บทที่ 5
“เป่าเอ๋อร์ มานี่เร็ว”
พั่วเยวี่ยนั่งไขว้ขาขัดสมาธิอยู่บนต้นไม้ ตั้งจิตมั่นอยู่กับการฝึกลมปราณ ในสัมผัสทิพย์กลับมีเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ของต้วนมู่ไป๋ลอยเข้ามา
นับตั้งแต่ต้วนมู่ไป๋ถ่ายทอดพลังยุทธ์ส่วนหนึ่งให้นางก็ได้ยินเสียงที่ส่งมาจากสัมผัสทิพย์ของเขา
บุรุษผู้นี้ช่วยนางเปิดตาทิพย์ แม้กระทั่งหูทิพย์ก็ด้วย คนที่ไม่ทราบความนัยเบื้องหลังอาจเห็นว่าพวกเขาสองคนจิตใจสื่อถึงกันแค่เพียงสบตาแน่
บุรุษผู้นี้ช่างร้ายกาจนัก ถ้าหากต้องการตามหานางก็ส่งเสียงมา นางกลับต้องเหน็ดเหนื่อยไปหาเขาด้วยตัวเอง หึ เห็นว่าข้าเอ่ยเรียกก็มา โบกมือไล่ก็ไปอย่างนั้นล่ะสิ
นางไม่อยากไปเลยสักนิดจะได้ไม่ต้องเห็นเรือนกายเปลือยเปล่าของเขาอีก พานทำให้นางหลับตาก็เห็นภาพชวนเลือดกำเดาไหล อุจาดตาจะตายไป
“เป่าเอ๋อร์ ไปอยู่ไหนกัน หืม?”
ไม่บอกท่านหรอก ข้าไม่ได้ยิน
“ไม่อยู่หรือ”
ไม่อยู่ ไม่ว่างด้วย
“อ้อ…คงไปหาที่ฝึกวิชาอยู่ตรงไหนกระมัง”
ใช่ ข้ายุ่งมาก ท่านเซียนอยากจะไปที่ไหนก็ไปให้พ้นเถอะ
“น่าเสียดาย วันนี้ตั้งใจจะเลือกอาวุธวิเศษให้เจ้าสักชิ้น…”
พั่วเยวี่ยกระโดดพรวดลุกขึ้นมาทันใด ไม่มีความลังเลเหลืออยู่อีก นางร่ายอาคมเหาะเหินโดยพลัน เร่งรีบไปหาต้วนมู่ไป๋
จะเห็นภาพอุจาดตาก็ปล่อยไปเถอะ อย่างมากนางก็มองแค่เรือนกายท่อนบน เลี่ยงไม่มองท่อนล่าง มีอาวุธวิเศษให้ครอบครอง นางไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว
เมื่อเหาะมาถึงเรือนลั่วสยานางก็มองเห็นต้วนมู่ไป๋ยืนรออยู่ที่ลานบ้าน ชุดสีขาวผ้าพลิ้วปลิวไสว ใบหน้าอิ่มเอิบเปี่ยมด้วยสง่าราศี ไม่ใช่บุรุษเผยเรือนกายเปลือยเปล่า
นางลองกะพริบตาปริบๆ หรือว่าอาคมตาทิพย์จะสิ้นฤทธิ์แล้ว? ขณะยังรู้สึกแปลกใจอยู่นั้นสองเท้าก็ก้าวเดินตรงไปหาเขา
“อาจารย์เจ้าคะ…” เสียงเรียกหาฟังแล้วช่างฉอเลาะออดอ้อน
ต้วนมู่ไป๋มองเห็นดวงตาเปล่งประกายวิบวับรวมถึงรอยยิ้มสว่างเจิดจ้าของนางชัดเจนเต็มสองตา เขารู้อยู่แล้ว ลองใช้ปลาเป็นเหยื่อล่อ แมวเหมียวประเดี๋ยวก็มา
“เจ้ามาแล้ว” เขาเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เจ้าค่ะ ข้าฝึกวิชาอยู่ตลอดทั้งคืน เมื่อครู่ก็เลยเผลอหลับ” นางเสแสร้งต่อไป อย่างไรตีให้ตายนางก็ไม่ยอมรับแน่ “อาจารย์เรียกข้า มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”
จู่ๆ ต้วนมู่ไป๋ก็ยื่นมือมาโอบเอวนางเอาไว้ น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยเตือนแนบชิดใบหู “จับให้แน่นๆ ล่ะ ระวังอย่าตกลงไปนะ”
เสียงของเขาลอยวนเวียนอยู่ นางยังไม่ทันเข้าใจความหมายภาพเบื้องหน้าก็พลันหมุนเปลี่ยนอย่างกะทันหัน ชั่วพริบตาก็ย้ายไปอีกที่หนึ่งแล้ว
พั่วเยวี่ยตื่นตระหนกตกใจ ก่อนหน้านี้พวกเขายังอยู่ในลานบ้าน เพียงชั่วอึดใจเดียวสองเท้าลอยขึ้น เบื้องบนเวิ้งว้าง เบื้องล่างว่างเปล่า ทิวทัศน์รอบกายแปรเปลี่ยนไม่อาจคาดคะเน พานทำให้สายตาพร่าเลือนสับสน ไม่รู้ว่าเวลานี้อยู่ที่ใดกันแน่
อาคมย้ายร่างเปลี่ยนทิศ!
ถ้าหากมนุษย์ปุถุชนฝึกฝนอาคมนี้อย่างมากก็ย้ายร่างชั่วพริบตาไปไม่กี่ฉื่อถ้าหากผู้เป็นเซียนฝึกฝนอาคมนี้จะขึ้นอยู่กับพลังยุทธ์ของคนผู้นั้น อาจย้ายร่างชั่วพริบตาได้ไกลร้อยหลี่** หรือพันหลี่ หรืออาจไกลเป็นหมื่นหลี่ด้วยซ้ำไป เล่าลือกันว่าเมื่ออิทธิฤทธิ์จากการบำเพ็ญเพียรสูงส่งถึงระดับหนึ่งจะสามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ ทิวทัศน์รอบกายเปลี่ยนแปลงบิดเบี้ยว ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วขณะเดียว
นางคิดไม่ถึงเลยว่าต้วนมู่ไป๋จะมีฝีมือเก่งกาจถึงขนาดนี้!