ทดลองอ่าน ท่านเซียนอย่ามาหลอก บทที่ 3 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ท่านเซียนอย่ามาหลอก บทที่ 3

ผู้สำเร็จเป็นเซียนไม่แตะต้องธัญพืชทั้งห้ากายเซียนส่งกลิ่นหอมรวยรินโดยธรรมชาติ รักษาความสะอาดหมดจดไว้อยู่เสมอ ทว่าสำหรับคนที่เพิ่งเปลี่ยนร่างเช่นพั่วเยวี่ยนั้นไม่มีพลังการบำเพ็ญเพียรอยู่เลยจึงต้องกินดื่มและอาบน้ำเหมือนมนุษย์ปุถุชน

การยกน้ำและการหยิบเสื้อผ้าจึงเป็นหน้าที่ของสัตว์เซียน แต่การใช้ปากป้อนยาอิ่มทิพย์ คอยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดล้างทำความสะอาดร่างกายเป็นเรื่องที่ต้วนมู่ไป๋ลงมือทำด้วยตัวเองทั้งหมด สำหรับเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเขาถึงไม่ใช้อาคมชำระกายทำความสะอาดร่างกายนางนั้นแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความต้องการส่วนตัวของเขา

แต่พั่วเยวี่ยไม่มีทางรู้เรื่องนี้ได้หรอก เพราะความเข้าใจของสัตว์เซียนก็เป็นเช่นนี้ เซียนหญิงถามเรื่องไหน พวกมันก็ตอบเรื่องนั้น เซียนหญิงไม่ได้ถามเรื่องท่านเซียนกระบี่ พวกมันจึงไม่มีทางเล่าว่าท่านเซียนกระบี่ทำความสะอาดเรือนร่างของนางทุกสัดส่วนอย่างละเอียดลออหรือว่าดูแลนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าโดยไม่ขาดตกบกพร่องเช่นไร

บางทีอาจเป็นเพราะผลไม้เซียนรวมพลังปราณสำแดงฤทธิ์แล้ว นางจมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราครั้งนี้ นอกจากรู้สึกเกียจคร้านเมื่อแรกลืมตาตื่น หลังจากกินดื่มอิ่มหนำสำราญก็สัมผัสได้ว่าภายในกายมีพลังทะลักออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จากนั้นร่างกายก็มีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม

นางลองกระตุ้นลมปราณในร่าง กลับต้องประหลาดใจที่พบว่าเส้นชีพจรล้วนเปิดโล่งและเชื่อมต่อถึงกัน ไอร้อนสายนี้ไหลวนเวียนทั่วร่างเพราะแรงกระตุ้นจากนาง

ข้ามีลมปราณแล้ว!

พั่วเยวี่ยรู้สึกประหลาดใจระคนยินดีกับสิ่งที่พบจึงรีบออกไปหาต้วนมู่ไป๋ทันทีเพราะอดใจรอไม่ไหว แล้วก็เป็นเหมือนเช่นเคย ข้างหลังมีแมลงตามก้นน่ารำคาญฝูงหนึ่งตามติดหนึบไม่ห่างอีกแล้ว เพียงแต่วันนี้นางอารมณ์ดี ไม่คิดจะถือสาหาความ

นางเดินมาถึงเรือนลั่วสยาอย่างคึกคัก ก่อนย่างเท้าเข้าประตูก็เผยสีหน้าประดับรอยยิ้มหวานหยด

“อาจารย์เจ้าคะ…”

ต้วนมู่ไป๋ที่กำลังจรดปลายพู่กันเขียนอักษรอยู่ที่โต๊ะหนังสือได้ยินเสียงหวานละมุนปานน้ำผึ้งก็เงยหน้าขึ้นมา มองเห็นดวงหน้านางสดชื่นกระจ่างใส ยิ้มแย้มงดงามปานบุปผา นัยน์ตาคู่งามฉายแววฉอเลาะเอาใจมากกว่าปกติ

มุมปากของเขาพลันยกโค้งขึ้น วางพู่กันลงบนโต๊ะแล้วยื่นมือออกไปหานาง

“เป่าเอ๋อร์ มาหาข้าสิ” ท่าทางคล้ายตอบรับนาง ทว่าน้ำเสียงกลับแหบพร่าเย้ายวนกว่าที่เคย

