พลังวิเศษของเฟิงจงได้ผลจริงเสียด้วย บาดแผลเหล่านี้ของซีกวงเกิดจากการโบยหนึ่งร้อยครั้งด้วยแส้คุมกฎซึ่งมีพลังของมหาเทพบรรพกาลสถิตอยู่ เพื่อรักษาท่าทีซีกวงจึงฝืนข่มความเจ็บปวดมาตลอด ยามนี้นางเพียงลูบผ่านเสื้อผ้าไม่กี่หน อาการของเขาก็ทุเลาขึ้นแล้ว
ทว่าเหตุนี้ก็ทำให้นางใช้พลังวิเศษไปจนหมดสิ้น
ซีกวงเพิ่งจะลุกขึ้นนั่งตัวตรงได้ก็หันมาเห็นเฟิงจงพิงที่เท้าแขนหลับไปแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะขุนจนดวงหน้าน้อยๆ นี้กลมอิ่มดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ใบหน้านางกลับไปซูบตอบเหมือนเดิมแล้ว อีกทั้งใต้ดวงตาก็มีสีคล้ำ แทบไม่ต่างจากสภาพคนป่าตอนที่เพิ่งพบกันใหม่ๆ เลย
เขาถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนใช้มือข้างหนึ่งช้อนรองศีรษะของเฟิงจงให้มาหนุนนอนบนตักของเขาแทน ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นนิ้วไปแตะหว่างคิ้วของนางเพื่อตรวจสอบ…ผลที่ได้ทำให้หัวใจของเขาพลันหนักวูบ
เมื่อหันหน้ามาเห็นเหตุการณ์ หลงต้ากับหลงเอ้อร์ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะที่พวกมันจะเปล่งเสียงออกมารบกวน จึงถ่ายทอดเสียงผ่านลมปราณไปถามซีกวงแทน ตงจวิน แม่นางน้อยเดินดินผู้นี้ก็คือจ่งเสินที่ทำให้สามพิภพตามหาจริงๆ หรือ
ซีกวงแค่นเสียงฮึ “ก็บอกแต่แรกแล้วว่าพวกเจ้ามีตาแต่ไร้แวว”
สองมังกรเงียบงันไร้วาจา แววตาที่ใช้มองเฟิงจงคราวนี้ไม่กล้าปรามาสเช่นก่อนหน้าอีก
จู่ๆ ซีกวงก็เอ่ยขึ้นว่า “เหาะไปทางตะวันออก”
ยามกลางวันแสกๆ เช่นนี้ รถเชิญตะวันของตงจวินไม่ควรที่จะเหาะส่งเดชอยู่บนฟ้าตามแต่ใจ หลงต้ากับหลงเอ้อร์จึงบังคับรถโดยไม่กล้าที่จะให้เหาะต่ำไป และก็ไม่กล้าทะยานขึ้นสูงเกิน ตลอดทางล้วนลอดไปลอดมาอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ ด้วยเกรงจะถูกผู้อื่นพบเห็นว่าพวกตนใช้อำนาจในทางมิชอบ ความเร็วที่ใช้ย่อมปราดเปรียวหาใดเปรียบ
ทว่าผ่านไปครู่เดียวฉยงฉีก็หิวจนแทบจะหยิบเท้าซีกวงขึ้นมากัดแทะอยู่แล้ว เขาจึงต้องสั่งให้หยุดพักเสียก่อน
รถเทียมมังกรร่อนลงในหุบเขาแห่งหนึ่ง ที่นี่คล้ายกับหุบเขาที่เฟิงจงเคยพำนักอยู่บ้าง มีบึงน้ำที่ใสสะอาดอยู่แห่งหนึ่งเช่นเดียวกัน เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่ามากนัก ริมบึงน้ำมีไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หลายต้น ทว่าใบไม้จวนจะร่วงโกร๋นแล้ว หลังต้นไม้ถึงกับมีสัตว์อสูรยึดครองพื้นที่อยู่หลายตัว พวกมันล้วนกำลังหลับอุตุ
