เฉิงตั๋วมองเขาพร้อมยิ้มบางๆ “ขอบคุณมาก”
คนตัดไม้มองเขาด้วยรอยยิ้มล้ำลึกยิ่งขึ้น ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างพร้อมผายมือ “ท่านแม่ทัพใหญ่ เชิญ!”
เฉิงตั๋วเองก็ผายมือให้เช่นกัน “ท่านตงฟาง เชิญ!”
ทั้งสองมองสบตากัน เสียงหัวเราะค่อยๆ ดังขึ้น ฟังดูก้องกังวานเป็นพิเศษในแดนหิมะที่กว้างใหญ่และเงียบสงบแห่งนี้
พวกเขาเดินย่ำผ่านกองหิมะซึ่งตกทับถมไปตามทางเล็กริมทุ่งนาชนบท มุ่งไปสู่กระท่อมฟางหลังนั้น
ตงฟางประสานมือเอ่ย “กระหม่อมมีนามว่าตงฟางฮู่ ชื่อรอง หรานจือ ปกติใช้ชีวิตเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในป่าเขาจนชินแล้ว หากมีสิ่งใดที่เสียมารยาทไป หวังว่าท่านอ๋องจะทรงไม่ถือสา”
เฉิงตั๋วกลับไม่สนใจสนทนาตามมารยาทกับเขา เพียงถาม “ตงฟางฮู่หรือ ฮู่ตัวใด”
“ฮู่จากคำว่าเซียงฮู่ กระหม่อมชอบอักษรตัวนี้ โครงอักษรค่อนข้างตรงหลักไท่จี๋” พูดจบทั้งสองคนก็เดินมาถึงรั้วไม้ไผ่ด้านหน้าลานของกระท่อมฟางแล้ว
เสียง ‘แกร๊ก’ ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออกจากข้างในพร้อมเงาร่างสีแดงเงาหนึ่งผลุบออกมา นั่นคือหมิงจี เด็กสาวที่เฉิงตั๋วได้พบระหว่างทางวันนี้ ทันทีที่หมิงจีเห็นตงฟางก็ยิ้มกว้าง ร้องเรียก “พี่ชาย” แล้วเดินไปคล้องแขนเขา ก่อนจะชะโงกหน้าออกมามองเฉิงตั๋ว “นี่ก็คือคนผู้นั้นที่ท่านพูดถึงใช่หรือไม่”
ตงฟางหันไปทางเฉิงตั๋ว ยิ้มเอ่ยว่า “น้องสาวกระหม่อมถูกเอาใจจนเคยตัว หากนางเสียมารยาทไป หวังว่าท่านอ๋องจะทรงให้อภัยนางด้วย”
เฉิงตั๋วเห็นหมิงจีแอบอยู่หลังตงฟาง ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู เตรียมจะเปิดปากเอ่ย หมิงจีกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน “ท่านอ๋อง? อ๋องท่านใดกัน”
ตงฟางตอบ “ท่านอ๋องห้าที่ปกติข้าพูดถึงพระองค์นั้น”
หมิงจีปรบมือยิ้ม “ปกติแล้วพี่ชายชอบเล่าว่าท่านอ๋องห้าทรงเก่งกาจอย่างไร แต่วันนี้พอหม่อมฉันบอกให้ท่านอ๋องเสด็จไปทางนั้น ก็ทรงเชื่อแล้วเสด็จไปผิดทางเสียนี่”
เฉิงตั๋วยิ้ม ไม่ได้ตอบคำ
ตงฟางมองเขาอย่างขออภัย ก่อนจะหันมาถามหมิงจี “เมื่อเช้าข้าบอกเจ้าว่าหากผ่านยามเซิน ไปแล้วข้ายังไม่กลับ ก็ให้นำสุราที่อยู่ในครัวมาอุ่น เจ้าได้ทำตามแล้วหรือยัง”
หมิงจีตอบรับ “เจ้าค่ะ อุ่นเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังล้างพุทราเอาไว้จานหนึ่งด้วย”
ตงฟางเอ่ย “เช่นนั้นก็ยกไปไว้ที่เรือนทิศเหนือ” พูดจบก็ผายมือเชิญเฉิงตั๋วเข้าไป
เมื่อเข้ามาก็ได้เห็นว่าภายในลานตั้งนาฬิกาแดดที่ทำจากไม้เอาไว้ ด้านข้างยังมีเก้าอี้ไม้ไผ่สองตัว หิมะถูกกวาดออกไปไว้ข้างทางแล้ว เฉิงตั๋วเดินไปตามระเบียงไม้ไผ่ มองเห็นเรือนมุงด้วยฟางสามหลังเชื่อมติดกัน เรียงเป็นอักษรผิ่น ตงฟางเดินนำเข้าไปยังเรือนทิศเหนือซึ่งใหญ่ที่สุด ตลอดกำแพงทั้งสองฟากล้วนเป็นชั้นหนังสือ ด้านหน้ามีโต๊ะไม้พะยูงตัวใหญ่ซึ่งวางเครื่องมือเครื่องเขียนและม้วนกระดาษอยู่เต็มโต๊ะ ทั้งสี่มุมแขวนภาพแปลกๆ และแผนที่จำนวนหนึ่งเอาไว้ เฉิงตั๋วเมื่อได้เห็นแผนที่ก็เดินเข้าไปดูโดยไม่รู้ตัว ตงฟางที่เดินเลี้ยวไปทางม่านไม้ไผ่ของระเบียงอีกด้านเอ่ยว่า “เชิญท่านอ๋องเสด็จทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”