ค่ายใหญ่เยี่ยนโจวเป็นค่ายที่เฉิงตั๋วทุ่มเทแรงใจก่อสร้างขึ้นมาเมื่อสองปีก่อน ตัวค่ายอิงเนินสูงแห่งหนึ่ง แบ่งค่ายออกเป็นฝั่งตะวันตกและตะวันออกด้วยทางน้ำ บนเนินสูงสร้างค่ายแยกออกมาอีกแห่งหนึ่ง บนล่างสอดคล้อง ทำมุมเกื้อหนุนกับค่ายตะวันตกและตะวันออก ทั้งบุกโจมตีง่ายและถอยมาตั้งรับได้ นับตั้งแต่ก่อตั้งค่ายแห่งนี้มา ชาวหูก็ไม่เคยบุกลงใต้โดยผ่านเข้าไปในเมืองทางใต้ของเยี่ยนโจวได้อีก กู่หลีอ๋องผู้นี้ขวัญกล้ามากเกินไป ไม่ต้องพูดถึงทหารแค่สองพันนาย ต่อให้ทหารม้าอีกสามหมื่นนายที่อยู่ห่างไปยี่สิบหลี่ของเขามาร่วมด้วย ก็ไม่แน่ว่าจะตีค่ายแห่งนี้แตก
โดยไม่รอให้กู่หลีอ๋องตอบสนอง ทหารม้ารอบด้านก็บุกเข่นฆ่าเข้ามาแล้ว หยางโหย่วหลินนำทัพสังหารมาถึงใจกลางเป็นคนแรก เขาก้มตัวสะบัดฟัน ควงดาบง้าวได้น่าดูชมยิ่ง ทหารม้าของเขาติดตามมาด้านหลัง ดาบข้างเอวขยับเคลื่อนขึ้นลงไม่หยุด เฉิงตั๋วยืนมองอยู่บนที่สูง ทันใดนั้นก็เกิดรู้สึกสนุกขึ้นมาจึงไม่เข้าไปช่วยหนุน หากแต่สั่งผู้ใต้บัญชาข้างกายว่า “บรรเลงดนตรี”
ดังนั้นวงดนตรีที่บรรเลงบทเพลงไปเมื่อยามกลางวันจึงเล่นขึ้นมาอีกครั้งในความมืด ทว่าเป็นท่วงทำนองปลุกใจอย่าง ‘บทเพลงฝ่าขบวนรบ’ เสียงแตรเขาสัตว์ทุ้มต่ำ เสียงระฆังดังกังวาน สอดคล้องกับทิวทัศน์อย่างยิ่ง หยางโหย่วหลินก็ไม่หวาดกลัว เมื่อได้ยินท่วงทำนองนี้ก็ยิ่งดุดันมากขึ้น ขอแค่เขาผ่านไปทางใด ทุกหนแห่งล้วนกลายเป็นธารโลหิต คนและม้าล้มกองบนพื้น เมื่อบทเพลงยาวนั้นจบลง ทหารชาวหูบนสนามรบก็เหลืออยู่เพียงครึ่ง
เฉิงตั๋วนั่งอยู่บนหลังม้า ชมทหารฝ่ายตนสังหารศัตรูจากที่ไกล สายลมพัดพาเสียงดนตรีบรรเลง เสียงเครื่องสายดุจพายุสลายมวลเมฆ เขาเปรมปรีดิ์ยิ่ง ให้เสียดายที่ยามนี้ไร้สุรา ทันใดนั้นท่วงทำนองก็สับเปลี่ยน หนนี้เป็นบทเพลงเกรียงไกรอย่าง ‘คว้าชัยกลับมา’ ท่วงทำนองเคร่งครัดหนักแน่น เหล่าทหารม้าเยี่ยนโจวด้านล่างรับฟังจนเลือดลมพลุ่งพล่าน ข่มกลั้นไม่ไหว ทยอยกันเข้าไปในสนามรบ บทเพลงยังไม่ทันจบดี ทหารชาวหูก็ถูกเข่นฆ่าเกือบสิ้น เมื่อเพลงจบลง การคว้าชัยกลับมาก็บังเกิดขึ้นจริงๆ ทั่วทั้งสนามรบเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องกึกก้อง
เวลานี้ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเป็นสีแดงเข้ม ยามรุ่งสางใกล้มาเยือนแล้ว เฉิงตั๋วมองไปยังท้องฟ้าราตรีด้านตะวันตกเฉียงเหนือ กลับเห็นว่าคล้ายมีเปลวไฟพุ่งขึ้นมา เฉิงตั๋วควบม้าเข้าไปในค่ายใหญ่ พบกับหยางโหย่วหลินซึ่งหนีบศีรษะกู่หลีอ๋องไว้ใต้รักแร้ จึงโบกมือกล่าวกับเขาว่า “เอามานี่ เจ้าอยู่รักษาการณ์ค่ายใหญ่ ข้าจะไปทางด้านขวาเพื่อสมทบกับจ้าวสุ่น ก่อนข้ากลับมาเก็บกวาดที่นี่ให้สะอาดด้วย”
การศึกครั้งนี้ประหนึ่งพายุพัดเมฆสลาย ทหารจำนวนสามหมื่นนายในค่ายใหญ่ของกู่หลีอ๋องที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบหลี่เหลือรอดแค่หมื่นกว่านาย คนที่เหลือถูกเฉิงตั๋ว จ้าวสุ่น และคนอื่นๆ โจมตีพร้อมกันจากหลายด้าน เมื่อเหล่าทหารของกู่หลีอ๋องเพ่งมอง ก็เห็นศีรษะของท่านอ๋องของพวกตนตกอยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่ายแล้ว พวกเขาตื่นตกใจ ชุลมุนจนเหยียบย่ำพวกเดียวกันเอง มีบางส่วนที่ยอมแพ้ แต่เฉิงตั๋วไม่รับ ถึงกับสังหารจนสิ้นแล้วเผาศพ ภายในระยะยี่สิบหลี่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเยี่ยนโจว ซากศพกระจายเกลื่อน ควันดำพวยพุ่ง
สภาพเช่นนี้ กระทั่งตงฟางยังตระหนกตกใจ เขาตำหนิว่าเหตุใดเฉิงตั๋วจึงได้เข่นฆ่าไปทั่วเช่นนี้