เฟิงจงหลับตาพักก่อนจะเอ่ยปาก “รอให้พิภพมนุษย์ฟื้นคืนสภาพเดิมเมื่อไร วิญญาณในตำหนักยมโลกก็จะเวียนว่ายกลับมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้ คำสาปของเจ้าย่อมคลายออกเอง”
“เช่นนั้นต้องรอถึงเดือนใดปีใดกัน”
“ไม่ถึงกับต้องให้เจ้ารอไปอีกพันปีแน่”
ฟางจวินเยี่ยแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา “เลิกเพ้อฝันเสียที พิภพมนุษย์ไม่มีวันฟื้นคืนสภาพเดิมได้หรอก มนุษย์ทั้งหลายล้วนตายสิ้นแล้ว”
“ฮึ! มนุษย์กับข้าล้วนถูกสร้างขึ้นจากมหาเทพหนี่ว์วาเช่นเดียวกัน ในเมื่อข้ายังไม่ตาย ข้าก็ไม่เชื่อว่ามนุษย์จะตายจนหมดสิ้นได้!” พละกำลังของเฟิงจงเริ่มกลับคืนมาบ้างแล้ว นางออกแรงวาดคทาหม่อนมังกรไปเบื้องหน้าฟางจวินเยี่ย ส่งให้พลังวิเศษที่เจือด้วยโทสะซัดใส่หน้าอกของเขาปานพายุอันกราดเกรี้ยว
ฟางจวินเยี่ยเจ็บจนต้องครางในลำคอ มือก็คลายออก เป็นเหตุให้เฟิงจงร่วงลงไปทันที
เฟิงจงรีบใช้คทาหม่อนมังกรเสียบไปที่หินผา พลังวิเศษพลันกระตุ้นให้เถาวัลย์งอกเงยออกมาเกาะเกี่ยวหินผาเอาไว้ ช่วยฉุดรั้งร่างนางไว้ได้อย่างหวุดหวิด แม้ร่างจะแกว่งไกวไปมา แต่มืออีกข้างของนางก็ยังไม่ลืมที่จะกอดฉยงฉีไว้แน่น
ฉยงฉีร้องพูพูสองหน ขณะตะกายขาหน้าอันสั้นเล็กไปขยุ้มปกเสื้อของนางไว้ ตัวของมันก็แกว่งไกวไปมาอย่างน่าหวาดเสียวเช่นกัน จนทำให้เส้นขนทั้งหลังของมันชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ฟางจวินเยี่ยก็โฉบมาทางด้านข้าง เฟิงจงประคองตัวไม่ไหวแล้วจริงๆ พอพลังวิเศษขาดหายไป เถาวัลย์ก็สลายไปทันตาเห็น ร่างนางจึงร่วงดิ่งลงไปอีกครา
ทันใดนั้นเสียงคำรามกังวานก้องซึ่งเปี่ยมด้วยพลังของมังกรก็ดังขึ้น พร้อมกับหอบเอาลมกระโชกม้วนมาถึงใต้ร่างของนาง แผ่นหลังของเฟิงจงถูกกระแทกเข้าอย่างจัง ทว่าไม่คล้ายหล่นกระแทกกับพื้นนัก นางจึงรีบพลิกกายกลับมาและพบว่าตนถึงกับฟุบอยู่บนหลังของมังกรเขียวตัวหนึ่ง นางนึกว่าตนเองฝันไป รอจนลูบเกล็ดมังกรดูถึงพบว่านี่เป็นความจริง
“พูชือชือพู!” ฉยงฉีเพิ่งจะชูอุ้งเท้ากระโดดโลดเต้นอยู่บนหลังมังกรได้สองที ก็เห็นมังกรเขียวหันขวับมาถลึงตาใส่มันแล้ว ฉยงฉีตกตะลึงที่พบว่าอีกฝ่ายก็คือคู่ปรับที่เคยเจอกันมาก่อนหน้านั่นเอง ด้วยอารามหงุดหงิดมันจึงตะกุยไปบนเกล็ดมังกรสองหน
มังกรเขียวทะยานร่างขึ้นกลางอากาศ พาเฟิงจงเหาะวนหนึ่งรอบก่อนจะพุ่งตรงขึ้นสู่ยอดผา ตรงนั้นมีมังกรเขียวอีกตัวเทียมรถยืนอยู่ ราวกับมันรออยู่ตรงนั้นเนิ่นนานแล้ว
ซีกวงที่อยู่ในอาภรณ์สีดำตะแคงร่างอยู่ในตัวรถ เขายื่นมือดึงนางขึ้นมาในคราวเดียว “โอ๊ะ เมล็ดพันธุ์น้อย เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
ทันทีที่เห็น ‘นายพรานชุดดำ’ ฉยงฉีก็โถมปรี่เข้าไปอย่างคึกคักลิงโลด ทั้งหมุนวนที่ข้างเท้าของเขาอีกสองรอบ
ซีกวงคลี่ยิ้ม ก่อนจะช้อนตาขึ้นสบกับฟางจวินเยี่ยที่เพิ่งไล่ตามมา
ฟางจวินเยี่ยหยุดฝีเท้าห่างออกไปสามจั้ง อาภรณ์สีแดงเฉิดฉายจับตาภายใต้แสงตะวัน เช่นเดียวกับตรามารบนดวงหน้าที่ถูกฉายส่องให้เห็นได้รำไร มือของเขายื่นไปกุมกระบี่ในแกนม้วนภาพบนแผ่นหลัง ทว่าสุดท้ายเขาก็คลายมือออก “ขอโทษด้วยซีกวง เป็นข้าที่ผิดต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของเจ้า” เขาหลุบตาลง ถอยหลังไปช้าๆ ก่อนจะกระโจนลงสู่ก้นผาไป