ม่านมุ้งที่โรยต่ำพลันขยับไหวก่อนจะถูกแง้มเปิดอีกครา ทว่ามือที่ยื่นออกมาคราวนี้กลายเป็นมีผิวพรรณเปล่งปลั่งขาวเนียนแล้ว ผู้ที่ยื่นกายตามออกมาจากด้านในคือสตรีชุดสีขาวที่เกล้าเรือนผมสลวยขึ้นสูง คิ้วตาเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์
ถูซานซิ่วซิ่วถามด้วยความประหลาดใจ “จู่ๆ ท่านย่าแปลงร่างเป็นสาวถึงเพียงนี้ทำไมกัน”
หัวหน้าเผ่าเดินมาถึงเบื้องหน้าเฟิงจงโดยไม่แยแสผู้เป็นหลานสาว รอจนมองพิจารณาเฟิงจงอย่างละเอียดแล้ว หัวหน้าเผ่าก็ตกตะลึงจนผงะถอยไปสองก้าว “เจ้าเมล็ดพันธุ์ เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!”
เฟิงจงตะลึงงัน พินิจมองอีกฝ่ายขึ้นลงอยู่เป็นนาน “เจ้าคือ…ถูซานจิ่วหลิง?”
“ใช่แล้วข้าเอง!” ถูซานจิ่วหลิงลูบใบหน้า “ยังดีนะที่ข้าสามารถรักษารูปโฉมนี้ไว้ได้ เจ้าเปลี่ยนเป็นอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้แล้ว หากข้าพบเจ้าด้วยสภาพแก่ชรา ก็ไม่แคล้วขายหน้าหมดน่ะสิ”
เฟิงจงนึกขันระคนประหลาดใจอยู่บ้าง “ข้านึกว่าเจ้าเลือกที่จะนิทราเช่นเดียวกับสหายเก่าเหล่านั้นเสียอีก”
“นิทราอะไรเล่า มีเจ้าเด็กน้อยฝูงนี้อยู่ ผู้ใดจะไปนิทราลง!” ถูซานจิ่วหลิงกวักมือเรียกถูซานซิ่วซิ่วกับถูซานเฟิ่ง “มาๆ นี่คือจ่งเสินเฟิงจงผู้เป็นศิษย์ของมหาเทพหนี่ว์วา พวกเจ้ามาคารวะนางสิ แม้นางกับข้าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่นางเป็นศิษย์ของมหาเทพหนี่ว์วาเช่นเดียวกับท่านแม่ข้า ดังนั้นลำดับอาวุโสจึงสูงกว่าข้าเสียอีก พวกเจ้าก็เรียกนางว่าย่าทวดแล้วกัน”
ตอนนี้เวียนมาถึงคราวที่ถูซานซิ่วซิ่วต้องร้องเสียงหลงบ้างแล้ว “เมื่อครู่ข้าพบนาง ยังเรียกนางว่าน้องสาวอยู่เลย เหตุ…เหตุใดนางกลายเป็นย่าทวดไปเสียแล้วเล่า!”
ถูซานเฟิ่งก้าวขึ้นหน้ามาคารวะแต่โดยดี ทว่าไม่ได้เอ่ยปากเรียกขาน คาดว่าอยู่ต่อหน้าแม่นางน้อยผู้หนึ่งเช่นนี้ เขาคงจะเรียก ‘ท่านย่าทวด’ ออกจากปากไม่ได้จริงๆ
ถูซานจิ่วหลิงเองก็ไม่ได้ติดใจ นางประหลาดใจเรื่องเฟิงจงมากเหลือเกิน จึงดึงมืออีกฝ่ายมาสอบถามโดยทิ้งซีกวงไว้อีกทางหนึ่ง “เจ้ามาอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร”
เฟิงจงทอดถอนใจ ก่อนจะเล่าเรื่องตอนที่นางเพิ่งตื่นจากนิทราให้ถูซานจิ่วหลิงฟังอย่างคร่าวๆ
“เจ้าวิ่งวุ่นอยู่ในพิภพมนุษย์อันรกร้างนั่นเพียงลำพังด้วยหรือ” ถูซานจิ่วหลิงท่าทางตื่นเต้นราวกับกำลังฟังเรื่องเล่าอยู่
“เดิมทีก็มีข้าเพียงคนเดียว ต่อมาข้าเก็บเทพน้อยที่บาดเจ็บสาหัสได้ผู้หนึ่งจึงต่อชีวิตให้เขา และให้เขาเป็นหุ่นเวทของข้า”
ถูซานจิ่วหลิงจุปาก “เทพน้อยนั่นช่างดวงดีเกินไปแล้ว ถึงกับได้เป็นหุ่นเวทของเจ้า เมื่อก่อนหุ่นเวทของเจ้าต้องผ่านการคัดสรรจากมหาเทพหนี่ว์วาเองเชียวนะ”
เฟิงจงแย้มยิ้ม “ตอนนี้แม้แต่ฐานรากดวงจิตของข้าก็ยังไม่มั่นคงเลย จะเอ่ยถึงเมื่อก่อนไปทำไม นั่นล้วนเป็นความรุ่งโรจน์ที่ผ่านเลยไปหมดแล้ว”
ถูซานจิ่วหลิงเพิ่งจะนึกถึงซีกวงในตอนนี้เอง “ตงจวินมาพร้อมกับเจ้าด้วย หรือว่าจะมาด้วยเรื่องดวงจิตของเจ้า?”
ซีกวงสบช่องจึงใช้ให้เกิดประโยชน์ทันที “หัวหน้าเผ่าจะต้องมีวิธีแน่”
“เรื่องนี้ไม่ยากเลย ช่วงที่ผ่านมาในเผ่าข้ามีบางคนพลาดพลั้งด่วนจากไป หลังจากตายข้าก็ยังเก็บรักษาลูกกลอนปราณในร่างเอาไว้ ลูกกลอนปราณนี้มีประโยชน์กว่าให้พวกเจ้าไปตามหายอดโอสถอะไรเป็นไหนๆ ในเมื่อผู้ที่ต้องการใช้คือเจ้าเมล็ดพันธุ์ ข้าก็จะมอบให้เจ้าหนึ่งลูก”