ลูกตาใต้หนังตาของเซียวฉางหนิงหมุนกลอกอย่างรวดเร็ว ตอนที่นางกำลังลังเลว่าจะส่งเสียงครางแสร้งทำเป็นฟื้นแล้วดีหรือไม่ ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้ง ฝีเท้าของเสิ่นเสวียนไกลออกไปแล้ว
เขาไปแล้วหรือ
เซียวฉางหนิงลืมตาขึ้นข้างหนึ่งอย่างระวังตัว มองสำรวจรอบด้านผ่านร่องม่านพู่ทองตรงหน้าผาก
ราชวงศ์นี้มีประเพณีในการแต่งงานยามพลบค่ำ ระหว่างทางต้องเหน็ดเหนื่อยทรมานสังขาร เวลานี้ผ่านมาถึงช่วงท้องฟ้าเริ่มมืด ล่วงเข้ายามค่ำคืน ภายในห้องจึงจุดเทียนมงคลสีแดงหลายคู่ ส่งผลให้มีแสงสลัวอบอุ่น บนโต๊ะหน้าเตียงยังจัดวางลำไยพุทราแดงและขนมมงคลไว้หลายจานพอเป็นพิธี นอกจากสิ่งของเหล่านั้นในห้องกลับว่างเปล่าและเงียบสนิท ไร้เงาร่างของเสิ่นเสวียน
เซียวฉางหนิงรู้สึกเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง นางลุกขึ้นจากเตียงทันใด แล้วพลิกเปิดม่านพู่ทองตรงหน้าผากมองสำรวจโดยรอบ นี่คงจะเป็นห้องนอนที่ใช้พักผ่อนและเป็น ‘ห้องหอ’ ของนางกับราชบุตรเขยขันทีผู้นั้น แบ่งเป็นห้องชั้นในและชั้นนอก โดยใช้ม่านมุ้งรวมถึงชั้นวางไม้แกะสลักกั้นกลาง ชั้นวางไม้ที่สูงใหญ่มีแจกันสีสดกับหยกแกะสลักล้ำค่าหลายชิ้นวางอยู่ ที่เหลือเป็นเอกสารที่กองทับกันอย่างเป็นระเบียบ เก็บกวาดสะอาดเรียบร้อย โชคดีที่ไม่มีเครื่องลงทัณฑ์ประหลาดน่ากลัวอะไร
พอคิดถึงเครื่องลงทัณฑ์เซียวฉางหนิงพลันรู้สึกเศร้าขึ้นมาอีกเล็กน้อย คนที่ร่างกายพิการส่วนใหญ่จะมีนิสัยประหลาดบางอย่าง โดยเฉพาะพวกที่ถูกตอน ไม่รู้ว่าเสิ่นเสวียนผู้นั้นจะปฏิบัติต่อนางเช่นไร หากฆ่านางให้ตายในดาบเดียวยังพอรับไหว แต่ที่นางกลัวที่สุดก็คือจะถูกบุรุษที่ถูกตอนกลุ่มนี้ทรมานอย่างช้าๆ เท่านั้น…
ขณะกำลังคิดอะไรส่งเดช นอกห้องก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ในใจเซียวฉางหนิงเคร่งเครียดขึ้นมาทันที นางรีบนอนราบลงบนเตียงแสร้งทำเป็นยังไม่ฟื้น
นางเพิ่งนอนลงนิ่งไม่ขยับประตูก็ถูกผลักเปิดออกอีกครั้ง เสิ่นเสวียนที่จากไปแล้วย้อนกลับมาใหม่
เซียวฉางหนิงได้ยินเสียงน้ำไหลวน เพียงชั่วครู่เสียงฝีเท้าก็เข้ามาใกล้มากขึ้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหยุดลงที่ข้างเตียง หัวใจเซียวฉางหนิงก็เต้นขึ้นมาถึงคอหอย…
