บทที่สอง
ยามนี้เฉิงตั๋วถอยทัพกลับมาถึงค่ายใหญ่เยี่ยนโจวแล้ว ขณะเดียวกันศีรษะของซิวถูอ๋องก็ถูกห่อด้วยธงศึกนำมาวางบนโต๊ะเขา ในใจเฉิงตั๋วลอบชื่นชมแม่ทัพร่างสูงใหญ่ผู้นี้ ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงห้าวัน กองทัพหนึ่งแสนนายของซิวถูอ๋องก็พินาศย่อยยับ กระทั่งตัวซิวถูอ๋องเองยังศีรษะแยกจากร่าง พวกเขายกทัพบุกเข้าไปลึกห้าร้อยหลี่แล้ววกอ้อมกลับมาโจมตี ไม่ว่าศึกนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบอะไรตามมาก็เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมครั้งหนึ่งซึ่งผู้คนยากลืมเลือน นี่ทำให้เฉิงตั๋วอารมณ์ดีอย่างช่วยไม่ได้ เขายืนอยู่หน้าค่ายทหาร มองไปทางทิศเหนือ คิดในใจว่าตอนนี้พวกเราสามารถนั่งรอได้แล้ว กระทั่งหันหน้าไปก็เห็นมุมหนึ่งของคอกม้าที่อยู่ห่างออกไป มีสตรีกลุ่มหนึ่งนั่งเบียดเสียดตัวสั่นอยู่ด้วยกัน แต่ละคนผมเผ้ายุ่งเหยิง
เฉิงตั๋วเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ บนเสาไม้ต้นใหญ่ใกล้คอกม้าล่ามคนผู้หนึ่งเอาไว้ คนผู้นี้กึ่งนั่งกึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น มือที่มัดติดกับเสายกขึ้นมาเหนือหน้าอก เชือกห้อยอยู่กลางอากาศทำให้นางนั่งไม่สบายนัก ท่าทางคล้ายจะหลับไปแล้ว ชุดสีขาวมีรอยเปื้อนเป็นด่างดวงจนมองไม่ออกว่าเป็นสีขาวอีกต่อไป เห็นเพียงใบหน้างดงามซีดขาว ขนตาหลุบต่ำ ดวงตาถูกบดบังอยู่ภายใต้เปลือกตา
เฉิงตั๋วโน้มตัวรั้งปลายคางนางขึ้น สตรีผู้นั้นลืมตาโดยพลัน ภายใต้สีท้องฟ้ามืดสลัว ในชั่วพริบตาแววตาของนางเหมือนมีรุ้งวาบผ่าน เฉิงตั๋วเหม่อลอยไปชั่วขณะ นางเองก็ตื่นตกใจอยู่บ้าง ต่อมาเขาก็กลับมามีทีท่าเย็นชา ส่วนสีหน้านางก็ว่างเปล่าอีกครั้ง เฉิงตั๋วพลันนึกขึ้นได้ สตรีผู้นี้ก็คือผู้ที่หยางโหย่วหลินจับกลับมาได้หลังการบุกโจมตีซิวถูอ๋องในคืนนั้น
เจ๋ออี้เห็นเฉิงตั๋วเดินมาทางนี้จึงเดินตามมาแต่แรกแล้ว ตอนนี้กำลังร้องเรียก “ท่านอ๋อง” อยู่ข้างๆ พร้อมก้มหน้ารอรับคำสั่ง
เฉิงตั๋วมองสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ย “ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าพานางไปทำให้ตัวสะอาดหรอกหรือ”
อ๋องห้ามีนิสัยคลั่งไคล้ความสะอาด ทั้งยังคลั่งได้พิสดารมาก ความคลั่งไคล้ก็คือการชมชอบบางสิ่งอย่างมาก บางคนเป็นกับหนังสือภาพวาด บางคนเป็นกับสุราน้ำชา บางคนเป็นกับของเล่นโบราณ ศึกษาค้นคว้าไปตลอดชีวิต มีความสุขอยู่กับสิ่งนี้ ส่วนเฉิงตั๋วชมชอบความสะอาดจนติดเป็นนิสัย เดิมทีในบรรดาเชื้อพระวงศ์ กฎระเบียบย่อมมีมากอยู่แล้ว หนึ่งวันผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าสี่ห้าครั้ง อาบน้ำทั้งเช้าเย็น ขอแค่ไม่ขี้รำคาญก็ทำตามได้ไม่ยาก แต่บรรดาแม่ทัพที่ออกมาสู้รบภายนอก ปกติมักไม่มีความพิถีพิถันเช่นนี้ มีบางทีสิบวันครึ่งเดือนไม่ได้อาบน้ำก็เป็นเรื่องปกติ เฉิงตั๋วนับได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในใต้หล้าที่สามารถทั้งวางกลศึกและจับดาบสู้รบ เขาออกไปนำทัพอยู่แนวหน้า ตวัดดาบดื่มโลหิต ร่วมทุกข์ร่วมสุข แต่มีอยู่อย่างหนึ่งคือต่อให้ไม่เหลือเสบียง ไม่มีข้าวให้กิน ขอแค่มีน้ำ เช่นนั้นเขาก็ต้องอาบน้ำอย่างน้อยวันละครั้งเสมอ ทุกครั้งที่สู้รบโลหิตอาบร่างกลับมา เรื่องแรกที่จะทำคือถอดชุดเปื้อนเลือดออก อาบน้ำให้สะอาดไปถึงซอกเล็บ
แต่ก่อนยามอยู่เมืองหลวง เฉิงจิ่นเคยเอ่ยล้อเขาเล่นว่า ‘คนโบราณว่าไว้ มนุษย์ที่ไม่มีความคลั่งไคล้ไม่อาจคบหาได้ เพราะแสดงว่าไร้ความรู้สึกลึกซึ้ง ในเมื่อพี่ห้าคลั่งไคล้ความสะอาด บ่งบอกถึงความยึดติดในใจ แสดงว่าเป็นผู้ที่มีความรู้สึกลึกซึ้ง’ เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา ไม่เพียงแต่ทุกคนได้รู้ว่าอ๋องห้ามีความคลั่งไคล้เล็กๆ ในบรรดาคุณชายทั้งหลายก็บังเกิดคนมีอาการคลั่งไคล้ออกมาจำนวนไม่น้อย เหมือนสายลมพัดผ่านวูบหนึ่ง เพื่อที่จะได้รับความสนใจจากองค์หญิงสิบสามสักครั้ง