ดูสิดู นัยน์ตาสีเข้มดุจน้ำหมึกแสนลึกล้ำคู่นั้นสะท้อนประกายวิบวับฉ่ำวาว มุมปากยังยกโค้งเป็นรอยยิ้มจางๆ ล่อลวงหัวใจจนคันยุบยิบไปหมด ที่แท้ต่อหน้าธารกำนัลบุรุษผู้นี้แสร้งมีจิตใจดีงามเปี่ยมคุณธรรม ส่วนลับหลังกลับมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับลูกศิษย์ตัวเอง ช่างเป็นบ่อเกิดหายนะชวนให้ลุ่มหลงโดยแท้

โชคดีนางไม่ชื่นชอบบุรุษประเภทนี้ จึงไม่มีทางหลงใหลจนจิตใจว้าวุ่นสับสน

เมื่อครั้งอยู่ในแดนมาร เวลาต้องรับมือกับจอมมารนางก็เสแสร้งแกล้งทำได้อย่างเชี่ยวชาญ ฉะนั้นสีหน้าเคารพนอบน้อมต่อผู้อาวุโสเช่นนี้จึงปั้นออกมาได้สมจริงสมจัง นางเดินมาอยู่ข้างกายเขาแล้วกอดแขนออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดู

“อาจารย์ ผลรวมพลังปราณนั่นไม่ธรรมดาจริงๆ ข้านอนหลับสนิทดีเหลือเกิน วันนี้พอตื่นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกจิตใจปลอดโปร่งโล่งสบายเหมือนเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไม่มีผิดเลยเจ้าค่ะ”

ต้วนมู่ไป๋มองสำรวจสีหน้าของนาง เขาพยักหน้ารับพลางเอ่ยว่า “ใบหน้าแดงเปล่งปลั่ง ท่าทางนอนหลับเต็มอิ่มแล้วจริงๆ”

“นั่นสิๆ ศิษย์รู้สึกว่านอนพักฟื้นสะสมพลังงานไปนานมากก็เลยอยากยืดเส้นยืดสายแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเริ่มฝึกวิชาเซียนได้หรือเจ้าคะ”

ประโยคสุดท้ายสิถึงนับเป็นประเด็นสำคัญ ถ้าขืนนอนหลับต่อไปกระดูกของนางคงขึ้นสนิมเป็นแน่ เริ่มสอนวิชาเซียนให้นางได้แล้วกระมัง พอไม่มีอิทธิฤทธิ์ทำอะไรก็ไม่สะดวกเอาเสียเลย ไม่ต้องเอ่ยถึงท่องเที่ยวทั่วแดนเซียน แม้กระทั่งกลับแดนมารก็ยากลำบากนัก

เขาตอบนางอย่างนุ่มนวลว่า “ไม่ต้องรีบร้อน รออาจารย์ตรวจดูร่างกายเจ้าให้ดีก่อน” ฝ่ามือใหญ่หนากุมมือนางไว้ ดึงร่างบางเข้ามาอยู่ตรงหน้า ฝ่ามืออีกข้างลูบไล้ใบหน้านางพร้อมโน้มกายไปข้างหน้า ใบหน้าของเขาเลื่อนเข้าประชิดไปทีละนิด จ้องมองนางด้วยแววตาร้อนแรงเจิดจ้า

คนทั้งสองอยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้ เขามองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในดวงตานางด้วยซ้ำ ทว่าแววตาของนางยังคงบริสุทธิ์สดใส หัวใจเต้นสม่ำเสมอมั่นคง ไร้ความเขินอายใดๆ จากการสัมผัสลูบคลำหรือสายตาจับจ้องของเขา

“เป่าเอ๋อร์”

“เจ้าคะอาจารย์”

น้ำเสียงก้องกังวานอีกทั้งยังชัดเจนสงบนิ่ง ไม่มีความประหม่าและอึดอัดเลยสักเศษเสี้ยว

เขาจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง ความคิดหวนย้อนไปถึงเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน เขายังจดจำช่วงเวลาที่พบหน้านางเป็นครั้งแรกได้ดี นางยังลั่นวาจากับเขาอย่างฮึกเหิมว่าสักวันนางจะต้องช่วงชิงพรหมจรรย์ของเขา แล้วลักพาตัวกลับแดนมารไปเป็นสามีขุนพลมาร

นางเฝ้าตามเกี้ยวเขา ใช้สารพัดกลยุทธ์ หลากหลายไม่ซ้ำกันสักอย่าง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com