ทว่าเวลาต่อมา ผ้าเปียกเย็นผืนหนึ่งก็ปิดลงบนใบหน้าของเซียวฉางหนิง
ผ้าชุบน้ำเย็นปิดทั้งหน้าผากกับปากจมูกของเซียวฉางหนิงเอาไว้ ดูแล้วคล้ายคนตายที่มีผ้าขาวคลุมใบหน้า
ไม่นานเซียวฉางหนิงก็รู้สึกว่าหายใจได้ค่อนข้างลำบาก
นางคิดว่าหากตนเองยังไม่ฟื้นอีก ก็คลุมผ้าผืนนี้ฝังลงดินพร้อมกันได้เลย
“แค่ก…” เซียวฉางหนิงกระแอมทีหนึ่ง หันหน้าปัดผ้าเปียกออกแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น
สายตาของนางประสานกับสายตาลึกล้ำเรียวยาวของชายหนุ่มพอดี
“ฟื้นแล้วหรือ” ที่เสิ่นเสวียนใช้เป็นน้ำเสียงมั่นใจ แฝงความหมายยั่วเย้าเอาไว้เล็กน้อย
เซียวฉางหนิงดึงผ้ามาไว้ในมือ ก่อนลุกขึ้นนั่งอย่างรีบร้อน จากนั้นก็กวาดตามองเสิ่นเสวียนอย่างรวดเร็วปราดหนึ่ง แล้วก้มหน้าลงราวกับภรรยาตัวน้อยที่ได้รับความเจ็บช้ำใจ
เสิ่นเสวียนเพียงแค่นั่งวางมือไว้ที่หน้าตักข้างเตียงก็แสดงความเยือกเย็นและโอหังของ ‘พระเก้าพันปี ผู้บัญชาการสำนักบูรพา’ ออกมาจนหมด
เซียวฉางหนิงก้มหน้ามองสำรวจนิ้วมือเรียวยาวของเสิ่นเสวียนที่วางอยู่บนหน้าตัก ก่อนจะพบว่าในแขนเสื้อชุดแต่งงานสีแดงของเขา เขาสวมชุดอู่เผา* สีดำชุดหนึ่ง แถบรัดข้อมือที่แขนเสื้อเสียดสีจนเสียหายเล็กน้อย พอดูก็รู้ว่ารีบร้อนสวมชุดมงคลก่อนจะมาแต่งงาน แม้แต่เสื้อผ้าเก่าด้านในก็ยังไม่ได้เปลี่ยน แม้จะทำเพื่อบังหน้าแต่เช่นนี้ก็ขอไปทีเกินไปแล้ว!
เซียวฉางหนิงอย่างไรก็เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ กลับถูกเสิ่นเสวียนดูแคลนด้วยการกระทำอย่างขอไปทีเช่นนี้จึงเกิดความโกรธอัดแน่นในใจ เพียงแต่ไม่กล้าระเบิดออกมา
บรรยากาศภายในห้องอึมครึมอยู่บ้าง
โชคดีที่เสิ่นเสวียนทำลายความเงียบลงด้วยตนเอง เขาใช้นิ้วมือสะอาดเรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะ แล้วพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความอบอุ่น “ทางห้องครัวเตรียมพวกโจ๊กกับของว่างไว้ เสวยรองท้องสักนิด”
กินอาหาร?
คนทั้งโลกต่างรู้ว่าเสิ่นเสวียนเป็นเพชฌฆาตฆ่าคนไม่กะพริบตา เป็นขันทีเรืองอำนาจชั่วร้ายที่มีความทะเยอทะยาน ครั้งนี้เขาอาศัยเรื่องแต่งงานกับองค์หญิงใหญ่เพื่อแสดงอำนาจต่อเหลียงไทเฮาอย่างชัดเจนแล้ว จะใจดีเช่นนี้ต่อนางที่เป็นตัวประกันผู้นี้ได้อย่างไร
เกินครึ่งคือกินอิ่มแล้วจะได้ส่งนางไปปรโลกกระมัง!