หยางโหย่วหลินส่ายหน้า ปฏิเสธเสียงเด็ดขาด “ไม่ใช่! หากไม่ใช่ถูกพิษ ข้าไม่มีทางหมดสติ ในห้องน้ำมีอะไรแปลกๆ”
“เช่นนี้ก็ถูกต้องแล้ว” ตงฟางเขียนเทียบยาเสร็จเรียบร้อยก็ส่งให้หมอ “ท่านน่าจะถูกพิษ เพียงแต่ข้าไม่ค่อยแน่ใจเพราะพิษนี้หาได้ยากยิ่ง มิหนำซ้ำ…ก็ไม่ควรไปอยู่ในห้องน้ำด้วย”
ยังไม่ทันพูดจบ หมิงจีก็รีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นทุกคนอยู่พร้อมหน้าก็มองไปที่หยางโหย่วหลิน ถามเสียงเบา “แม่ทัพหยาง ข้าได้ยินว่าท่านตกลงไป…ตกลงไป…” ในน้ำเสียงเป็นห่วงคล้ายมีความรื่นเริงเล็กๆ
หลายวันมานี้นับได้ว่าหยางโหย่วหลินถูกหมิงจีฝึกฝนจนหนังหนาแล้ว ไม่ว่านางจะค่อนแขวะอย่างไร หน้าก็ล้วนไม่เปลี่ยนสี แต่หนนี้เป็นเรื่องขายหน้าใหญ่โต ดังนั้นเมื่อถูกหมิงจีถาม เขาก็หน้าดำคล้ำทันที
จ้าวสุ่นหัวเราะฮี่ๆ “ไม่ได้ตกลงไปในส้วม แค่ถูกห้องน้ำรมจนสลบเท่านั้น”
“โอ้ เขา…”
ไม่รอให้หมิงจีพูดจบ เฉิงตั๋วก็เอ่ยแทรก “พิษนี้ร้ายแรงหรือไม่”
“แม่ทัพหยางน่าจะไม่เป็นอะไร เพราะฤทธิ์ยาอ่อนกำลังลงมากแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นเพราะระยะนี้เหน็ดเหนื่อยถึงได้ถูกพิษได้ง่าย” ตงฟางตอบ
“เป็นพิษชนิดใด” เฉิงตั๋วถามต่อ
“พิษชนิดนี้ไม่อยู่ในตำราใดๆ เพียงแค่เล่าต่อกันมาปากต่อปากเท่านั้น อาจารย์…กระหม่อมเคยได้ยินผู้อื่นพูดถึง คนผู้นั้นตั้งชื่อให้มันว่าเร้นราตรี เป็นยาพิษจากนอกด่านชนิดหนึ่ง ไร้สีไร้กลิ่น หากเผลอดมเข้าไปก็จะติดพิษ ถ้าเป็นแค่ช่วงสั้นๆ คนโดนพิษจะไม่รู้สึกตัว แต่หากสูดดมเป็นเวลานานเกินกว่าหนึ่งชั่วยามจะต้องตายอย่างแน่นอน อีกทั้งคนรอบข้างยังยากจะรู้สาเหตุการตาย เพียงแต่ยาพิษชนิดนี้หากเจอกับของพวกอุจจาระ ฤทธิ์จะสลายไปช้าๆ ดังนั้นกระหม่อมจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดแม่ทัพหยางจึงถูกพิษในห้องน้ำได้”
เฉิงตั๋วขมวดคิ้ว “ในเมื่อไร้สีไร้กลิ่น ซ้ำยังกระจายได้ในอากาศ เช่นนั้นจะตามหาต้นตอของพิษนี้ได้อย่างไร”
“หลังปรุงยาออกมาแล้วบรรจุใส่ขวดหรือใส่ภาชนะอื่น วางตามที่ต่างๆ ไอพิษก็จะกระจายออกมาอย่างช้าๆ เองพ่ะย่ะค่ะ”
เฉิงตั๋วสั่งการทันที “จ้าวสุ่น เจ้าพาคนไปค้นหาในห้องน้ำ ดูว่ามีของแปลกปลอมอะไรหรือไม่ เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย” จ้าวสุ่นรับคำสั่งแล้วออกไป
“คิกๆ” จู่ๆ หมิงจีก็หัวเราะขึ้นมา “ยาพิษชนิดนี้ ดูท่าว่าถ้าไม่ใช่ถูกรมเป็นเวลานานก็ไม่น่าจะถูกพิษ”
ทุกคนหันไปมองหยางโหย่วหลินอย่างเข้าใจ บนหน้าเขียนว่า ‘ท่านท้องผูกนี่เอง’ เอาไว้ ใบหน้าที่เดิมทีดำทะมึนของหยางโหย่วหลินแปรเปลี่ยนไปเป็นราวกับเปลือกปูต้มสุก ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
หมิงจียิ่งรื่นรมย์กว่าเดิม “พี่หยาง ท่านเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตกลิ้งอยู่ใต้คมดาบ การล้มในห้องน้ำนับว่าไม่เป็นมงคล เช่นนี้จะต้องเป็นเพราะปีนี้เป็นปีชง เผชิญกับดาวหายนะแน่ๆ ข้าจะวาดยันต์ให้ท่านเรียกดีเลี่ยงร้าย พกติดตัวไปสู้รบ รับรองว่าทั้งมีดหอกล้วนฟันแทงไม่เข้า” เอ่ยจบก็ดึงกระดาษเหลืองที่ใช้เขียนเทียบยามา จุ่มชาดวาดภาพส่งเดชลงไป แล้วพับเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยื่นส่งให้หยางโหย่วหลิน “สิบตำลึง หากให้เปล่าจะไม่ศักดิ์สิทธิ์”
หยางโหย่วหลินถลึงตาใส่นางครู่หนึ่ง ก่อนพูดตะกุกตะกักว่า “ข้า…ข้าไม่ได้พกเงิน”
ทุกคนเห็นเขาจริงจังจึงพากันหัวเราะเสียงดัง
หมิงจีเอ่ยอย่างใจกว้าง “ไว้ค่อยให้เงินข้าก็ได้ สิ่งนี้ให้ท่านพกติดตัวไว้ก่อน”
ตงฟางเคาะศีรษะหมิงจีเบาๆ พร้อมพูดกับหยางโหย่วหลิน “ท่านอย่าได้เชื่อนาง นางจะวาดยันต์อะไรได้ มียันต์ที่มีดหอกฟันแทงไม่เข้าที่ใดกัน”
ทว่าหยางโหย่วหลินกลับยื่นมือออกมารับ พับเก็บใส่ไว้ในแขนเสื้อ