“ขนาดมองหน้าใครไม่ชัดยังอุตส่าห์แอบหนีไปซื้อหนังสือของแววบุหลันคนเดียวได้นะ” มีนาประชด นึกหมั่นไส้เพื่อนไปพร้อมกัน ทั้งที่เธอบอกแล้วว่ารอให้เสร็จงานก่อนค่อยไปซื้อหนังสือที่อยากได้ด้วยกัน แต่ลตางค์ก็ยังแอบไปซื้อเองจนได้อยู่ดี
ยัยตางค์…ถ้าไม่ใช่เรื่องหนังสือก็หัวอ่อนดีอยู่หรอก
“มีน…ขอแว่นคืนเถอะนะ แค่ต้องขึ้นเวทีก็ตื่นเต้นจะตายแล้วรู้ไหม มองโน่นมองนี่ไม่ชัดเดี๋ยวไปทำขายหน้าบนนั้นจะทำยังไง”
“ไม่หรอกน่า ไม่เห็นเนี่ยดีแล้ว จะได้ตื่นเต้นน้อยลงไงล่ะ”
“เดี๋ยวก็ได้พูดผิดๆ ถูกๆ กันพอดี” ลตางค์บ่นอู้กับตัวเอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานของสำนักพิมพ์ที่ขยับเข้ามาใกล้ทำให้มีนายื่นมือไปรวบสมบัติของเพื่อนมาถือไว้
“ได้เวลาแล้วมั้ง จะไปนั่งดูอยู่หน้าเวทีนะ” พูดจบมีนาก็ลุกไปอย่างที่บอกรวดเร็ว ไม่รอฟังเพื่อนตอบรับหรือปฏิเสธ ลตางค์เลยทำได้แต่มองตามแม้จะเห็นเพียงโครงร่างที่ไม่ค่อยชัดนัก
“พิธีกรกำลังจะขึ้นเวทีแล้ว นักเขียนพร้อมนะคะ” เจ้าหน้าที่ของสำนักพิมพ์ให้สัญญาณ
ลตางค์ส่งยิ้มพลางพยักหน้าไวๆ ก่อนจะลุกเดินไปสมทบกับหญิงสาววัยเดียวกันอีกสี่คนที่เธอได้มีโอกาสรู้จักแล้วเมื่อสักครู่ในฐานะนักเขียนเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยมากนัก คลองจักษุที่พร่ามัวทำให้เธอต้องเพ่งสายตาจนแทบกลายเป็นขมวดคิ้ว
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ตาเจ็บ?”
ท่าทางประหลาดของลตางค์สะดุดตาน้ำหวาน…เจ้าหน้าที่ประสานงานที่รับหน้าที่ดูแลนักเขียนที่จะขึ้นเวทีทำกิจกรรม
“เปล่าค่ะ พอดีตางค์สายตาสั้น…” ลตางค์บอกเสียงอ่อยในตอนท้าย
“อ๋อ…ใส่คอนแทกแล้วเคืองเหรอคะ เอาน้ำตาเทียมไหม” น้ำหวานเสนออย่างมีน้ำใจ
“ตางค์ไม่ได้ใส่คอนแทกหรอกค่ะ” ลตางค์ตอบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก นึกในใจว่าน้ำหวานอาจจะกำลังประหลาดใจที่ได้เห็นคนสายตาสั้นแต่ไม่มีแว่นตา แถมยังไม่ใส่คอนแทกเลนส์อีก
“อือ…ลืมแว่นตาเหรอคะ มองเห็นหรือเปล่า”
“เห็นค่ะ เพียงแต่มัวหน่อย เห็นหน้าใครไม่ค่อยชัดนักเท่านั้นเอง แต่รับรองว่าทำกิจกรรมบนเวทีได้แน่ๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหวาน” ลตางค์หัวเราะเบาๆ พยายามให้กำลังใจตัวเองไปพร้อมกันด้วย
“สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเพื่อนๆ นักอ่านและสื่อมวลชนทุกท่าน…” พิธีกรสาวบนเวทีเริ่มดำเนินรายการ ทำให้นักเขียนทั้งหมดต้องเตรียมตัว คนแรกที่ถูกขานชื่อซึ่งไม่ใช่ลตางค์ก้าวนำขึ้นไปก่อนพร้อมรอยยิ้ม
“ทางนี้ค่ะ บันไดสองขั้นนะคะ”
ลตางค์ยิ้มเขินเมื่อได้ยินน้ำหวานกระซิบพลางยื่นมือแตะท่อนแขนช่วยนำส่งไปจนถึงข้างเวทีราวกับเธอเป็นเด็กเล็กๆ ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าความคิดของเพื่อนตัวดีจะเข้าท่า แต่หูก็คอยฟังเสียงจากพิธีกร กระทั่งได้ยินชื่อนามปากกาของตัวเอง จึงก้าวขึ้นไปโดยมีมือของน้ำหวานส่งไปเท่าที่พอจะทำได้
เสียงปรบมือรับทำให้ลตางค์ใจสั่นแต่ก็พยายามกลบเกลื่อนความตื่นเต้นด้วยรอยยิ้ม แนะนำตัวเองตามคำถามนำที่ถูกส่งมาจากพิธีกร และตอบข้อซักถามอื่นๆ อย่างตั้งใจ ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด