เฟิงจงผงกศีรษะรับ ถูซานจิ่วหลิงจึงร่ายเวทบนร่างนางอย่างรวดเร็ว ทันทีที่รั้งมือกลับมา ความเคร่งขรึมที่เพิ่งฉาบอยู่บนใบหน้าก็เลือนหายไปในพริบตาเดียว เปลี่ยนเป็นอาการอยากจะโผทั้งตัวไปเกาะหนึบบนร่างเฟิงจงให้ชื่นใจแล้ว
“โอ๊ยๆ เจ้าเมล็ดพันธุ์ เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าชื่นชอบปราณชีวิตทั่วกายของเจ้าในยามนี้มากเพียงใด ข้าแทบอยากจะผูกติดอยู่กับเจ้าทุกวันถึงจะสบายใจ”
“ผูกข้าไปด้วยนะ! ผูกข้าด้วย!” ถูซานซิ่วซิ่วเกาะอยู่บนร่างอีกครึ่งของเฟิงจง ขณะนี้สองย่าหลานดูไม่ต่างอะไรกับเครื่องประดับที่ห้อยอยู่บนร่างของนางเลย
เฟิงจงนวดคลึงลูกกลอนปราณที่กำลังหลอมรวมอยู่ในท้องของตนอย่างเชื่องช้า “พูดตามตรงว่านี่เป็นครั้งแรกนับแต่ข้าตื่นจากนิทราที่รู้สึกว่าเป็นมนุษย์นั้นยอดเยี่ยมกว่าเป็นเทพ”
ฉยงฉีร้อง “ชือ” ก่อนจะมุดทั้งศีรษะเข้าไปอยู่ท่ามกลางปุยขนอันฟูฟ่องกองหนึ่ง นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่มันรู้สึกว่าเป็นหุ่นเวทยอดเยี่ยมกว่าเป็นสัตว์อสูร
ตกดึก ยามที่ซีกวงอาบแสงจันทร์อันอ่อนจางจนเดินมาถึงหน้าประตูเรือน เขาก็พบถูซานเฟิ่งกอดอกยืนพิงอยู่ข้างผนัง ในเรือนมีแสงไฟสว่างไสว จิ้งจอกน้อยที่นั่งเรียงรายเป็นระเบียบอยู่เต็มพื้นต่างแหงนหน้ามองไปที่เตียงเป็นตาเดียว
ถูซานจิ่วหลิงกำลังแอบอิงเฟิงจงพลางพูดจ้อฉะฉานอยู่บนเตียง “ข้าจะบอกพวกเจ้าอย่าง เมื่อก่อนจ่งเสินน่ะเป็นที่เคารพยกย่องของทุกคน บรรดาเทพเซียนในพิภพสวรรค์ยังต้องให้เกียรตินางสามส่วน เพราะนางคือทายาทผู้สืบทอดวิสุทธิ์โลหิตของมหาเทพหนี่ว์วาเชียวนะ”
ถูซานซิ่วซิ่วรับฟังจนสองตาเปล่งประกาย เหล่าจิ้งจอกน้อยยิ่งร้องอุทานกันเสียงดังเซ็งแซ่ ทว่ายามนี้ทายาทที่ถูกพูดถึงผู้นั้นกลับตาปรือ มีท่าทีง่วงงุน ดูแล้วพร้อมที่จะล้มตัวลงนอนไปได้ทุกเวลา
ซีกวงเดินเนิบนาบเข้าประตูไปแล้วหยุดยืนที่ริมหน้าต่าง หยิบขลุ่ยสั้นอันประณีตเลาหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ เขาวางขลุ่ยจรดกับริมฝีปากแล้วเป่า ทั้งยังแหงนหน้ามองไปทางจันทรา
สายตาทุกคู่ในเรือนล้วนถูกดึงดูดด้วยท่วงทำนองที่เขาเป่าบรรเลง ถูซานจิ่วหลิงรีบเอ่ยขึ้นทันใด “ตงจวินหยุดเป่าเร็วเข้า ดึกดื่นป่านนี้แล้วท่านยังจะเป่าคาถาเรียกมังกรอีกหรือ”
ซีกวงเบนขลุ่ยสั้นออกจากปากแล้วหันหน้ามา “ข้าเห็นว่าพวกท่านยังดูคึกคักกระปรี้กระเปร่า ราวกับยามนี้ไม่ใช่กลางราตรีอันดึกสงัด จึงตั้งใจจะเรียกหลงต้ากับหลงเอ้อร์ที่ตำหนักข้าให้ส่งดวงตะวันขึ้นสู่ยอดต้นฝูซังก่อนเวลาเสียเลย”
ถูซานจิ่วหลิงพลันหน้าแดงด้วยความกระดาก นางเองก็มองออกว่าเฟิงจงง่วงงุนมากแล้ว แต่ด้วยความที่ไม่มีปราณมนุษย์หล่อเลี้ยงมาเนิ่นนานเพียงนี้ พวกนางจึงไม่แคล้วตื่นเต้นยินดีจนเลยเถิดไปสักหน่อย ยามนี้เห็นซีกวงมาแบบนิ่งสุขุม ก็ยิ่งไม่เป็นการสมควรที่พวกนางจะอยู่รบกวนต่อ ดังนั้นถูซานจิ่วหลิงจึงกระแอมแก้เก้อแล้วยืนขึ้นโบกมือเรียกเหล่าจิ้งจอกน้อย “เอาล่ะ เด็กๆ ทั้งหลาย รีบกลับไปกันเถอะ ควรเข้านอนกันได้แล้ว”