เฉิงตั๋วนิ่งอึ้งไป ก่อนเอ่ยว่า “น้องหรานจือรู้แจ้งยิ่ง” ระหว่างร่ำสุราเขาจึงเล่าสภาพการศึกในช่วงหลายวันนี้ไปรอบหนึ่ง สุราร้อนขับหนาว หลังดื่มลงไปหลายจอก ภายในห้องก็ตลบอบอวลด้วยไอร้อนแล้ว
ตงฟางฟังจบก็พูดอย่างครุ่นคิด “การบุกโจมตีโดยกะทันหันนี้ให้ผลลัพธ์ฉับไวก็จริง แต่ก็กระตุ้นโทสะของราชสำนักหูตี๋ด้วย พวกเขาจะต้องยกทัพมาโต้กลับอย่างแน่นอน ช่วงหลายปีมานี้พี่สีเจี้ยนทำศึกอยู่ทางใต้ น่าจะรู้ว่าบ้านเมืองเสียหายเพราะสงครามไม่ใช่น้อย ตอนนี้อาจไม่สามารถทำศึกครั้งตัดสินกับหูตี๋ได้จริงๆ ท่านวางหมากตัวนี้ลงไป สุดท้ายคิดจะปิดฉากอย่างไรหรือ”
เฉิงตั๋วเงยหน้าดื่มสุรา พูดอย่างไม่เร่งไม่ร้อน “น้องหรานจือมีความคิดเห็นอย่างไร”
ตงฟางมองเขา คลี่ยิ้มช้าๆ “ในเมื่อท่านมีความมั่นใจเช่นนี้ ข้าจะกล้าเสนอความคิดเห็นได้อย่างไรกัน”
เฉิงตั๋ววางจอกสุราลง “ข้าเพียงแค่คิดว่าเมื่อรถมาถึงหน้าภูเขาย่อมมีทาง รอรับมือไปตามสถานการณ์ก็เท่านั้นเอง การเดินทัพไม่อาจไม่วางแผน แต่หากวางแผนไปเสียทุกเรื่องก็ไม่มีการโจมตีกะทันหันแล้ว”
ตงฟางเคาะตะเกียบกับโต๊ะเบาๆ ร้อง “ไม่เลว!” จากนั้นรินสุราให้เฉิงตั๋วอีกจอก เอ่ยอย่างเนิบช้า “ดังนั้นท่านจึงออกเดินทางเพียงลำพังมายังหมู่บ้านสันโดษแห่งนี้เพื่อชมทิวทัศน์อย่างนั้นหรือ”
เฉิงตั๋วเหลือบตาขึ้นมองเขา “อาจเป็นเพราะสภาพอากาศทางนี้ไม่เลวกระมัง”
ตงฟางหัวเราะเสียงดัง “บอกตามตรง เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าลองเสี่ยงทายดูแล้วได้ลักษณ์ของสงครามจริงๆ เพียงแต่ราชสำนักตอบตกลงเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แล้ว จะยังมีสงครามอีกได้อย่างไร แต่ผู้ที่มีอำนาจคุมทัพทั้งยังกล้าขัดราชสำนัก เห็นทีจะมีเพียงพี่สีเจี้ยนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ข้าจึงเดาว่าท่านจะต้องมาเยือน รุ่งสางวันนี้ประกายม่วงปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก* สาดส่องมาตรงหน้าขั้นบันไดบ้าน ข้าใคร่ครวญว่าบริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือแห่งนี้ ผู้ที่มีกลิ่นอายสูงส่งก็มีเพียงท่านอ๋องห้าแล้ว ดังนั้นจึงจงใจบอกให้หมิงจีไปชี้ทางบอกท่านที่เมืองผิงเหยา”
เฉิงตั๋วถอนหายใจ “แต่เจ้ากลับให้นางชี้ทางผิดให้ข้าเสียนี่”
ตงฟางพูดต่อ “เดาว่าเหตุผลที่ท่านมาตามหาข้ามีสองอย่าง หากข้ายังมีประโยชน์ให้ใช้งานได้บ้าง ท่านก็ต้องการให้ข้าทำงานให้ ป้องกันไม่ให้ไปช่วยเหลือผู้อื่น หากข้าเป็นผู้ไร้การศึกษา อยู่ที่ชายแดนแห่งนี้เพื่อตั้งใจมอมเมาจิตใจผู้คน ท่านก็จะกำจัดข้า ดังนั้น…”
เฉิงตั๋วเอ่ยต่อแทนเขา “ดังนั้นเจ้าจึงอยากจะดูว่าข้าเป็นคนเช่นไร หากข้ามาถึงที่นี่แล้วไม่ได้พบเจ้า ย่อมต้องล่าถอยกลับไปเอง แต่เจ้ากลับไปรอข้าอยู่ที่ทางแยกตะวันตกเฉียงเหนือ หากข้าไม่เข้าตาเจ้า เจ้าก็จะซ่อนเร้นตัวตน หลีกเลี่ยงข้านับแต่นี้ไป”
ตงฟางได้ยินเขาพูดออกมาตรงๆ ก็อดรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยไม่ได้ “พี่สีเจี้ยนพูดจาตรงไปตรงมานัก”
เฉิงตั๋วเอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าพูดไม่ผิด แต่หากเจ้าไม่ยอมรับใช้ข้า ข้าก็ไม่มีทางสร้างความลำบากให้เจ้า”
ตงฟางมองตรงไปที่เขา “ไม่กลัวว่าข้าจะเป็นศัตรูกับท่านหรือ”