ทดลองอ่าน ตื่นเสียทีจะไม่มีทายาทแล้ว! บทที่ 6 – หน้า 12 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตื่นเสียทีจะไม่มีทายาทแล้ว!

ทดลองอ่าน ตื่นเสียทีจะไม่มีทายาทแล้ว! บทที่ 6

อวี้ถูขวางฟางจวินเยี่ยที่กำลังจะไล่ตามไป สายตาของเขายังคงจ้องเขม็งไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายลับหาย “เขามีที่มาอย่างไรกัน”

ฟางจวินเยี่ยเอ่ยตอบ “ก็แค่ไต้อ๋องปกครองกองโจรเท่านั้น เจ้าให้ข้ายึดครองแดนฮุ่นตุ้น ข้าเพิ่งจะยึดยอดเขาได้ไม่กี่ลูกก็ไปถึงถิ่นของเซียนจิ้งจอกนี่แล้ว ต่อมาจึงถูกเขารบเร้าเซ้าซี้จนตามมาถึงที่นี่ด้วย ได้ยินว่าเป็นจิ้งจอกตระกูลถูซาน”

“จิ้งจอกเก้าหางตระกูลถูซาน?” อวี้ถูคล้ายไม่เชื่อเท่าไรนัก “กลิ่นอายจิ้งจอกบนร่างเขายังเทียบจิ้งจอกหางเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ ตระกูลถูซานจะมีเศษสวะเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ก็นับว่าเขายังรู้จักเจียมตัว หนีได้เร็วอยู่”

“ยึดครองแดนฮุ่นตุ้น?” เฟิงจงยืนขึ้นเมื่อฟังออกถึงความไม่ชอบกลนี้ “อะไรกัน เจ้าไม่เพียงอยากได้พิภพมนุษย์ กระทั่งแดนฮุ่นตุ้นเจ้าก็หมายตา?”

อวี้ถูเดินมาหานางทีละก้าว รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลุ่มลึก “ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ทั้งสามพิภพล้วนมาถึงปากเหวแห่งการดับสูญแล้ว วันหน้าเมื่อเทพเซียนในพิภพสวรรค์ล้มหายตายจาก ปีศาจมารสาบสูญเช่นเดียวกับพวกมนุษย์ ท้ายที่สุดทุกพิภพก็จะกลายเป็นยมโลก ส่วนข้าก็จะกลายเป็นเทพสูงสุด บางทีอาจจะกลายเป็นเทพผู้สร้างโลกองค์ใหม่เสียด้วยซ้ำ”

เฟิงจงโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก “แม้แต่ฐานะของมหาเทพหนี่ว์วา เจ้าก็บังอาจหมายตาเชียวหรือ!”

“หนี่ว์วาแล้วอย่างไร เห็นจะมีแต่เจ้าที่ศิโรราบต่อนางเช่นนี้ ข้าเพียงแค่คล้อยตามลิขิตฟ้าเท่านั้น”

เฟิงจงขบกรามกรอด “หรือที่มนุษย์สูญสิ้นไปเช่นนี้เป็นฝีมือของเจ้า?”

อวี้ถูหลุดหัวเราะ “เจ้าให้เกียรติข้ามากไปแล้ว เดิมทีมนุษย์ล้วนโลภโมโทสันอยู่ในกมลสันดาน เพื่อกิเลสของตนแล้วเอาแต่ล้างผลาญสรรพสิ่งในพิภพมนุษย์ไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งไปแตะต้องสิ่งที่ไม่พึงแตะต้องเข้า นับแต่นั้นมาทุกแห่งหนที่ผ่านจึงไม่มีต้นหญ้างอกเงยแม้สักชุ่นเดียว ตัวพวกเขาเองก็สูญเสียความสามารถในการให้กำเนิดไป ท้ายที่สุดจึงมาถึงจุดสูญสิ้นของเผ่าพันธุ์ นี่เป็นพวกเขาแส่หาเรื่องเอง”

“สิ่งที่ไม่พึงแตะต้อง?”

