ทั้งสองคนสนทนาโต้ตอบกันไม่หยุด ในที่สุดก็เดินทางมาถึงนอกเมืองอย่างช้าๆ หิมะสีขาวแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่เห็นร่องรอยผู้คนแม้แต่น้อย สายลมพัดแรงผ่านมาเป็นระลอก พัดจนผู้คนมือเท้าแข็ง เฉิงตั๋วคิดในใจ คนผู้นี้สวมเสื้อผ้าบางเบา แต่ยามเดินอยู่ท่ามกลางพายุหิมะเช่นนี้กลับไร้อาการหนาวสั่นโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ทว่าหากเขาคิดจะทำร้ายข้า เหตุใดจึงชวนพูดคุยสัพเพเหระ คำพูดเหล่านี้คล้ายไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งยังค่อนข้างเล่นลิ้น การตอบกลับก็ดูตอบตามอารมณ์ทั้งสิ้น
ขณะที่คิดก็ค่อยๆ ตัดสินใจได้ สายตาเขามองไปเห็นว่าในป่าที่อยู่ไม่ห่างออกไปมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง คิดว่ามิสู้พูดคุยกันดีๆ การเดินฝ่าพายุหิมะเช่นนี้ที่สุดแล้วก็น่าเบื่อ จึงเอ่ยว่า “ลมพัดแรงจนน่ากลัว มิสู้ไปหลบในบ้านหลังนั้นดีหรือไม่”
คนตัดไม้ยิ้ม “ดี”
ทั้งสองคนเดินมุ่งตรงไป บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเก่าที่มีแค่ตัวบ้านโล่งๆ ห้องฝั่งตะวันตกกับตะวันออกแยกจากกัน ห้องฝั่งตะวันตกถล่มลงมาแล้ว เหลือแค่ซากกำแพงเท่านั้น ทันทีที่เฉิงตั๋วเข้าใกล้บ้านหลังนั้นก็สัมผัสได้ว่าภายในห้องฝั่งตะวันออกมีคนอยู่ คนตัดไม้ก็ลังเลเล็กน้อย หันมามองเขาคราหนึ่ง
เฉิงตั๋วลอบขบขัน ยังคงสงสัยว่าข้ามีใจจะทำร้ายเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ เจ้ากับเด็กสาวผู้นั้นรวมหัวกันหลอกลวงข้า ข้าเองก็จะหลอกให้เจ้าตกใจบ้าง ยามนั้นจึงผุดรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจ คาดเดาไม่ได้ออกมา ผายมือเชิญอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน สีหน้าคนตัดไม้เคร่งขรึมลงดังคาด ลังเลเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไป
ภายในห้องโล่งว่าง แค่พอใช้บดบังพายุหิมะได้เท่านั้น ประตูห้องก็ไม่มีม่านประตู ทันทีที่เข้ามาในห้องโถงก็เห็นได้ว่าบนพื้นห้องมีกองไฟอยู่ ด้านข้างกองไฟมีชายชราผมหงอกขาว สวมหมวกกันหนาว รูปร่างผอม ใส่ชุดสีน้ำเงินซีด ด้านนอกชุดผ้าฝ้ายห้อยลูกประคำเส้นยาวเอาไว้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นภิกษุรูปหนึ่ง ชั่วขณะนั้นทั้งสองคนต่างประหลาดใจ ชายชรามองประเมินพวกเขา ยิ้มอย่างเมตตา “ในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าจะได้พบแขกผู้สูงศักดิ์ ในเมื่ออาตมามาถึงก่อนก้าวหนึ่ง จึงขอทำตัวเป็นเจ้าบ้านแล้ว เชิญประสกทั้งสองมาผิงไฟเถิด”
คนตัดไม้กับเฉิงตั๋วมองสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเข้าใจแล้วว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ เฉิงตั๋วจึงเดินนำเข้าไปหาสถานที่สะอาดสะอ้านแล้วนั่งลง ยิ้มพูดว่า “พวกเราเร่งรีบเดินทางจนมาถึงที่นี่ คิดจะเข้ามาหลบพายุหิมะ นึกไม่ถึงว่าผู้อาวุโสจะก่อกองไฟเรียบร้อยแล้ว พวกเราเป็นเพียงแขกผ่านทางสองคนที่มารับความสบายพอดี มิใช่แขกผู้สูงศักดิ์อะไร”
ภิกษุรูปนั้นเอ่ยว่า “ท่านสูงส่งยิ่งแล้ว” คนตัดไม้กำลังนั่งลง เมื่อได้ยินดังนั้นจึงมองไปทางเฉิงตั๋วอย่างล้ำลึกคราหนึ่ง
เฉิงตั๋วเอ่ยยิ้มๆ “เดิมทีข้าเป็นพ่อค้าจากเมืองหลวง คิดจะอาศัยภาวะสงครามที่ชายแดนแห่งนี้ ขายสินค้าหาเงินทองเล็กน้อยเท่านั้น”
ภิกษุชราส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ถูกต้องๆ ผู้สูงศักดิ์มีกลิ่นอายของตน แค่มองก็รู้ได้ เสมือนขุนเขาธารา พระประยูรญาติของฮ่องเต้ผู้มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ ไม่มีผู้ใดไม่ทราบ” แววตาเมตตานั้นมองไปที่คนตัดไม้
คนตัดไม้ยิ้มน้อยๆ “ข้าก็แค่คนรักสบายที่อาศัยอยู่ในภูเขาเท่านั้น”
ภิกษุชรายังคงส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ถูกต้องๆ เขาถึงจะเป็นผู้ตัดขาดจากทางโลก ฤๅษีในป่าเขา” เอ่ยจบก็หันไปยิ้มให้เฉิงตั๋ว
เฉิงตั๋วกับคนตัดไม้นิ่งอึ้ง มองสบตา ก่อนหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
เฉิงตั๋วถามว่า “ในวันที่ฟ้าครึ้มถนนลื่น พายุหิมะทำให้เดินทางลำบากเสียจริง เหตุใดผู้อาวุโสจึงมาอยู่ที่นี่” เขาจงใจเน้นคำว่า ‘เสียจริง’