต้องเป็นเพราะกำลังขุ่นเคืองเรื่องที่เขาจงใจฆ่าตัวตายอยู่เป็นแน่
เฟิงจงเดินไปที่ริมน้ำ ก้มลงไปวักน้ำขึ้นมาชะล้างบาดแผลบนเท้าก่อน ทันทีที่คราบเลือดละลายปะปนลงในแหล่งน้ำ ระดับน้ำก็ถึงกับเพิ่มสูงขึ้นมาอีกชุ่น* เศษ ตอนนี้นางถึงค่อยก้าวเท้าลงน้ำไป จวบจนยามที่เดินไปถึงตรงใจกลาง ระดับน้ำก็สูงขึ้นมาถึงลำคอแล้ว นางรวบเรือนผมยาวไปรวมไว้บนบ่าข้างหนึ่งก่อนจะบรรจงล้างทำความสะอาดเส้นผมรวมถึงชำระกาย นัยน์ตาที่หลุบลงนิดๆ นั้นฉายสะท้อนแสงจันทร์ ไม่เพียงงามเปี่ยมเสน่ห์ หากยังผสานไว้ซึ่งความสง่าภูมิฐานอีกหลายส่วน
ก่อนหน้านี้เซวียนชิงเสียเลือดไปมากจากการพยายามปลิดชีพตนเอง ยามนี้จึงอ่อนระโหยโรยแรงอยู่บ้าง เขาหายใจเข้าเฮือกหนึ่งพลางจรดสายตาชมภาพเหตุการณ์นี้อย่างหน้าตาเฉย กระทั่งชั่วครู่ให้หลังถึงค่อยได้สติ พบว่าตนถึงกับไม่ดูตาม้าตาเรือมองสตรีนางหนึ่งอาบน้ำเสียได้ เขารีบหันหลังให้แทบไม่ทัน
ผ่านไปเนิ่นนานกว่าเฟิงจงจะชำระร่างกายเสร็จและกลับขึ้นมาบนฝั่ง หนังสัตว์ที่ใช้พันกายบัดนี้เปียกโชกจนน้ำหยดติ๋งๆ แน่นอนว่าไม่อาจใช้สวมใส่ได้อีกต่อไป ทว่าตอนนี้ไม่นับเป็นปัญหาอะไรแล้ว นางปรายตามองเงาหลังของเซวียนชิงก่อนจะจรดนิ้วทำมุทรา
หน้าผากของเซวียนชิงพลันร้อนวาบขึ้นทันใด เขาหมุนกายเดินขึ้นหน้ามาตามจิตใต้สำนึก จากนั้นใช้นิ้วมือจุ่มน้ำมาแตะบนอาภรณ์ของตนเองแล้วร่ายอาคม ไม่ทันไรอาภรณ์ทั้งชุดก็ขาวสะอาดเหมือนใหม่ ปลิวไสวล้อลมดังพึ่บพั่บ
เฟิงจงคว้าสาบเสื้อของเขาไว้ก่อนจะออกแรงฉีกผ้ามาได้หนึ่งผืน เพียงพริบตาหน้าอกของเขาก็ถูกเผยออกมากว่าครึ่ง พอจะมองเห็นรอยแผลทั้งเก่าและใหม่ได้รางๆ รวมถึงแผลบางแห่งที่ยังคงมีเลือดไหลอยู่ นางนำผ้าผืนนั้นมาวางคลุมบนไหล่ของตนแล้วมองเซวียนชิง
ในใจเซวียนชิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ทั้งที่ใบหน้าแดงเรื่อด้วยความกระดากอาย แต่หนุ่มน้อยก็อ่านเจตนาของเฟิงจงออกได้อย่างชัดเจน เขาจึงแตะนิ้วมือลงบนผ้าผืนนั้น เพียงชั่วอึดใจผ้าก็แปรสภาพเป็นอาภรณ์ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่พาดอยู่บนร่างของนางหนึ่งชุด จากนั้นพอเขาแตะนิ้วมือบนร่างตนเอง อาภรณ์ซึ่งเดิมถูกฉีกเสียหายก็คืนสู่สภาพสมบูรณ์ไร้ตำหนิ