เดิมทีเด็กสาวต่อสู้หนึ่งต่อสามก็รู้สึกกินแรงอยู่แล้ว ทันใดนั้นปลายหางตายังเหลือบไปเห็นคนชุดดำสวมงอบผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง นางเห็นคนผู้นั้นยิ้มจางๆ ไพล่มืออยู่ด้านหลังก็พลันตื่นตระหนก คิดในใจว่า คนผู้นี้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใดกัน
ยามนั้นนางจึงไม่กล้าย่ามใจอีก ทางหนึ่งคอยรับมือกับทหารเลวสามนายนั้น อีกทางยังต้องคอยระวังไม่ให้คนชุดดำเข้ามาร่วมสร้างความลำบาก ทันทีที่แบ่งแยกสมาธิเช่นนี้ก็ไม่อาจรับมืออย่างคล่องแคล่วได้อีก เริ่มพลาดท่าอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นบุรุษหน้าหลุมบ่อพลันยื่นมือหมายจะคว้าแขนนาง ทว่ากลับต้องร้อง ‘โอ๊ย’ พร้อมหดมือกลับไป เขาตะโกนห้ามลูกน้องเสียงดัง ก่อนจะก้มมองก้อนหินก้อนหนึ่งซึ่งกลิ้งไปอยู่ที่ข้างทาง ชัดเจนว่าตนถูกก้อนหินซัดเข้าใส่ ทั้งสามคนหันไปมองคนชุดดำพร้อมกัน
บุรุษหน้าหลุมบ่อตวาด “เจ้าเป็นใครกัน กล้ามายุ่งเรื่องของข้า!”
เด็กสาวยืนนิ่ง หอบหายใจน้อยๆ เงยหน้ามองประเมินบุรุษชุดดำ คนผู้นี้รูปร่างค่อนข้างสูง คิ้วคมริมฝีปากบาง แววตาเจิดจ้า หน้าตาหล่อเหลา แต่สีหน้าของเขา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ชวนให้โมโห เพราะบนริมฝีปากนั่นเป็นรอยยิ้มขบขันชัดๆ ด้านข้างเขายังมีม้าสีขาวหิมะตัวหนึ่งยืนอยู่ ลักษณะท่วงท่าสง่างาม แค่มองก็รู้ว่าเป็นอาชาชั้นยอด
บุรุษชุดดำปล่อยมือจากบังเหียน ก้มหน้านวดหัวคิ้วด้วยท่าทางคล้ายปวดหัว เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “เหตุใดข้าต้องมาเห็นเหตุการณ์ทหารเลวข่มเหงชาวบ้านด้วยนะ” ก่อนเงยหน้าขึ้นมองไปที่ทหารเหล่านั้นด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ไม่ทราบว่าพวกท่านทั้งหลายเป็นทหารในสังกัดแม่ทัพผู้ใดหรือ”
หนึ่งในนั้นเตรียมตอบกลับ บุรุษหน้าหลุมบ่อที่เป็นหัวหน้ากลับห้ามเขาไว้ มองประเมินบุรุษชุดดำแล้วเอ่ยว่า “แม่ทัพหยางโหย่วหลินแห่งค่ายทหารเยี่ยนโจวตะวันตก” ตอนนี้ค่ายตะวันตกมีหยางโหย่วหลินเป็นผู้นำ แต่หยางโหย่วหลินแค่ติดตามเฉิงตั๋วมาทางเหนือเพียงไม่กี่วัน ทหารเหล่านี้ล้วนเป็นกองกำลังเสริมแนวหลัง วันนี้เพียงออกมาซ่อมรองเท้าหนัง บุรุษหน้าหลุมบ่อสงสัยว่าคนชุดดำผู้นี้คงพอมีที่มาที่ไปอยู่บ้าง แต่ในใจคิดว่า แม้แต่พวกตนยังไม่เคยพบหยางโหย่วหลินมาก่อน บุรุษชุดดำผู้นี้ย่อมยิ่งไม่รู้จัก จึงกล้ายกชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาอ้าง
เมื่อบุรุษชุดดำได้ยิน สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป เด็กสาวมองแล้วรู้สึกว่าเขาคล้ายจะมีโทสะจางๆ แต่ทหารสามนายนั้นกลับเห็นว่าเขาหวาดกลัว จึงเอ่ยเสียงดังกว่าเดิม “ถ้ามีตาก็รีบไสหัวไปเสีย!”
จากนั้นไม่ว่าผู้ใดก็มองไม่ชัดว่าบุรุษชุดดำลงมืออย่างไร ร่างกายของเขาขยับวูบ บรรยากาศโดยรอบดุดันน่าเกรงขาม ท่วงท่าการเคลื่อนไหวล้วนเล็งไปที่จุดอ่อนของอีกฝ่าย เด็กสาวรับชมจากด้านข้าง เห็นว่าเป็นกระบวนท่าชั้นสูง ไม่ใช่อะไรที่ตนจะสามารถเทียบเคียงได้ แววประหลาดใจในดวงตาจึงยิ่งชัดเจนขึ้น เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายกระบวนท่า ทหารทั้งสามกองอยู่กับพื้น กุมแขนกุมขาร้องโอดครวญกันไม่หยุด
บุรุษชุดดำไม่พูดอะไรและไม่ได้ขยับ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทว่ากลับเป็นเหมือนดาบคมที่ถูกชักออกจากฝักเล่มหนึ่งซึ่งแฝงกลิ่นอายสังหาร บุรุษหน้าหลุมบ่อผวา พอคลานลุกขึ้นได้ก็ไม่กล้าพูดจา คว้าพรรคพวกอีกสองคน พากันประคองขึ้นหลังม้าแล้วรีบร้อนจากไปทันที บุรุษชุดดำมองคนทั้งสามจากไปไกลอย่างเย็นชา สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาสะบัดชายเสื้อ กลับตัวเตรียมจะจากไป
เด็กสาวชุดแดงรีบร้องเรียก “เดี๋ยวก่อน” บุรุษชุดดำหันมามอง นางจึงถามต่อ “ท่านเป็นผู้ใดหรือ”
“แค่คนผ่านทาง”
“เช่นนั้น ท่านมีนามว่าอะไร”
ผ่านไปครู่ใหญ่บุรุษชุดดำจึงตอบ “เฉินจินเซิ่ง”
เด็กสาวครุ่นคิดอย่างตั้งใจ “ชื่อธรรมดาสามัญ ทว่าวิทยายุทธ์นับว่าใช้ได้ ข้าชื่อหมิงจี ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกล้วนก่อกำเนิดสรรพสิ่ง ดังนั้นจึงเรียกว่าหมิง”
เฉินจินเซิ่งแค่นหัวเราะ “ยิ่งใหญ่นัก แต่น่าเสียดายที่ชื่อใช้ได้ คนกลับใช้ไม่ได้”
หมิงจีอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ถลึงตาใส่เฉินจินเซิ่งผู้นั้น ในใจรู้สึกอัดอั้น