พั่วเยวี่ยรู้สึกผิดหวังเหลือประมาณ เดิมทีนึกว่าจะได้ฉวยโอกาสสอดส่องว่ายอดเขาวั่งเยวี่ยเก็บอาวุธวิเศษชิ้นใดไว้บ้าง ปรากฏว่านางไม่มีค่าพอให้อาวุธวิเศษเหล่านั้นพบหน้า โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าความจริงแล้วต้วนมู่ไป๋ร่ายอาคมบังดวงตาของนางอยู่
“อาจารย์ ในเมื่อข้ามองไม่เห็นพวกมันก็ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” นางแสดงสีหน้าน้อยใจ ทว่าแอบสบถด่าเงียบๆ พั่วเยวี่ย รีบคิดหาทางเข้าสิ เข้ามาเจอขุมทรัพย์แล้วจะยอมกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร!
“วางใจได้ อาจารย์จะแบ่งพลังยุทธ์ให้เจ้าเล็กน้อย เดี๋ยวก็จะมองเห็นเอง”
เฮอะ ข้ารอประโยคนี้ของท่านนี่แหละ!
“ข้ารู้อยู่แล้ว อาจารย์รักข้าที่สุด” นางพลันเปลี่ยนจากกลัดกลุ้มเป็นยินดี เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวาน
อินเจ๋อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเอือมระอา “สตรีนางนี้แม้เปลี่ยนร่างกาย แต่คำหวานเอาใจบุรุษยังไม่เปลี่ยนสักนิด”
ต้วนมู่ไป๋ไม่สนใจเขา ยังคงเม้มปากรักษารอยยิ้มหล่อเหลาละมุนละไม “มาสิ หลับตาลงนะ”
พั่วเยวี่ยเข้าใจว่าก็คงเหมือนกับครั้งก่อนจึงรีบหลับตาลงด้วยความดีใจ เฝ้ารอเขามอบพลังยุทธ์ส่วนหนึ่งให้
ต้วนมู่ไป๋ประคองใบหน้านางขึ้นมา เริ่มจากจุมพิตเปลือกตาซ้าย จากนั้นจุมพิตเปลือกตาขวา
อินเจ๋อเอ่ยอย่างเบื่อหน่ายอีกครั้ง “นางเสแสร้งแกล้งรู้สึก ท่านก็พูดโกหกหน้าตาย พวกท่านสองคนก็เหมาะสมกันดี”
ต้วนมู่ไป๋ดีดลำแสงสายหนึ่งเข้าตรงกลางระหว่างคิ้วของนางก่อนกระซิบบอกว่า “ลืมตาได้แล้ว”
พอได้ยินคำอนุญาตจากเขาพั่วเยวี่ยก็ลืมตาทั้งสองข้าง เมื่อครู่ยังเป็นสถานที่มืดมิด ครั้งนี้กลับมองเห็นอาวุธวิเศษหลากหลายชนิดวางเรียงรายเปล่งรัศมีเรืองรอง ส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ
นางตื่นเต้นยินดียิ่งนัก ทว่าเมื่อเหลือบเห็นบุรุษชุดดำยืนมองอยู่ทางหนึ่งก็ตกใจหน้าถอดสีไปทันที
“อ๊า!” กระบี่ซื่อหมัว!
ราชันแห่งกระบี่ทั้งปวงที่เผ่ามารหวาดกลัวเป็นที่สุด กลิ่นอายดุร้ายของมันสามารถข่มกลิ่นอายมารปีศาจได้อยู่หมัด
อานุภาพของมันน่ากลัวแค่ไหน พั่วเยวี่ยเข้าใจกระจ่างแจ้ง
อินเจ๋อชายตามองสตรีที่ตกใจหน้าไร้สีเลือดอีกทั้งยังหวาดกลัวตัวสั่นสะท้านซึ่งซ่อนตัวอยู่ข้างหลังต้วนมู่ไป๋ด้วยแววตาของผู้อยู่เหนือกว่า เขามองสำรวจอยู่ชั่วครู่ จู่ๆ ก็เงยหน้ามองต้วนมู่ไป๋แล้วกล่าวออกมาโดดๆ ประโยคหนึ่งว่า
“น่าสนุกจริงๆ ด้วย”
เขาพอเข้าใจนิสัยชอบกลั่นแกล้งของต้วนมู่ไป๋แล้ว การหยอกเย้าสตรีนางนี้น่าสนุกไม่ใช่เล่น
“อย่าทำให้นางตกใจสิ” ต้วนมู่ไป๋โอบร่างเด็กสาวตัวน้อยน่าสงสารเข้าสู่อ้อมกอด ลูบแผ่นหลังนางเบาๆ ความรักใคร่เอ็นดูมากล้นเกินบรรยาย
ตัวการใหญ่ที่ทำให้นางตกใจกลัวขนาดนี้เป็นอาจารย์ของนางเองแท้ๆ…อินเจ๋อเผยสีหน้าเอือมระอาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่
“เป่าเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงตกใจขนาดนี้เล่า นี่เป็นวิญญาณผูกพันธะของอาจารย์เอง เขาไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”
ตอนนี้เองพั่วเยวี่ยที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดเขาด้วยความกลัวจนตัวสั่นประหนึ่งใบไม้ต้องลมฤดูใบไม้ร่วงถึงได้สติกลับคืนมาทันใด
นั่นสิ ตอนนี้นางคือเยวี่ยเป่าคนของแดนเซียน ไม่ใช่คนของเผ่ามาร นางไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเขา และไม่ควรหวาดกลัวด้วย คงได้แต่โทษความเคยชินที่ฝังรากลึก มองเห็นกระบี่พิฆาตมารจะต้องหนี กลายเป็นอาการตอบสนองฉับพลันไปแล้ว
“ข้า…ข้าแค่ตกใจที่จู่ๆ มองเห็นข้างกายอาจารย์มีคนโผล่มาเจ้าค่ะ ก็เลย…” นางอธิบายด้วยความลำบากใจ เตือนสติตัวเองว่าให้สุขุมเยือกเย็นหน่อย ทำให้พวกเขาสงสัยคงแย่แน่
ต้วนมู่ไป๋ถอนหายใจ เอ่ยอย่างสะเทือนอารมณ์ว่า “อาจารย์เข้าใจ คนผู้นี้ชอบทำตัวลึกลับผีเข้าผีออก น่าตกใจกลัวจริงๆ นั่นแหละ”
อินเจ๋อนิ่งงันไร้วาจา พั่วเยวี่ยก็เช่นกัน