แดนฮุ่นตุ้นกว้างใหญ่ไพศาลอย่างที่พิภพมนุษย์เทียบไม่ติด และทะเลเขี้ยวพิโรธยังตั้งอยู่ที่ปลายสุดของดินแดนนี้ ต่อให้ขี่เมฆไปก็ใช่ว่าชั่วครู่ชั่วยามจะสามารถไปถึงได้
เดิมทีฟางจวินเยี่ยอาศัยอยู่ละแวกนั้นอยู่แล้วจึงชำนาญเส้นทางเป็นอย่างยิ่ง ตลอดการเดินทางครานี้จึงให้เขาเป็นผู้นำทาง เขาดูเหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพียงขี่เมฆมุ่งไปโดยไม่เคยหยุดพักแม้ชั่วขณะเดียว
ฉยงฉีที่งีบหลับพิงอยู่กับตักของเฟิงจงแลบลิ้นเลียริมฝีปากไปพลางละเมอร้องพูชือพูชือไปพลาง ทว่าจู่ๆ มันก็สะดุ้งตื่น กระโดดโหยงขึ้นมาตะกุยชายเสื้อของนางพร้อมเสียง “พูพูชือชือพู!”
ถูซานสือฟางที่นั่งอยู่ด้านข้างยิ้มแล้วถอดความให้ “มันบอกว่ามันหิวแล้ว ต้องการกินเนื้อ”
เฟิงจงนั่งขัดสมาธิหลับพักสายตาอยู่ นางเอ็ดมันหนึ่งประโยคทันทีที่ลืมตา “จอมตะกละ นอกจากนอนก็เอาแต่กิน!”
ฉยงฉีโวยวายเสียงดังลั่น “พูชือชือพูชือ!”
ถูซานสือฟางพูดเลียนแบบน้ำเสียงของมัน “แล้วตอนที่เจ้าออกคำสั่งใช้งานข้า เหตุใดไม่พูดอะไรบ้างเล่า!”
เฟิงจงจ้องถูซานสือฟางตาเขม็งทันใด
“เป็นอะไรไป” ถูซานสือฟางลูบใบหน้าตนเองก่อนจะคลี่ยิ้มเอียงอาย “ข้าไต้อ๋องก็รู้อยู่หรอกว่าตนเองมีรูปโฉมชวนมองเพียงใด แต่เจ้าก็ต้องรู้จักสำรวมบ้างสิ”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว เพียงแค่ท่าทางของเจ้าเมื่อครู่นี้ทำให้ข้านึกถึงใครบางคนก็เท่านั้น” เฟิงจงเบนสายตาไป หยิบเนื้องูย่างที่ห่อด้วยใบไม้ออกมาจากแขนเสื้อ วางลงตรงหน้าฉยงฉีหนึ่งชิ้น นี่เป็นเนื้อที่นางเก็บไว้ให้มันโดยเฉพาะ
“เป็นผู้ใดหรือ” ถูซานสือฟางกระเถิบเข้ามาใกล้ “เทียบกับข้าแล้วเป็นอย่างไร”
เฟิงจงปรายตามองเขาปราดหนึ่ง “เป็นชายชาตรีมากกว่าเจ้า”
“แล้วอย่างไรอีก”
“มีน้ำใจกว่าเจ้า”
“อย่างไรอีกเล่า เป็นอย่างไรอีก”
ไฉนรู้สึกว่าเขาดีอกดีใจไม่เบาทีเดียว เฟิงจงมุ่นคิ้ว เอ่ยอย่างไม่พอใจ “เอ่ยวาจาน้อยกว่าเจ้า”
ถูซานสือฟางเบ้ปาก กระเถิบร่างออกไปได้เสียที
ฉยงฉีอุ้มเนื้องูขึ้นกินจนหมดเกลี้ยง หลังจากเลียอุ้งเท้าด้วยสีหน้าที่ยังไม่จุใจ มันก็ปัดป่ายชายเสื้อของเฟิงจงพลางออดอ้อนเสียงดัง “พูชือพูชือ”
“ถ้าอย่างไรหยุดพักสักครู่ ล่าเนื้อจำนวนหนึ่งมาให้มันกินเสียให้อิ่มหนำดีหรือไม่ เจ้าเองก็ควรจะกินอาหารได้แล้ว” ถูซานสือฟางถามเฟิงจงไปพลาง ใช้มือข้างหนึ่งขยี้ศีรษะของฉยงฉีไปพลาง ฉยงฉียกอุ้งเท้าขึ้นตบเขาสองหน แต่ก็ถูกเขาหลบพ้นทั้งสิ้น มันจึงได้แต่โมโหโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้เขาขยำขยี้ศีรษะมันตามอำเภอใจ
เฟิงจงหลับตานั่งสมาธิต่อ “ให้มันทนไปก่อน เรื่องสำคัญเร่งด่วนตอนนี้คือต้องไปทะเลเขี้ยวพิโรธ”
“มิผิด” ฟางจวินเยี่ยซึ่งเดิมทีไม่พูดจาสักคำถึงกับเอ่ยคล้อยตามหนึ่งประโยค
ถูซานสือฟางมองดูสีคล้ำที่ใต้ตาของเฟิงจง ก่อนจะขยี้ศีรษะฉยงฉีต่อโดยไม่ส่งเสียงอีก