บทที่ 3
เมื่อพั่วเยวี่ยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบกับฉากเดิมและบทสนทนาเดิมอีกครั้ง
“เซียนหญิง ท่านนอนเต็มอิ่มหรือยัง”
“เซียนหญิง อยากดื่มน้ำหรือไม่”
“เซียนหญิง รู้สึกหิวหรือยัง”
“เซียนหญิง อยากออกไปเล่นหรือไม่”
“เซียนหญิง อยากไปปลดทุกข์หรือไม่”
พั่วเยวี่ยมองสัตว์เซียนเหล่านี้อย่างพูดไม่ออก ดวงตาทอประกายร้อนแรงเหล่านั้นกลอกไปมา ท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ดุจเดิม พวกมันยังคงตื่นเต้นยินดีเมื่อเห็นนางตื่นขึ้นมา
นางนวดคลึงตรงหว่างคิ้ว น้ำเสียงช่วงแรกตื่นนอนหลังจากหลับไปนานออกจะเกียจคร้านปนหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย
“ข้าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว”
“นานกว่าพวกเรา”
คำตอบยังโง่เขลาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน นางแอบกลอกตาอย่างเอือมระอา
แม้ว่าพวกมันจะโง่เขลา แต่ความเร็วในการเตรียมอาหารยังคงกระตือรือร้นว่องไว เพราะเห็นแก่เรื่องนี้หรอกนะ นางจะไม่ถือสาหาความพวกมันแล้วกัน
ยามนี้ชาส่งมายื่นมือรับ ข้าวส่งมาอ้าปากงับ หลังจากเติมอาหารลงท้องจนอิ่มหนำนางก็สั่งเหล่าสัตว์เซียนให้ยื่นนิ้วออกมานับ ลองคำนวณดูว่านางหลับไปกี่วันกันแน่
“ข้านอนหลับไปหกสิบวัน?” พั่วเยวี่ยถามอย่างประหลาดใจ
“ยังมีอีก! ยังมีอีก!” ตัวไหนที่มีนิ้วเท้าก็ชูนิ้วเท้า ตัวไหนไม่มีนิ้วเท้าก็ยื่นกรงเล็บ ตัวไหนไม่มีกรงเล็บก็เสียสละกีบเท้า
นางได้แต่บวกเพิ่มไปอีก “แปดสิบแปดวัน?”
“ยังมีอีก! ยังมีอีก!” ตัวไหนที่มีหางก็ยกก้นขึ้นสูงแล้วส่ายไปส่ายมาตรงหน้านาง
“…หนึ่งร้อยวัน?”
“ยังมีอีก! ยังมีอีก!” ตัวไหนที่ไม่มีหางอีกทั้งพลังการบำเพ็ญเพียรต่ำก็นอนหงายท้องกับพื้น ชูสี่ขาขึ้นฟ้า
พั่วเยวี่ยมีสีหน้ากลัดกลุ้ม “เหตุใดถึงนอนลงไป”
“หัวนม บวกหัวนมไปด้วย”
บ้าเอ๊ย…นางอยากเตะเจ้าสัตว์โง่เง่าฝูงนี้ให้กระเด็นนักเชียว!
สรุปได้ว่าพอผ่านการคิดคำนวณสุดชุลมุนพักหนึ่ง นับรวมจากสัตว์หลากหลายชนิด แม้ว่าจะไม่แม่นยำเท่าไรกลับพอประมาณเวลาได้คร่าวๆ นึกไม่ถึงเลยว่านางจะหลับไปนานถึงครึ่งปีเต็ม
เพียงแต่จะว่าไปแล้วความจริงการฟื้นฟูวิญญาณดั้งเดิมไม่ต่างอะไรกับปลีกตัวบำเพ็ญเพียร เป็นการกระทำที่ต้องสิ้นเปลืองเวลาและพลังใจมากมาย การปลีกตัวนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนพริบตาเดียวอาจผ่านไปแล้วหลายปี พอลองเปรียบเทียบกันดูนางนอนหลับไปแค่ครึ่งปีนับว่าเร็วมากแล้ว
นางนอนอยู่บนเตียงมานานกว่าครึ่งปี บนร่างกายไม่มีกลิ่นเหม็นสาบสักนิด กลับยังเย็นสบายสดชื่น เสื้อผ้าก็สะอาดเอี่ยม ไม่เหมือนคนที่ไม่อาบน้ำมาครึ่งปีเลย เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
“ระหว่างที่ข้านอนหลับสนิทพวกเจ้าคอยปรนนิบัติดูแลหรือ”
พอเห็นเหล่าสัตว์เซียนพยักหน้านางก็คิดในใจว่า ก็จริงอยู่ ที่นี่ไม่มีใครอื่น ถ้าหากไม่ใช่พวกมันคอยดูแลข้าจะให้เป็นเจ้าต้วนมู่ไป๋นั่นหรือ ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
พั่วเยวี่ยคิดด้วยความมั่นใจว่าต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน แต่ไม่รู้ตัวเลยว่านางประเมินความเข้าใจของสัตว์เซียนสูงเกินไป และประเมินความสามารถในการตอบไม่ตรงคำถามของพวกมันต่ำเกินไปอีกแล้ว
อย่างไรสัตว์เซียนก็ยังเป็นสัตว์เดรัจฉาน แม้ว่าจะบำเพ็ญเพียรจนกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังขาดสติปัญญา การช่วยเหลือนางล้างหน้าบ้วนปาก ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ นอกเสียจากว่าจะมีมนุษย์สั่งการ มิฉะนั้นสัตว์เซียนไม่มีทางเข้าใจและไม่รู้ว่าต้องจัดการเช่นไรด้วย เนื่องจากพวกมันทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียวจึงทำได้แค่งานที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก ด้วยเหตุนี้คนที่คอยปรนนิบัตินางความจริงแล้วเป็นต้วนมู่ไป๋นั่นเอง