ปกติทิวาจะไม่ออกจากบ้านในช่วงปั่นต้นฉบับแต่เวลานี้เขากำลังขับรถไปที่หัวหิน!
เรื่องของเรื่องคือ…ก่อนหน้านี้นักเขียนหนุ่มมุ่งมั่นกับการปิดต้นฉบับซึ่งเขาก็เขียนงานสำเร็จเสร็จสิ้นไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ทว่าจู่ๆ อารมณ์ในการเขียนงานของทิวาก็มอดดับไปเสียดื้อๆ…เขาค้างยี่สิบเปอร์เซ็นต์สุดท้ายของเรื่องมานานถึงหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่เดดไลน์ก็ใกล้เข้ามาทุกที
ถ้ายังค้างอยู่อย่างนี้เขาส่งต้นฉบับไม่ทันเดดไลน์แน่!
ทิวาเหลือเวลาอีกสองสัปดาห์สำหรับการเขียนต้นฉบับยี่สิบเปอร์เซ็นต์สุดท้ายซึ่งไม่ถือว่าโหดมากหากเขาเขียนงานได้ตามปกติ แต่ช่วงนี้ไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมาเขียนงานได้เลยไม่ว่าจะพยายามสร้างอารมณ์ด้วยวิธีไหนก็ตาม ทั้งฟังเพลง พักผ่อนให้เพียงพอ สูบบุหรี่ หรือแม้แต่จิบเบียร์ ชายหนุ่มจึงคิดจะเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน เพราะหลายครั้งที่เขียนงานอยู่บ้านแล้วเกิดอาการตันขึ้นมา วิธีนี้จะช่วยให้เขาสามารถกลับมาเขียนงานได้อย่างลื่นไหล แม้ว่ามันจะเป็นทางสุดท้ายที่เขาจะเลือก เพราะมันค่อนข้างเสียเวลา
ประจวบเหมาะกับเมื่อวันก่อน ‘ภาสกร อัครพนธ์’ เจ้าของท่าเรือ โรงแรม และรีสอร์ตชื่อดังที่หัวหินเดินทางมาประชุมที่กรุงเทพฯ พออีกฝ่ายมีเวลาว่างก็นัดทานข้าวกับเขาตามประสาเพื่อน
ทั้งสองได้พูดคุยกันเรื่องงาน พอภาสกรได้ยินว่าทิวาเขียนงานไม่ออกและกำลังมองหารีสอร์ตเงียบๆ เพื่อเขียนต้นฉบับ ภาสกรจึงเสนอให้ทิวาไปเขียนงานบนเกาะไรวินท์เพราะเขามีบ้านพักส่วนตัวอยู่ที่นั่น อีกทั้งบรรยากาศบนเกาะก็สงบดี และทิวาก็เคยไปเขียนงานที่นั่นมาแล้ว
ในตอนแรกทิวาปฏิเสธด้วยความเกรงใจ เพราะไปรบกวนบ่อยๆ คงดูไม่ดี แต่ภาสกรบอกว่าตนเองไม่ค่อยได้ไปพักที่นั่นอยู่แล้ว เขาเพียงแต่ซื้อที่ดินกับบ้านพักดังกล่าวเอาไว้เนื่องจากชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องเงินแล้วเอามาขายให้ หากทิวาตกลงใจจะไปพักที่นั่น เขาจะให้คนไปเตรียมห้องพักและจัดข้าวปลาอาหารแห้งเอาไว้รออย่างเคย อีกทั้งยังย้ำว่าไม่ต้องเกรงใจเพราะถ้าเทียบกับสิ่งที่ทิวาเคยทำให้เขาแล้วนี่ถือว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
‘คุณกรก็พูดเกินไป ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ’
ทิวาบอกติดตลกเมื่ออีกฝ่ายพูดราวกับว่าเขามีบุญคุณอย่างใหญ่หลวงทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงนักเขียนตัวเล็กๆ ส่วนนักธุรกิจวัยสามสิบเจ็ดปีอย่างภาสกรเป็นเจ้าของกิจการที่มีมูลค่ามหาศาล
‘คุณทิวาจำไม่ได้เหรอครับว่าหลายปีก่อนสภาพเศรษฐกิจแย่มาก ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวทั้งรีสอร์ตและโรงแรมซบเซาจนหลายแห่งต้องปิดตัวลง โรงแรมและรีสอร์ตของผมก็เจอพิษเศรษฐกิจจนขาดทุน แต่พอละคร ‘365 วันฯ’ มาใช้โลเกชั่นในโรงแรมและรีสอร์ตของผมเป็นหลักในการถ่ายทำ พอละครออนแอร์ก็ทำให้มีแฟนละครมาตามรอยจนธุรกิจของผมกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง ผมถือว่าคุณทิวามีบุญคุณกับผมนะ’
ภาสกรบอกจากใจจริง เขาจดจำช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ดีว่าตอนนั้นทั้งโรงแรมและรีสอร์ตแทบไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ พนักงานแทบจะนั่งตบยุงเล่น และเขาเองก็แทบจะประคับประคองธุรกิจเอาไว้ไม่ไหว แต่แล้วก็เหมือนมีโชคช่วยเมื่อละคร ‘365 วัน…ฉันกลับมาเพื่อเอาคืน’ ยกกองมาถ่ายทำที่โรงแรมและรีสอร์ต พอละครออกอากาศแล้วดังเป็นพลุแตก โรงแรมและรีสอร์ตของเขาก็พลอยดังไปด้วย
มีแฟนละครมากมายเดินทางมาท่องเที่ยวตามรอยละคร เมื่อประทับใจก็มีการบอกกันปากต่อปากจนใครต่อใครก็ต้องมาพักที่นี่ ภาสกรได้พูดคุยกับผู้จัดละครจึงได้รู้ว่าละครเรื่องดังกล่าวสร้างจากนวนิยายของทิวา ที่สำคัญทิวาเป็นคนเขียนบทโทรทัศน์เอง และยังแนะนำให้ผู้จัดมาถ่ายทำละครที่รีสอร์ตของภาสกรด้วย เพราะได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยายหลังจากมาพักในรีสอร์ตแห่งนี้
จากนั้นภาสกรก็หาโอกาสมาขอบคุณทิวาด้วยตนเอง ทั้งสองถูกชะตา และคุยกันถูกคอจนกลายมาเป็นเพื่อนกันถึงทุกวันนี้ ภาสกรคิดเสมอว่าละครเรื่องดังกล่าวช่วยพลิกวิกฤตในธุรกิจของเขาให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ดังนั้นการอำนวยความสะดวกให้ทิวาไปพักที่เกาะไรวินท์ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ
“ใกล้จะถึงหรือยัง ผมให้คนเตรียมเรือเอาไว้ให้ที่ท่าเรือตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
ขณะที่ทิวากำลังขับรถอยู่นั้นภาสกรก็โทรศัพท์มาสอบถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อวานนี้กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งข่าวอย่างกะทันหันว่าจะมีพายุเข้าในช่วงเที่ยงวันนี้ เขากลัวทิวาจะติดพายุจนเดินทางไม่ได้ เพราะถ้าพายุใหญ่พัดมาแบบนี้…ไม่มีใครกล้าเสี่ยงออกเรือข้ามเกาะแน่!
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน เมษายน 64)