ในอดีตเฟิงจงเคยพูดว่าที่ใดมีแหล่งน้ำก็จะมีสัตว์อสูรมายึดครอง ซึ่งไม่ผิดจริงเสียด้วย ซีกวงจัดร่างเฟิงจงนอนตะแคง ก่อนจะลงจากรถมาโบกมือให้หลงต้ากับหลงเอ้อร์ “ไปเถอะ วันนี้อนุญาตให้พวกเจ้ากินเนื้อสักมื้อหนึ่ง แต่อย่ากินจนท้องเสียเป็นพอ”
สองมังกรหนวดกระดกขึ้นทันใด พุ่งตัวออกไปอย่างเริงรื่น เพียงชั่วพริบตาเหล่าสัตว์อสูรก็ถูกทำให้สะดุ้งตื่น แผดเสียงร้องดังวุ่นวาย ก่อนจะพร้อมใจกันกระโจนเข้าโรมรันกับสองมังกร ทำให้เบื้องหน้าสายตามีแต่ฝุ่นดินฟุ้งตลบไปทั่ว
ฉยงฉีดูจนหัวใจคันคะเยอยากทานทน มันจึงวิ่งไปถึงข้างเท้าของซีกวง ตะกุยชายเสื้อเขาพลางร่ำร้องพูชือพูชือไม่หยุดปาก
ซีกวงคลี่ยิ้มเอ่ยกับสองมังกรว่า “พวกเจ้าเหลือเอาไว้บ้าง ตรงนี้ยังมีผู้ที่หิวโหยอยู่” จบคำเขาก็หันหน้าไปมองเฟิงจงที่หลับอยู่บนรถแล้วกดเสียงพูดให้เบาลง “จำไว้ว่าเหลือส่วนที่ดีๆ หน่อย”
สิ่งที่ตอบกลับเขาคือเสียงมังกรคำรามอย่างร่าเริงสองเสียง
เพียงไม่นานเบื้องหน้าสายตาก็สงบลง เหล่าสัตว์อสูรเตลิดหนีไปกว่าครึ่ง ส่วนพวกที่หลบหนีไม่ทันก็ล้วนถูกมังกรกินเป็นอาหาร หลงต้ากับหลงเอ้อร์ไม่ได้กินเนื้อมานานมากแล้ว จึงหายหน้าไปครึ่งค่อนวันกว่าจะคืบคลานกลับมา…เป็นอาการคืบคลานอย่างแท้จริง เนื่องจากพวกมันกินจนพุงกางเกินไป
กระนั้นพวกมันก็ยังจดจำคำพูดของซีกวงได้ดี ไม่เพียงเหลือเนื้อขาหลังอันอ้วนพีไว้เป็นพิเศษสองขา พวกมันยังคาบไปให้ถึงข้างเท้าของเฟิงจงด้วยตนเอง ท่าทางนั้นเคารพเทิดทูนประดุจเซ่นไหว้เทพเจ้า
ฉยงฉีอยากกินจนน้ำลายสอ รีบปรี่ขึ้นหน้าไปปัดป่ายชายเสื้อของเฟิงจงเพื่อขอให้เริ่มมื้ออาหาร
ทว่าซีกวงคว้าตัวมันไว้อย่างรวดเร็ว จรดนิ้วชี้ทาบริมฝีปากพร้อมเปล่งเสียงดังชู่ จากนั้นก็หิ้วเนื้อขาหลังหนึ่งขาเดินไปที่ริมบึง เขาดีดนิ้วจุดเพลิงกสิณขึ้นหนึ่งกองแล้วม้วนแขนเสื้อขึ้น รอจนพาดเนื้อขึ้นย่างเหนือกองไฟแล้ว มือของเขาก็ตบๆ ที่พื้นข้างตัว
ฉยงฉีวิ่งหน้าระรื่นมานั่งหมอบตรงนั้นอย่างว่าง่าย ดวงตาก็เฝ้าดูเนื้อที่อยู่บนกองไฟตาไม่กะพริบ
หลงต้าคืบคลานมาถึงข้างกายซีกวงบ้าง แล้วร้องถามพร้อมเสียงเรอ “ตงจวิน เหตุใดท่านถึงดูช่ำชองกับงานเหล่านี้นักเล่า”
“พูดมาก” ซีกวงใช้หางตามองหลงต้า ก่อนจะเหินร่างไปที่ตัวรถแล้วอุ้มเฟิงจงกลับมา
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 30 ต.ค. 62)