อวี้ถูยกของวิเศษในมือเพื่อชั่งน้ำหนัก “อะไรกัน เจ้าใคร่รู้สาเหตุถึงเพียงนี้ เพราะเป้าหมายที่จะกลับเป็นเทพเซียนไม่ใช่เพื่อตัวเจ้าเอง แต่เพื่อพิภพมนุษย์นี่น่ะหรือ”

เฟิงจงแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา “ข้าคือจ่งเสิน หน้าที่ของข้าก็คือทำให้พิภพมนุษย์เปี่ยมด้วยพลังชีวิต”

“หน้าที่?” อวี้ถูขบขัน “พิภพมนุษย์ไม่เหลือผู้คนแล้ว ยังต้องการจ่งเสินไปเพื่ออะไร”

“ใครว่าพิภพมนุษย์ไม่เหลือผู้คนแล้ว ตอนนี้ข้าก็เป็นมนุษย์ และจะไม่ใช่มนุษย์คนสุดท้ายแน่นอน”

“แต่อีกไม่นานเจ้าก็จะตายแล้ว”

เพลิงภูตที่ลุกพรึบขึ้นกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าโอบล้อมเฟิงจงเอาไว้ตรงกลาง อวี้ถูในร่างของเซวียนชิงประชิดเข้ามาทีละนิด กระทั่งปลายคางแทบจะจรดกับมุมหน้าผากของนางอยู่แล้ว กาลก่อนเขาไม่เคยเข้าใกล้นางได้มากถึงเพียงนี้ บัดนี้กระทั่งร่างที่กลวงเปล่าของหุ่นเวทก็ยังทำให้เขาต้องอิจฉา

ขณะจะใกล้ชิดนางยิ่งกว่านี้ พลังปีศาจระลอกหนึ่งก็กวาดมาถึงเสียก่อน อวี้ถูถอยหลบไปทันใด ครั้นเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉยงฉีที่มีสีแดงเพลิงทั้งร่างกำลังกางสองปีกโฉบพุ่งลงมาจากฟ้า มันร่อนลงเบื้องหน้าเฟิงจงก่อนจะแยกเขี้ยวคำรามกร้าวใส่เขา เส้นขนทั่วกายของมันชี้ชันดั่งเข็มแหลม จู่ๆ มันก็อยู่ในร่างที่โตเต็มวัยแล้ว

ฟางจวินเยี่ยคุมกระบี่บุกเข้ามาโดยไม่รอช้า ฉยงฉีก็อ้าปากพ่นหมอกดำออกไป ขณะที่เขาถอยร่นติดกันไปหลายก้าวกว่าจะหยัดกายได้มั่นคง ฉยงฉีก็หันหน้ากลับมากลืนเพลิงภูตรอบกายเฟิงจงจนหมดสิ้นแล้ว จากนั้นมันยังสะบัดขนพลางส่งเสียงเรอออกมา

อวี้ถูมองพิรุธออกแล้ว “เซียนจิ้งจอกนั่นหลบหนีไปแล้วก็ยังอุตส่าห์ทิ้งลูกไม้นี้เอาไว้อีกหรือ แต่น่าเสียดาย วิชาแปลงกายนี้จะฝืนประคองไปได้สักเท่าใดกัน” เขามองข้ามฉยงฉีไปยังเฟิงจง “เฟิงจง เจ้าจะร่วมครองสามพิภพกับข้าในวันข้างหน้า หรือจะฟื้นตัวไม่ได้ชั่วกัปกัลป์นับแต่นี้ เจ้าก็เลือกเอาเองเถอะ”

เฟิงจงลองขยับนิ้วมือพลางจงใจเอ่ยประวิงเวลา “ข้าเลือกที่จะให้พิภพมนุษย์ฟื้นคืนสภาพเดิม เจ้ามีความเห็นเช่นไรเล่า”

“ดื้อรั้นดันทุรัง” อวี้ถูทอดถอนใจเบาๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ได้แต่ทำลายของวิเศษของเจ้า ให้เจ้าถอดใจอย่างแท้จริงเท่านั้น”

เขาใช้มือรองแจกันหยกสีน้ำเงินใบนั้นไว้แล้วหมุนไปมาเบื้องหน้าสายตา “ได้ยินว่าตอนนี้ใครๆ ในสามพิภพต่างก็หวังจะหยิบยืมพลังของเจ้ามาสืบทอดทายาท และสิ่งที่จะต้องพึ่งพาก็คือของวิเศษชิ้นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะทำลายมันทิ้งก่อนเลยแล้วกัน เว้นเสียแต่ว่าเจ้ายินดีที่จะสืบทอดทายาทให้กับข้า”

ฟางจวินเยี่ยฟังแล้วก็อดมองแจกันหยกสีน้ำเงินใบนั้นปราดหนึ่งไม่ได้

เฟิงจงส่ายหน้า “ข้อเรียกร้องนี้ยากเกินไป ข้ารู้สึกว่าอย่างเจ้าน่าจะถูกลิขิตให้ต้องสิ้นทายาทอยู่แล้ว เกรงว่ากระทั่งแจกันหยกสีน้ำเงินก็ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้”

แววตาของอวี้ถูหม่นลงเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็โทษข้าไม่ได้แล้ว”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตื่นเสียทีจะไม่มีทายาทแล้ว!

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com