เฟิงจงโล่งอก “ได้พบเจ้าช่างวิเศษโดยแท้ หาไม่ก็ยังไม่รู้ว่าพวกเราต้องตามหาโอสถไปอีกนานเท่าไร”
ถูซานจิ่วหลิงกล่าว “ในเมื่อเจ้ากลายมาเป็นเช่นนี้แล้ว ก็คงจะเป็นลิขิตของสวรรค์เบื้องบน มิสู้เจ้าอยู่ที่นี่เสียเลย นับแต่โบราณมาพวกเราจิ้งจอกเก้าหางตระกูลถูซานก็มากลูกมากหลานอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นมนุษย์ก็ควรจะแต่งงานเกี่ยวดองกับเผ่าจิ้งจอกเก้าหางของข้า รับรองว่าจะต้องสืบทอดทายาทได้มากมายเป็นแน่ นี่ก็เป็นเรื่องดีที่จะสร้างประโยชน์สุขแก่พิภพมนุษย์ด้วยเช่นกัน”
ซีกวงพลันขมวดคิ้วมุ่น รีบมองสีหน้าของเฟิงจง เขาพบว่านางถึงกับใคร่ครวญอย่างจริงจังอยู่
“พูดไปแล้ววาจานี้ก็ใช่ว่าไม่ดี…”
เฟิงจงเพิ่งจะเริ่มต้นประโยคเท่านั้น ถูซานซิ่วซิ่วก็ร้อนใจยิ่ง “ท่านย่า หากข้าบำเพ็ญร่างบุรุษเสียแต่ตอนนี้ยังจะทันเวลาอยู่หรือไม่!”
ถูซานจิ่วหลิงกลอกตามองหลานสาว “เจ้าไม่ต้องมาเสนอตัวเลย!” นางพูดพลางชำเลืองมองถูซานเฟิ่ง ผู้ที่นางพออกพอใจมากกว่าก็คือเขา
เฟิงจงเอ่ยประโยคต่อจนจบ “เพียงแต่ตอนที่ข้าประมือกับอวี้ถูที่ทะเลเขี้ยวพิโรธ เขาแย้มพรายว่าที่พิภพมนุษย์ลงเอยเช่นนี้ก็เพราะมนุษย์ไปแตะต้องถูกสิ่งที่ไม่พึงจะแตะต้องเข้า ข้าจึงอยากไปสืบหาต้นเหตุดูสักหน่อย รอจนฐานรากดวงจิตของข้ามั่นคงและยืมวิสุทธิ์โลหิตมาฟื้นฟูความเป็นเทพแล้ว ข้าถึงจะลงมือแก้ไขสภาพของพิภพมนุษย์ได้”
ถูซานจิ่วหลิงลูบจอนผมตนเอง “พิภพมนุษย์ตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว เกรงว่าคง…” นางชำเลืองมองสีหน้าของเฟิงจงแล้วไม่ได้พูดต่อ นี่คือหน้าที่อันพึงกระทำของผู้เป็นจ่งเสิน นางย่อมไม่อาจห้ามปรามอีกฝ่ายได้
บรรยากาศหนักอึ้งอยู่บ้าง ถูซานเฟิ่งจึงเข้ามาพูดแก้สถานการณ์ให้ “หัวหน้าเผ่า เหตุใดท่านไม่เชิญแขกไปพักสักครู่ก่อนเล่าขอรับ พวกเขาเองก็เหน็ดเหนื่อยกันแล้ว”
ถูซานจิ่วหลิงก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน นางจึงผงกศีรษะรับแล้วเอ่ยกำชับว่าต้องดูแลเฟิงจงให้ดี ทั้งยังถือโอกาสนี้รีบคว้าตัวถูซานซิ่วซิ่วที่เกาะติดเฟิงจงเอาไว้ด้วย
ซีกวงข่มอารมณ์ไว้ เดินมาประคองเฟิงจงแล้วตามหลังถูซานเฟิ่งออกจากประตูไป
ระหว่างทางเฟิงจงพลันถามขึ้นหนึ่งประโยค “เจ้ารู้จักถูซานสือฟางหรือไม่”
ถูซานเฟิ่งหันหน้ามาแล้วขบคิด “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
“เขาอยู่ที่แดนฮุ่นตุ้นน่ะ”
ถูซานเฟิ่งกล่าว “เช่นนั้นก็ไม่แปลกอะไร จิ้งจอกตระกูลถูซานที่อยู่ในแดนฮุ่นตุ้น เป็นไปได้มากที่จะประพฤติตัวไม่ดี เขาจะต้องเปลี่ยนชื่อเป็นแน่ ข้าย่อมจะไม่รู้จัก”
เฟิงจงผงกศีรษะ
ซีกวงที่อยู่ด้านข้างไม่แสดงสีหน้าใดๆ
ถูซานเฟิ่งพลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงสอบถามซีกวงดู “ตงจวิน เมื่อก่อนหัวหน้าเผ่าก็เคยมอบลูกกลอนปราณให้ท่านลูกหนึ่งมิใช่หรือ ท่านใช้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง”
ลูกกลอนปราณจากการบำเพ็ญเซียนของจิ้งจอกเก้าหางมีประโยชน์ใช้สอยอยู่หลายประการ นอกจากใช้รักษาฐานรากดวงจิตให้มั่นคงแล้ว ยังสามารถหลอมรวมเข้าสู่ร่างกายเพื่อที่จะใช้อาคมมายาและอัคคีจิ้งจอกได้เช่นเดียวกับชนเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง