เฟิงจงไม่มีโทสะ ทั้งยังคลี่ยิ้มเอ่ย “ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่”
ชิงเสวียนพ่นลมขึ้นจมูกเสียงดังฮึ “ข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าคือชิงเสวียน ชิงเสวียนกับชิงหลี แค่นี้เจ้าก็ยังไม่กระจ่างอีกหรือว่าพวกเรามีความเกี่ยวข้องใดกัน”
เฟิงจงพลันตระหนักได้ “อ้อ พี่ชายกับน้องสาวนี่เอง”
ชิงเสวียนโกรธจนหน้าแดงก่ำ “พี่น้องอะไรเล่า เป็นคู่กันต่างหาก! พวกเราเกิดมาเป็นวิหคครามเพศผู้กับเพศเมียหนึ่งคู่ ถูกลิขิตมาแล้วว่าจะต้องอยู่ด้วยกัน!”
เฟิงจงขบขัน “ก็ชื่อคล้ายกันออกปานนี้ เหมือนคู่กันเสียเมื่อไร”
ชิงเสวียนไม่อยากจะต่อความกับนางด้วยเรื่องนี้แล้ว จึงเอ่ยประณามพร้อมใบหน้าที่แดงด้วยโทสะ “สตรีทั้งหลายในสามพิภพล้วนไม่มีใครให้กำเนิดทายาทรุ่นหลังได้ ทว่าเจ้ากลับเก็บงำวิธีการไว้เพียงผู้เดียวโดยไม่ยอมช่วยเหลือใคร บัดนี้พิภพสวรรค์โกลาหลไปทั่วก็เพราะเจ้า ข้าว่าเจ้าไม่ใช่เทพอะไรหรอก แต่เป็นมารที่ออกมาสร้างความวุ่นวายแก่สามพิภพเสียมากกว่า!” นางพูดๆ อยู่สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ในมือเผยกระบี่เรียวเล็กยาวสามฉื่อเล่มหนึ่ง จากนั้นก็แทงตรงมาทันที
วิหคครามมีความสามารถในการสำรวจค้นหาเป็นที่สุด อีกทั้งนางกับชิงหลียังเป็นวิหคที่เกิดมาพร้อมกัน จึงยิ่งสื่อจิตถึงกันได้อย่างลึกซึ้ง เดิมทีนางบำเพ็ญตบะอยู่ที่เกาะเผิงไหลมาตลอด กระทั่งเมื่อวานรู้ข่าวที่พิภพสวรรค์เกิดการต่อสู้กันภายใน ด้วยความเป็นห่วงชิงหลี นางถึงได้รีบรุดออกจากเกาะมาตามหาเขา ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อไล่ตามกลิ่นอายของเขาเรื่อยมาจนถึงพิภพมนุษย์แล้ว กลับเห็นเขาผู้ซึ่งแต่ไรมาไม่เห็นหัวใคร ถึงกับยืนนบนอบเอาใจจ่งเสินอยู่ท่ามกลางสายลมที่กระโชกแรง ชิงเสวียนยากจะทำใจเชื่อได้ และรู้สึกปวดใจเป็นที่สุด ยิ่งกลัวเขาจะพบว่านางได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว จึงรีบหันหลังหลบมาทันที
ไม่คาดว่าวันนี้ระหว่างทางกลับเกาะเผิงไหลจะพบเจอจ่งเสินเช่นนี้
ในเมื่อเป็นจ่งเสิน ก็สมควรจะสร้างประโยชน์สุขแก่สามพิภพสิ เหตุใดต้องเก็บงำวิธีการไว้ด้วยเล่า ไม่ใช่เพราะเจตนาจะล่อลวงเหล่าเทพเซียนบุรุษให้ต่อสู้กันเองเพื่อนางหรือ เกิดมาเป็นเทพแท้ๆ แต่กลับเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น แล้วจะไม่ให้ตนโกรธเกรี้ยวได้อย่างไรกัน!
เฟิงจงถอยหลังติดๆ กันหลายก้าว ขณะที่ปลายกระบี่เล่มนั้นจ่อมาถึงเบื้องหน้านางแล้ว ทว่าจู่ๆ ก็มีพลังดีดสะท้อนออกมารางๆ ตัวกระบี่ที่พุ่งมาถึงกับโค้งงอ กระทั่งไม่อาจรุกคืบต่อไปได้อีก
ชิงเสวียนเพิ่งพบว่ามีข่ายอาคมอยู่ นางมองปราดไปทางซีกวงอย่างฉุนเฉียว “ต้องเป็นเจ้าหนุ่มนี่ที่ถูกเจ้าล่อลวงมาแน่ๆ เขาถึงได้คอยปกป้องเจ้าเช่นนี้!”
เฟิงจงใช้คทาหม่อนมังกรพยุงกาย เดินออกจากข่ายอาคมมายืนนิ่งอยู่ด้านข้างชิงเสวียน “ต่อให้ไม่มีข่ายอาคม ก็ไม่แน่ว่าเจ้าจะทำร้ายข้าได้”
“พูดโอ้อวดไม่อายปาก!” ชิงเสวียนควงกระบี่โจมตีใส่เฟิงจงทันที
คทาหม่อนมังกรในมือเฟิงจงแตะพื้นเพียงแผ่วเบา เถาวัลย์ก็งอกเงยรัดพันเท้าของชิงเสวียนไว้แน่น นางพลันถลาล้มไปเบื้องหน้า ต้องรีบใช้กระบี่ค้ำยันไว้จึงไม่ถึงกับล้มคะมำ เพียงทรุดเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นเท่านั้น